ทองคำทรงตัวในวันหยุดเทศกาล Thanksgiving
· เช้านี้ราคาทองคำตลาดโลกยังคงทรงตัว หลังจากที่ปรับขึ้นจากเมื่อวานเล็กน้อยประมาณ 0.3% ที่ระดับ 1,809.51 เหรียญ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนในเวลานี้
· ปริมาณการซื้อขายในตลาดวานนี้ค่อนข้างเบาบาง เนื่องในวันหยุดเทศกาล Thanksgiving
· นักวิเคราะห์บางราย คาดว่า แนวโน้มอ่อนค่าของดอลลาร์ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สนับสนุนทองคำแม้ว่าจะมีความผันผวนเพียงเล็กน้อย แต่การอ่อนค่าระยะยาวอาจหนุนให้ทองคำกลับสู่ 1,860 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า ทองคำทรงตัวท่ามกลางแรงซื้อบางส่วนที่เข้ามาในช่วงราคาอ่อนตัว จึงช่วยหนุนให้ทองคำขยับขึ้นมาได้แถว 1,810 เหรียญในตลาดเอเชีย ประกอบกับตลาดยังมีความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาและการ Lockdown ในหลายๆประเทศ ประกอบกับวัคซีนอาจเกิดขึ้นได้เร็วนัก
· หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดโลกประจำ Axi มองหว่า หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ในเวลาอันใกล้นี้ก็มีโอกาสช่วยหนุนราคาทองคำต่อ และคาดทองคำจะเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ Sideways ในกรอบ 1,800 – 1,850 เหรียญ และถึงแม้ข่าววัคซีนจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ แต่ภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกจะเป็นตัวช่วยพยุงและหนุนราคาทองคำ
· รายงานล่าสุดบ่งชี้ว่าภายในช่วง 2 สัปดาห์ สหรัฐฯพบยอดติดเชื้อใหม่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ 2.3 ล้านราย ขณะที่ยอดติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เยอรมนีมีการขยายเวลา Lockdown ออกไป
· รายงานประชุมเฟดล่าสุดสะท้อนถึงการที่สมาชิกเฟดมีการหารือถึงเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรต่อไปเพื่อสนับสนุนตลาด และคาดว่าในการประชุมเดือนธ.ค. อาจเห็นเฟดขยายเวลาโครงการ QE ออกไป หรือเลือกเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อรายเดือน
· นักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าว การส่งมอบและกระจายวัคซีนยังไม่มีแนวโน้มจเกิดขึ้นได้ก่อนช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า และจะทำให้ธนาคารกลางต่างๆมีแนวโน้มจะเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินต่อไป จึงคาดว่าทองคำในอีก 12 เดือนจะมีเป้าหมายที่ระดับราคา 2,100 เหรียญ ท่ามกลางการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินและการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่เป็นปัจจัยหลัก ประกอบกับทองคำมักถูกใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกเช้านี้ทะลุ 61.29 ล้านราย โดยมียอดติดเชื้อรายวันทั่วโลกรวมเพิ่มขึ้นเกือบ 540,000 ราย ในขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 1.43 ล้านรายทั่วโลก
สหรัฐฯพบยอดติดเชื้อรายวันยังเพิ่มขึ้นเกินกว่า 100,000 ราย ล่าสุดยอดรวมสะสมในประเทศแตะ 13.24 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมในประเทศใกล้ 270,000 ราย
ท่ามกลางรายงานยอดติดเชื้อจากสถานพยาบาลสหรัฐฯทำสุงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญ เตือนวันหยุดเทศกาล Thanksgiving อาจทำให้ยอดติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น
· สำหรับประชาชนชาวอังกฤษกว่า 20 ล้านรายถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ในมาตรการเข้มงวดหลังจาก Lockdown สิ้นสุดลงในวันที่ 2 ธ.ค. ขณะที่การ Lockdown ในบางประเทศของยุโรปก็ยังเพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษกิจ
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อีซีบี ย้ำถึงความกังวลและจะใช้มาตรการผ่อนคลายต่อไป กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปปรับตัวลดลง ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยและทรงตัวอยู่ที่ 1.1910 ดอลลาร์/ยูโร โดยบรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าอาจเห็นอีซีบีมีการหนุนการผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นในการประชุมเดือนหน้า
