· หุ้นปรับตัวสูงขึ้น จากข่าวที่ว่านายโจ ไบเดน กำลังได้รับการถ่ายโอนอำนาจในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป จึงช่วยเพิ่มมุมมองที่สดใสขึ้น ท่ามกลางความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา และโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็ว
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับว่าถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายบริหารจะต้อง "ทำในสิ่งที่ต้องทำ" โดยการถ่ายโอนอำนาจให้แก่โจ ไบเดน ที่เอาชนะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ขณะที่ หุ้นสหรัฐยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมหลังจากมีรายงานว่า นายไบเดน ตัดสินใจเลือก “นางเจเน็ต เยลเลน” อดีตประธานเฟดดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยดัชนีฟิวเจอร์สสำหรับ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.48% ในการซื้อขายช่วงต้นของตลาดเอเชีย
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.15%
· หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยดัชนี Nikkei ปิด +2.50% ที่ระดับ 26,165.59 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 1991
ด้านดัชนี Topix +2.23% ที่ระดับ 1,765.91 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี จากความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ที่ช่วยหนุนความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่ความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายโจ ไบเดน กำลังได้รับการถ่ายโอนอำนาจในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป
· หุ้นยุโรปเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกที่มากขึ้นว่ามีการค้นพบวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่มีประสิทธิภาพอีกชนิดหนึ่งและจากข่าวที่ว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ยอมรับการเปลี่ยนตำแหน่งของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนล่าสุด
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.7% ด้านหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น 2.4% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
-ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,420.03 จุด ลดลง 0.40 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขายราว 58,843 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,432.56 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,408.09 จุด
- โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบกรอบแผนงานโครงการเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในรอบที่ 2 ในกรอบวงเงิน 1.52 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อเนื่องจากรอบแรกที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว วงเงิน 9.24 แสนล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในกรอบของการฟื้นฟูที่กันเงินเอาไว้จำนวน 4 แสนล้านบาท โดยการทำโครงการรอบ 2 นี้ ประเมินว่า เบื้องต้นจะช่วยทำให้จีดีพีของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากฐานปกติที่ไม่มีเงินกู้ ประมาณ0.2% ในปี 63 และคาดว่าจะช่วยให้จีดีพีในปี 64 ขยายตัวได้อีก 0.25%
- "คลัง" เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ โครงการ "คนละครึ่ง" เฟส 2 และเพิ่มค่าครองชีพบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้า ครม.เดือน ธ.ค.นี้ หวังให้เริ่มใช้จริง ม.ค.64 เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน มั่นใจเสถียรภาพการเงินการคลังสามารถก่อหนี้ได้อีกกว่า 9.8 แสนล้าน และยังมีเงินคงเหลืออีก 4 แสนล้าน จาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
- สมาคมตราสารหนี้ไทย คาดภาคเอกชนเตรียมขายหุ้นกู้เดือนนี้ แตะ 1 แสนล้านบาท หลังครึ่งเดือนแรก ออกไปแล้วถึง 6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ต่างชาติยังคงซื้อบอนด์ไทยต่อเนื่อง ด้าน "จิรายุส" ชี้ราคาบิทคอยน์มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง แนะนักลงทุนมีเงินเย็นแบ่งเงินลงทุน