สถาบัน Capital Wealth Planning กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่จะเป็น “ขาขึ้น” แต่ตลาดอื่นๆก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นด้วย
ดัชนี S&P500 มีโอกาสปรับขึ้นแตะ 4,000 จุด ได้ก่อนสิ้นปีนี้ หรือปรับขึ้นอีก 10% จากระดับปิดวันศุกร์ และปรับขึ้นได้ 83% จากต่ำสุดเมื่อ 23 มี.ค.
สมาชิกบอร์ดที่ปรึกษาและนักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดของสถาบันดังกล่าว ระบุว่า ผลประกอบการมีแนวโน้มจะเติบโตและดีขึ้นมากกว่าที่หลายๆคนประเมินเอาไว้ และถึงแม้ดัชนี S&P500 และดาวโจนส์จะทำ All-Time Highs แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครจะเทขายหรือไม่ชื่นชอบการปรับขึ้นของทองคำในสภาวะนี้ เนื่องจากโดยปกติการขึ้นมากๆจะทำให้นักลงทุนเป็นกังวลและหาวิธีที่จะไปเข้าถือครองเงินสดเพิ่มขึ้น แต่ในเวลานี้นักลงทุนสนใจกับ “ผลประกอบการ” ที่มีแนวโน้มจะแข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นี้
ดังนั้น S&P500 มีโอกาสทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากที่ Breakouts ออกจากกรอบระหว่างปี 1949 – 1966 และกรอบปี 1982 – 2000 รวมถึงปี 1987 ด้วย
ความน่าสนใจอีกหนึ่งประการคือแรงขายปีนี้ที่ระดับประมาณ 37% และ 38% แต่ภาพหลักของตลาดในเวลานี้ดูจะเป็นขาขึ้นได้เหมือนช่วงมี.ค.ปี 2009
ในปี 1995 นั้น ดัชนี S&P500 มีการขึ้นทดสอบแนวต้านโดยตลอด และนักลงทุนมีการก้าวออกจากตลาดเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะปรับขึ้นครั้งใหญ่ในรอบประวัติศาสตร์ตลอดช่วง 5 ปี จึงทำให้เขาเชื่อว่าประวัติศาสตร์ขาขึ้นดังกล่าวกำลังย้อนมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตามมาด้วย ได้แก่
1. ปัญหาทางการเมือง เช่น เจรจานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ
2. การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของสหรัฐฯ
3. การระบาดของไวรัสโคโรนา “เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดของตลาด”
สิ่งที่จะทำให้ตลาดซื้อขายประสบภาวะสวนเทรนคือปัญหาในข้อสุดท้ายที่อาจกระทบและมีผลต่อสภาวะขาขึ้นของตลาดได้ และอาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 ปีกว่าในการก้าวออกจากวิกฤตไวรัส แต่สิ่งที่รายงานเราประเมินไว้แทบจะไม่มีใครเชื่อในมุมมองนี้เลย