“โพเวลล์” ย้ำความสำคัญโปรแกรมเงินกู้, เรียกร้องหนุนแนวโน้มเศรษฐกิจจากความไม่แน่นอนอย่างมาก
CNBC รายงานถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ก่อนเข้าพบกับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลทางการเงินของวุฒิสภาสหรัฐฯในคืนนี้ประมาณ 22.00น. (ตามเวลาไทย) ที่จะยังย้ำเน้นถึงความสำคัญในเรื่องโปรแกรมเงินกู้ช่วงวิกฤต Covid-19 เพื่อรักษาภาวะเศรษฐกิจในการเผชิญกับวิกฤตที่ย่ำแย่ รวมทั้งเป็นความสำคัญในการเสริมสภาพคล่องแก่ตลาดสินเชื่อ ช่วยฟื้นเม็ดเงินให้แก่กลุ่มผู้กู้ภาคเอกชนสู่สภาวะปกติ
หลายๆโครงการสำคัญที่เฟดใช้มาตั้งแต่เดือนมี.ค. จะถูกบังคับให้หมดอายุลงในสิ้นปีนี้ และเฟดจะพยายามต่อสู้เพื่อให้โครงการเหล่านั้นกลับมาเพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานของพวกเขา
ด้าน “นายมนูชิน” แสดงความเห็นช่วง 2 วันนี้ต่อสภาคองเกรสร่วมกับนายโพเวลล์ ที่อาจกล่าวย้ำถึงการบังคับใช้กฎหมายในการยุติโครงการเงินกู้เฟดในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ภายใต้โครงการ CARES ACT รวมถึงนายมนูชินอาจมีการทวงเงินเฟดจำนวน 4.55 แสนล้านเหรียญเพื่อนำไปใช้ในด้านอื่นๆตามวัตถุประสงค์ของสภาคองเกรสโดยตรง ขณะที่เฟดอาจจะแย้งถึงความต้องการในการขยายเวลาโครงการต่างๆออกไปจนถึงปีหน้าก่อน
นอกจากนี้ นายโพเวลล์ ยังกล่าวเสริมว่า โปรแกรมต่างๆของเฟดได้ช่วยปลดล็อกการระดมทุนได้มากถึงเกือบ 2 ล้านล้านเหรียญในการใช้วงเงินที่น้อยกว่าประมาณ 1 แสนล้านเหรียญ โดยการดำเนินการของเฟดส่วนใหญ่ดูจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาด
ดังนั้น นายโพเวลล์ จึงดูจะมีความย้ำเน้นต่อทิศทางเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของไวรัสและการระบาดที่เกิดขึ้น ที่ดูจะสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากให้แก่เศรษฐกิจ จึงต้องมีการใช้ความพยายามอย่างหนักในการควคุมไวรัสดังกล่าวให้ได้ และคาดอาจเผชิญความท้าทายนานกว่า 2-3 เดือนจากนี้ และการที่เศษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มรูปแบบ ก็ต้องรอให้ความเชื่อมั่นประชาชนกลับมาว่ามีความปลอดภัยและดำเนินกิจกรรมต่างได้ตามปกติ
อย่างไรก็ดี นายโพเวลล์ มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในระยะกลางสำหรับวัคซีน แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอย่างมากในเรื่องกรอบเวลา, การผลิต, การกระจายวัคซีน และประสิทธิภาพของช่วงวัยที่แตกต่างกัน และเฟดพร้อมใช้ทุกเครื่องมือที่มีในการดำเนินนโยบาย รวมถึงโครงการเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง, การใช้นโยบายดอกเบี้ยระดับต่ำ รวมทั้งการเข้าซื้อพันธบัตรในวงเงินไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือนในปัจจุบัน
ภาพรวมประธานเฟดดูจะสามารถใช้เครื่องมือต่างๆได้อย่างคล่องตัวเพื่อหนุนตลาด โดยปราศจากเงินหรือความพยายามร่วมกับ CARES Act ได้
ที่มา: CNBC