ดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 200 จุด ปิดสัปดาห์แดนลบจากกังวลติดเชื้อ Covid-19 พุ่ง
ตลาดหุ้นปิดปรับตัวลงจากความกังวลยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับนักลงทุนตั้งคำถามเรื่องโครงการเงินกู้ของเฟดในสภาวะฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -219.75 จุด หรือ -0.8% ที่ระดับ 29,263.48 จุด
ดัชนี S&P500 ปิด -0.7% ที่ 3,557.54 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิด -0.4% ที่ 11,854.97 จุด
หุ้นบริษัท Boeing -2.9% และ Salesforce -2.5% ปิดวันที่แย่ที่สุดและกดดันให้ดัชนีดาวดจนส์ปิดแดนลบ
การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกว่า -1.1% และ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม -0.9% เป็นปัจจัยฉุดให้ดัชนี S&P500 ปิดแดนลบ
ภพารวมสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นสัปดาห์แรกที่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดรายสัปดาห์ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ -0.7% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับลง -0.8%
ค่าเฉลี่ยราย 7 วันทำการของยอดติดเชื้อ Covid-19 อยู่แถว 165,029 ราย ขณะที่ยอดติดเชื้อสัปดาห์ก่อน -24% โดยในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณ 187,833 ราย โดยหลายๆรัฐที่พยายามเลี่ยงแผนต่างๆที่กระทบต่อการเปิดทำการทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางยอดติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักเศรษฐศาสตร์ JP Morgan ระบุว่า การใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสมีแนวโน้มจะสร้างผลกระทบเชิงลบทางเศรษฐกิจช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 จึงทำให้มีการหั่นคาดการณ์จีดีพี Q1/2021 แตะ -1%
ปัจจัยที่กดดันคามเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดมาจากความไม่ลงรอยกันระหว่างกระทรวงการคลังและเฟดเกี่ยวกับโครงการเงินกู้ฉุกเฉินในช่วงภาวะเศรษฐกิจ
ภาพรวมภาวะขาขึ้นของตลาดเวลานี้ นักลงทุนกำลังตอบรับข่าวดีเรื่องวัคซีน โดยบริษัท Pfizer และ BioNTech มีการยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนฉุกเฉินกับองค์กรอาหารและยา (FDA) ที่อาจสามารถใช้งานและส่งมอบวัคซีนได้ทันทีหลังจากที่เกิดการอนุมัติ
ตลาดหุ้นอาจชะลอตัวในช่วงสัปดาห์ Thanksgiving ท่ามกลางการระบาดของไวรัส
ตลาดหุ้นอาจปรับตัวลดลงต่อได้จาก 2 ปัจจัยหลัก
1. การระบาดของไวรัสโคโรนา
2. ความเป็นไปได้ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จากวัคซีนที่มีแนวโน้มใช้งานได้ในปีหน้า
ในอีกไม่กี่สัปดาห์น่าจะเห็นการใช้มาตรการควบคุมการระบาดมากขึ้นเพื่อจำกัดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างชัดเจน โดยที่ชาวสหรัฐฯหลายรายเลือกที่จะทำตามมาตรการ Stay-at-Home ในช่วงเทศกาล Thanksgiving รวมทั้งมีการงดการจัดงานรื่นเริง
ภาพรวมตลาดจะมีการอ่อนตัวลงจากการระบาดในเวลานี้ จากความกังวลเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อหุ้นกลุ่ม Cyclical โดยจะเห็นได้ว่า หุ้นกลุ่ม Cyclical จะประกอบไปด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมและวัตถุดิบที่ต่างมีการปรับขึ้นไปแล้วประมาณ 1% และในหุ้นกลุ่มเงินปรับตัวลดลงไป -0.5% ซึ่งคาดอาจเห็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตทางบริษัทที่อาจได้รับอานิสงส์จากมาตรการ Stay-at-Home
ตลาดหุ้นจับตา “เฟด” และปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจต่างๆ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเคลื่อนไหวแดนลบหลังจากที่ 5 โครงการฉุกเฉินของเฟดถูกบังคับให้หมดอายุลงในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ จึงสร้าง Surprise ให้แก่ตลาดต่างๆ ขณะที่บรรดาเดทรดเดอร์คาดหวังว่าโปรแกรมต่างๆจะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติหากเงื่อนไขทางการเงินบ่งชี้ถึงความจำเป็นต่างๆ
ตลาดรอรายงานประชุมเฟดคืนวันพุธนี้ ว่าเฟดจะมีการให้รายละเอียดการหารือถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงโครงการเข้าซื้อพันธบัตรหรือไม่ ท่ามกลางกระแสที่ว่าเฟดจะมีการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มขึ้นแตะ 8 หมื่นล้านเหรียญในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ประกอบไปด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวและตราสารหนี้ รวมถึงตลาดรอดูว่าจะมีการคงดอกเบี้ยยาวนานเท่าไหร่
นอกจากนี้ ตลาดยังคงรอปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่
วันอังคาร
- ข้อมูลเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Sentiment)
วันพุธ
- ข้อมูลเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้น (Prelim UoM Consumer Confidence)
- รายได้ส่วนบุคคล
- ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล
- สินค้าคงคลัง
นอกจากนี้ ยังมีถ้อยแถลงสมาชิกเฟดต่างๆ ที่หลายๆคนน่าจะออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการบังคับหมดอายุเงินกู้ฉุกเฉิน
ที่มา: CNBC