· ดอลลาร์ระยะสั้นอาจรีบาวน์ได้ แต่ระยะยาวมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ จึงทำให้นักลงทุนหลายๆรายทำการลดสถานะของการถือครอง โดยดัชนีดอลลาร์ภาพรวมยังเคลื่อนไหวใกล้กับระดับอ่อนค่ามากสุดรอบ 2 เดือน ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในวันหยุด Thanksgiving Day
หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Mizuho Securities กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนำประเทศอื่นๆทั่วโลก ทำให้เกิดแรงหนุนในสินค้าและค่าเงินกลุ่มโภคภัณฑ์ และแนวโมทางเศรษฐกิจจีนก้ยังเป็นไปในเชิงบวก จึงคาดว่าอาจช่วยหนุนค่าเงินกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์อื่นๆในตลาดเกิดใหม่ด้วย เนื่องจากคาดว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีน
นักเศรษฐศาสตร์บางรายกังวลว่า การตกงานที่เพ่มขึ้นมีแนวโน้มจะมาจากการที่หลายๆรัฐในสหรัฐฯเดินหน้าใช้มาตรการที่เข้มงวด หรือ Shutdown ภาคธุรกิจบางส่วนเพื่อจำกัดการระบาดของไวรัส
· Bitcoin ร่วงลงเกือบ 3,000 เหรียญ ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง หลังเคลื่อนไหวใกล้ All-Time High ครั้งประวัติการณ์ บริเวณ 19,374 เหรียญ ก่อนที่จะปรับตัวลงมาแถว 18,824 เหรียญ และมีการทำต่ำสุดที่ระดับ 16,857 เหรียญ
ขณะที่ระยะยาวนักวิเคราะห์บางรายมองว่า จะไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นของค่าเงินกลุ่ม Cryptocurrencies ได้ จึงอาจเห็น Bitcoin ปรับขึ้นแตะสูงสุดเดิม 20,000 เหรียญ อันเนื่องจากการใช้มาตรการทางการเงินและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ รวมทั้งการเข้าถือครองสกุลเงินจากบริษัท Fintech รายใหญ่ๆ
· ราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้ปรับลง -1.71% ที่ 44.93 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาพลังงานปรับตัวลงจากการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโคโรนาที่จะกดดันอุปสงค์น้ำมัน และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันบางรายก็อาจไม่เห็นด้วยกับการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มในการประชุม OPEC+ ระหว่าง 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. ทั้งหมดนี้จึงเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
· AstraZeneca - Oxford ออกโรงป้องผลทดสอบวัคซีน หลังเกิดคำถามเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพ
บริษัท AstraZeneca และมหาวิทยาลัย Oxford ค้านเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับผลการทดสอบวัคซีนและวิธีการใช้งานวัคซีนจากการทดสอบในเฟสที่ 3 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมาตรฐานการใช้งานในระดับสูง และการเพิ่มการจัดการด้านการวิเคราะห์ผล และกดดันให้หุ้นบริษัท AstraZeneca ปรับลง 6% ในสัปดาห์นี้
CEO บริษัท กล่าวว่า ประสิทธิภาพ 70% ขั้นต้น มาจากข้อมูลการทดสอบที่ผสมผสานกัน โดยประสิทธิภาพ 90% ที่พบมาจากกลุ่มอายุที่ต่ำกว่า 55 ราย และมีความเสี่ยงต่ำกว่า ดังนั้น กลุ่มทดสอบ 8,895 คนเมื่อประเมินรวมกันจึงให้ผลทดสอบประสิทธิภาพ 62% ดังนั้น ข้อมูลจาก DSMB เป็นข้อเท็จจริงที่ได้เปิดเผยเมื่อวันจันทร์และจะได้รับข้อมูลผลทดสอบตามมาเพิ่มเติม
· หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ระดับสูงของอังกฤษ กล่าวว่า วัคซีนของ AstraZeneca มีประสิทธิภาพดี
· AstraZeneca มีการรดำเนินการร่วมกับกลุ่มผู้กำหนดนโยบายได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าการใช้วัคซีนแบบทีละครึ่งเห็นผลดีที่สุดมากกว่าการใช้วัคซีนฉีดเต็มจำนวน 1 โดส
· ผู้พัฒนาวัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ชักชวน AstraZeneca ทดลองผลิตวัคซีนร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม โดยระบุถึงการที่วัคซีน Sputnik V มีประสิทธิภาพ 92% ในการป้องกันเชื้อ Covid-19 เป็นผลการทดสอบในเบื้องต้น ขณะที่ วัคซีน AstraZeneca มีประสิทธิภาพ 70% ในการทดลองที่ผ่านมาและสามารถพัฒนาเพื่อให้ได้ผลถึง 90%
· ดอยซ์แบงก์มองเศรษฐกิจฟื้นตัวขาขึ้นปี 2021 แต่ต้องระวัง 2 ปัจจัยเสี่ยง โดยคาดว่าจีดีพีโลกปีนี้จะหดตัวที่ -3.7% โดยสหรัฐฯมีแนวโมหดตัวมากถึง -3.6% ขณะที่ยูโรโซนปีนี้มีแววหดตัว -7.4% แต่จีนจะมีจีดีพีในเชิงบวกคาดโตได้ 2.2%
