· หุ้นเอเชียทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ได้รับแรงกดดันจากข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา เมื่อเทียบกับความหวังที่ว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคบางส่วนจะฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศอื่น
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง 0.04% ด้านหุ้นออสเตรเลียปรับลง 0.53% ขณะที่ Treasury Wine Estates Ltd ร่วงลง 11.25% หลังจากรัฐบาลจีนขึ้นภาษีไวน์จากออสเตรเลียในอัตราสูงสุด 212% ตอบโต้มาตรการทุ่มตลาดของอีกฝ่าย ด้านรัฐบาลแคนเบอร์ราแสดงความไม่พอใจอย่างหนัก
ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์ส S&P 500 e-mini futures ลดลง 0.09% หลังจากที่ตลาดการเงินของสหรัฐฯปิดทำการเมื่องานนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
· หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ ปิดทำระดับสูงสุดในรอบ 29 ปีครึ่ง โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการประกาศผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่ง หลังจากมีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา
ดัชนี Nikkei ปิด +0.41% ที่ระดับ 26,644.71 จุด สำหรับภาพรวมรายเดือนเพิ่มขึ้น 15.96% และเป็นเดือนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 1994 ที่ผ่านมา ด้านดัชนี Topix ปิด +0.47% แตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี ที่ระดับ 1,786.52 จุด
ทั้งนี้ การปรับตัวสูงขึ้นได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน โดยนักลงทุนจำนวนมากคาดว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีนได้ในปีหน้า การผ่อนคลายความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯหลังจากถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯให้แก่นาย โจ ไบเดน สู่ทำเนียบขาวและสัญญาณของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนก็ทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
· หุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังข่าววัคซีนและข้อมูลทางเศรษฐกิจจีน
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.2% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ
ขณะที่หุ้น Banco Sabadell ร่วงลงเกือบ 10% จากการที่ได้ยุติการเจรจาการควบรวมกิจการกับ BBVA หลังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการเงินร่วมกันได้
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- หุ้นไทยปิดเช้าบวก 4.15 จุด เวียนเล่นหุ้น Laggard
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,437.71 จุด เพิ่มขึ้น 4.15 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขายราว 45,874.44 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,444.53 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,429.43 จุด
- คลัง ระบุมาตรการกระตุ้น ศก.ดัน GDP ไตรมาส 4/63 ฟื้น,ทั้งปีหดน้อยกว่าคาด
นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/63 จะปรับตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 และคาดว่าภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะขยายตัวติดลบน้อยกว่าที่คาดการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่ได้ผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังทยอยเห็นผล ทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการช้อปดีมีคืนที่จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจในระยะต่อไป ขณะที่การส่งออกก็มีทิศทางดีขึ้นเช่นกัน
-ไทย-สหรัฐฯ ยืนยันพร้อมร่วมมือฟิ้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-๑๙ ในการหารือระหว่างผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศกับคณะสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน
ไทยและสหรัฐอเมริกา หารือเน้นย้ำความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในสถานการณ์โควิด-๑๙ รวมทั้งการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเชิญชวนฝ่ายสหรัฐฯ ลงทุนใน EEC ในระหว่างการเข้าเยี่ยมคารวะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศโดยนักธุรกิจสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับคณะผู้บริหารและนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S.-ASEAN Business Council: USABC)