MTS Help Center

ดาวโจนส์ปรับลงกว่า 200 จุดส่งท้ายเดือนพ.ย. แต่ภาพรวมเดือนนี้ปิดเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ปี 1987

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดลงจากกลุ่มนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่เดือนพ.ย.นี้ มีการปรับเพิ่มขึ้นมากสุดครั้งประวัติศาสตร์

ดัชนีดาวโจนส์ปิด -271.73 จุด หรือ -0.9% ที่ 29,638.64 จุด โดยช่วงต้นตลาดปรับลงลึกกว่า 400 จุด

ดัชนี S&P500 ปิด -0.5% ที่ 3,621.63 จุด

ดัชนี Nasdaq ปิด -0.1% ที่ 12,198.74 จุด

การปรับตัวลงของดาวโจนส์ยังมาจากหุ้นบริษัท Travelers -3.6% และ Chevron -4.5% ซึ่งถือว่าปรับลงแย่ที่สุดในหุ้นรายตัวของดาวโจนส์

ดัชนี S&P500 ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่เป็นตัวนำ โดยปรับลงไปกว่า -5.4% ถือเป็นการร่วงลงรายวันที่แย่ที่สุดตั้งแต่ 24 มิ.ย.

ภาพรวมหุ้นกลุ่ม Blue-Chip ของดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นได้กว่า 11.8% ในเดือนพ.ย. ถือว่าดีที่สุดตั้งแต่เดือนม.ค. ปี 1987 เพราะได้รับแรงหนุนจากข่าววัคซีนหนุนความเชื่อมั่นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเปิดทำการได้อย่างราบรื่น

ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ 10.8% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ Nasdaq ปรับขึ้น 11.8% เรียกว่าปิดรายเดือนดีที่สุดตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา

หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Oppenheiment Asset Management กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงบ้าง แต่ภาวะขาขึ้นของตลาดค่อนข้างแรงหลังจากทำต่ำสุดไว้เมื่อ 23 มี.ค. ในปีนี้ แต่ก็ควรระวัง เนื่องจากตลาดยังกังวลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายทางการเงิน เพราะอาจส่งผลต่อแนวโน้มเชิงลึกต่อกลุ่มเทคโนโลยีและเศรษฐกิจระดับโลก

หุ้นกลุ่ม Small caps เดือนพ.ย. ก็ยังขึ้นได้ นำโดย

- Russell 2000 ที่ปรับขึ้นกว่า 18% เป็นเดือนที่ปรับขึ้นดีที่สุด

- กลุ่ม Cyclical ที่มักอ่อนไหวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ เช่น

กลุ่มพลังงานที่ปีนี้ค่อนข้างปรับลงมากที่สุด แต่ในเดือนพ.ย. ก็ยัง +26.6% ขณะที่กลุ่มการเงิน, อุตสาหกรรม และวัตถุดิบต่างๆ ปรับขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 12.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯก็เกิดขึ้นพร้อมๆกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ ที่ยอดสะสมล่าสุดทะลุ 13 ล้านราย เสียชีวิตสะสมรวมสูงกว่า 270,000 ราย

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคคะบาดสหรัฐฯ ออกโรงเตือนให้เดินทางแต่จำเป็นเท่านั้น

นครลอสแองเจลลิส และแคลิฟอร์เนียประกาศมาตรการคุมเข้มรอบใหม่หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่นครนิวยอร์กจะกลับมาเปิดสถานศึกษาในวันที่ 7 ธ.ค.

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นเชิงลบในตลาดส่วนหนึ่งมาจากรายงานที่ระบุว่าทีมบริหารของนายทรัมป์ขึ้นรายชื่อบริษัทจีนสู่ Blacklist ที่จะเป็นปัจจัยจำกัดการเข้าถึงของนักลงทุนสหรัฐฯ และเพิ่มความตึงเครียดแก่สองประเทศมากขึ้นก่อนที่นายไบเดนจะมารับช่วงการบริหารงานต่อ

Tesla เข้าร่วมหุ้นบริษัทรายตัวใน S&P500 เพิ่มทางเลือกนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูง

การเข้าร่วมครั้งนี้ของบริษัท Tesla ดูจะเพิ่มมูลค่าตลาดหุ้นแก่ S&P500 ให้สูงมากยิ่งขึ้น หรืออาจสูงกว่า 5.55 แสนล้านเหรียญ โดยจะเริ่มเปิดทำการซื้อขายหุ้นบริษัทดังกล่าวในวันที่ 21 ธ.ค. เป็นวันแรก

ข่าวล่าสุดหนุนให้หุ้นบริษัท Tesla ปรับขึ้น 5% วานนี้ หลังจากที่ครั้งแรกปรับขึ้นกว่า 40% เมื่อ 16 พ.ย. จากการประกาศเข้าร่วมดัชนีหลักสหรัฐฯ

ที่มา: CNBC