• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563

    20 พฤศจิกายน 2563 | SET News

·         ผู้ช่วย CEO จากบริษัทแอพ Robinhood  เผย นักลงทุนหนุนตลาดหุ้นมีเสถียรภาพหลังเผชิญแรงเทขายหนักตั้งแต่เดือนมี.ค.



·         ตลาดหุ้นผันผวน หลังมนูชินยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด

 

ตลาดการเงินโลกหยุดชะงัก เนื่องจากข่าวนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ประกาศ ยุติโครงการเงินกู้ฉุกเฉินซึ่งส่งผลกระทบต่อความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศเคอร์ฟิวส์เพื่อพยายามต่อสู้กับการติดเชื้อโคโรนาไวรัสที่เพิ่มสูงขึ้น

 

โดยดัชนี S&P500 future ปรับลดลง 0.5% ด้านดัชนี Dow futures ลดลง 0.6%

 

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.5%

 

·         หุ้นญี่ปุ่นปรับลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาที่สูงขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าเจ้าหน้าที่จะกำหนดข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจ

 

โดยดัชนี Nikkei ปิด -0.42% ที่ระดับ 25,527.37 จุด ด้านดัชนี Topix -0.06% ที่ระดับ 1,727.39 จุด

 

สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 29 ปี เนื่องจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาได้หนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

 

อย่างไรก็ตาม มุมมองเชิงบวกได้ชะลอลงไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอาจอ่อนแอลงก่อนที่จะมีวัคซีน

 

 

·         หุ้นจีนปิดสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุและเครื่องจักร ด้านภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน  เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังตลาดตราสารหนี้ที่และมุ่งเน้นไปที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในวงกว้าง

 

โดยดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.44% ที่ระดับ 3,377.73 จุด และดัชนี  blue-chip CSI300 ปิด +0.31%

 



·         หุ้นยุโรปเคลื่อนไหวทรงตัว ท่ามกลางการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯและความกังวลการแพร่ะบาดของไวรัส

 

โดยดัชนี Stoxx600 เคลื่อนไหวทรงตัว ด้านหุ้นน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่หุ่นภาคธนาคารและประกันภัยลดลง 0.2%

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

 

ตลาดหุ้นไทยต้นภาคบ่ายพุ่งกว่า 10 จุด สวนทางตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ที่ติดลบ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการดูแลเงินบาทไม่ได้มีความรุนแรงมากอย่างที่คาดไว้ ทำให้คาดว่าจะยังมีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้น โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่

เมื่อเวลา 14.34 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,380.63 จุด เพิ่มขึ้น 11.21 จุด (+0.82%)

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.53 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,384.30 จุด เพิ่มขึ้น 14.88 จุด (+1.09%)

 

บาทยังแข็งค่าต่อหลัง ธปท.ออกมาตรการ ตลาดฯ มองมีผลน้อย

 

 ธปท.กำหนดมาตรการ ดังนี้

 

1)   เปิดให้คนไทยฝากเงินตราต่างประเทศได้เสรี (Foreign Currency Deposit : FCD) และโอนเงินระหว่างบัญชี FCD ของคนไทยได้เสรี จะช่วยให้ผู้ส่งออกบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศและบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้คล่องตัวมากขึ้น สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดต้นทุนการโอนเงินและชำระเงิน ตลอดจนทำให้คนไทยสามารถกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศได้สะดวกขึ้น เช่น การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ และการซื้อขายทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์ สรอ.


2)   ปรับกฎเกณฑ์และกระบวนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ทั้งในมิติของวงเงินและผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับคนไทยและสนับสนุนให้มีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้มากขึ้น

เพิ่มวงเงินลงทุนให้นักลงทุนรายย่อยลงทุนโดยตรงได้เป็น 5 ล้านดอลลาร์ สรอ.ต่อปี จากเดิม 200,000 ดอลลาร์ สรอ.ต่อปี และไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ลงทุนผ่านตัวกลางในประเทศ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุ

ไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศสำหรับนักลงทุนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

เปิดให้มีการนำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาซื้อขายในไทยได้โดยไม่จำกัดวงเงิน เช่น กองทุนรวมดัชนี (
ETF) ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศได้


3)   การลงทะเบียนแสดงตัวตนเพื่อซื้อขายตราสารหนี้ (Bond Pre-trade Registration) ผู้ลงทุนในตราสารหนี้ไทยต้องลงทะเบียนแสดงตัวตนก่อนการซื้อขาย ทำให้ ธปท. ระบุตัวตนและติดตามพฤติกรรมของนักลงทุนได้อย่างใกล้ชิด เป็นการยกระดับการติดตามข้อมูลและเอื้อให้ ธปท. สามารถดำเนินนโยบายได้อย่างตรงจุดและทันการณ์ ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับการดำเนินการของหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com