ปี 2021 ดอยซ์แบงก์คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯจะโตได้ 4% และยูโรโซนคาดจะรีบาวน์ได้ 5.6% ขณะที่จีนมีแนวโน้มขยายตัวได้มากถึง 9.5%
2 ปัจจัยเสี่ยง คือ
1. การระบาดที่หนักขึ้นในช่วงหน้าหนาว อาจทำให้เกิดการเลื่อนกระบวนการผลิตวัคซีนออกไป
2. ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุปสรรคทางการเงิน รวมทั้งแนวโน้มการคุมเข้มทางการเงินโดยเฉพาะจากสหรัฐฯและยุโรป
· ทรัมป์ กล่าว จะลงจากตำแหน่งหากผลเลือกตั้ง Electoral College Votes พบนายไบเดนชนะอย่างเป็นทางการ โดยคาดจะทราบผล 14 ธ.ค.นี้
· ยูโรโซนเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปกองทุนช่วยเหลือท่ามกลางความกังวล Covid-19 โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงกฎกองทุน ESM ให้แข็งแกร่งขึ้นรับแนวโน้มแข็งค่าของค่าเงินยูโร และการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสนธิสัญญากองทุน ESM อาจช่วยลดความเสี่ยงแก่นักลงทุนในการลดการถือครองค่าเงินจากข้อตกลงที่ดีขึ้น ทั้งจากการปฏิรูปโครงสร้างตราสารหนี้ เพื่อลดช่องว่างระหวางนักลงทุนกับตราสารหนี้ลง
· วันนี้ผู้แทนเจรจาการค้าอังกฤษหารือร่วมกับบรรดารัฐมนตรีกระทรวงการประมงของอียู ผลักดันข้อตกลงอังกฤษ (โดยรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมประชุมครั้งนี้: ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เดนมาร์ก, สเปน, เบลเยี่ยม, ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์)
· อียูเตือนการตัดสินใจด้านบริการทางการเงินของอังกฤษอาจไม่เกิดขึ้นได้ก่อน 1 ม.ค.
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวโดยดัชนี Stoxx 600 ปิด -0.03%
ขณะที่เมื่อวานนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯปิดทำการ เนื่องจากวันหยุด Thanksgiving จึงทำให้การซื้อ-ขายในตลาดค่อนข้างเบาบาง
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ท่ามกลางความข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนและความกังวลทางเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง โดยปรับลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความสงสัยที่เกิดขึ้นใหม่เกี่ยวกับวัคซีนไวรัสโคโรนาและความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดดังกล่าว
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลง 0.07%
ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับลง 0.15%
ดัชนี Nikkei ลดลง 0.09%
ดัชนี MSCI ของตลาดหุ้นทั่วโลก เพิ่มขึ้น 0.02% แต่อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้
ด้านดัชนี U.S. S&P 500 e-mini futures ปรับลดลง 0.24% ขณะที่ตลาดการเงินปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องในวัน Thanksgiving
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะขยายการลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเนื่องจากสัญญาณของอุปทานที่ล้นตลาด
ทั้งนี้ ตัวยาสำหรับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของบริษัท AstraZeneca ผู้ผลิตยาชาวอังกฤษได้รับการขนานนามว่าเป็น "วัคซีนสำหรับโลก" เนื่องจากมีราคาไม่แพง แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนกำลังเผชิญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงมากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า อาจจะส่งผลให้ชะลอการอนุมัติได้
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 30.20-30.35 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- บมจ.ปตท. (PTT) หรือ PRISM Expert ได้ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 64 ฟื้นตัวจากที่หดตัวในปีนี้ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในปีหน้าจะผลักดันให้ความต้องการใช้น้ำมันของโลกเติบโตขึ้นด้วย ซึ่งกรณีที่ดีสุดคาดว่าเศรษฐกิจโลกฟื้น 5.2% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในช่วง 45-55 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่กรณีต่ำสุดคาดว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นเพียง 3.4% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในช่วง 35-45 เหรียญ/บาร์เรล