• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2563

    1 ธันวาคม 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์อ่อนค่าหลังรีบาวน์ - ตลาดให้ความสำคัญเฟด

ดอลลาร์เผชิญแรงกดดันอีกครั้งหลังจากที่รีบาวน์กลับได้เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา จากกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับโอกาสที่เฟดจะผ่อนคลายทางการเงินเพิ่ม รวมทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาแถว 91.825 จุด หลังจากที่วานนี้รีบาวน์มาแถว 92 จุด

ขณะที่ค่าเงินที่อ่อนไหวตามสินทรัพย์เสี่ยงปรับแข็งค่าขึ้น อาทิ

- ออสเตรเลียดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 0.3%

- กีวีของนิวซีแลนด์ แข็งค่าขึ้น 0.5%

สำหรับค่าเงินยูโรเองก็ปรับแข็งค่าได้ราว 0.3% แม้ว่าจะยังอยู่ต่ำกว่าระดับแข็งค่ามากสุดก่อนเกิดการีบาวน์ของดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา

ค่าเงินปอนด์อยู่ในทิศทางแข็งค่า จากความหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ที่จะตกลงกันได้ก่อนสิ้นปีนี้

เยนอ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์จากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก

นักลงทุนเข้าถือ Short ในดอลลาร์เพิ่ม ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกจากวัคซีนที่หนุนให้เกิดการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่กำลังปรับขึ้นด้วย

แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 แต่ก็ไม่ได้ช่วยหนุนดอลลาร์มากนัก เนื่องจากนักลงทุนมองโอกาสที่เฟดอาจเพิ่มการสนับสนุนทางเศรษฐกิจในช่วงฤดูหนาวนี้ก่อนที่วัคซีนจะสามารถใช้งานได้อย่างแพร่หลาย

ค่าเงินหยวนกลับมาแข็งค่าตอบรับข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิตที่ตอกย้ำความก้าวหน้าในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยหยวนแข็งค่ามาที่ 6.5751 หยวน/ดอลลาร์

ธนาคารกลาง RBA คงนโยบายการเงินตามคาด แต่ผู้ว่าการธนาคารกลางดังกล่าวยังระบุถึงการระมัดระวังต่อมุมมองเชิงบวก และอาจมีการดำเนินมาตรการต่างๆเพิ่มจนถึงสิ้นปีได้ เพื่อให้จีดีพีฟื้นตัวจากระดับปี 2019 จึงยิ่งตอกย้ำว่าการรีบาวน์ทางเศรษฐกิจนั้นขึ้นอยู่กับแนวทางการดำเนินนโยบายที่มาสนับสนุนด้วย


จับตาเฟด

- เฟดมีกำหนดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 15 - 16 ธ.ค.นี้

- ประธานเฟดมีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสก่อนประชุมเฟดในวันนี้และพรุ่งนี้ (นักลงทุนจับตาใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณชี้นำการดำเนินการต่อไป)

- สมาชิกเฟดตอบรับกับการยื่นขออนุมัติวัคซีนของ 2 บริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งจาก Pfizer และ Moderna ท่ามกลางการระบาดที่เพิ่มขึ้นกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

เมื่อวานนี้ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด มีการกล่าวถึง "ความท้าทาย" ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าที่จะยากต่อการประเมินเศรษฐกิจและนัยยะจากความคืบหน้าวัคซีน และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าประชาชนจะมั่นใจถึงความปลอดภัยและการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

22.00น. (คืนนี้) - ประธานเฟดจะกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับโครงการ CARES Act ก่อนเข้าพบกับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของสภาผู้แทนราษฎรสหรัคฐฯ และสมาชิกทางการเมือง

22.00น. (พุธนี้) - ประธานเฟดจะกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับโครงการ CARES Act ก่อนจะพบกับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลบริการด้านการคลังของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ


· Bitcoin เทรนขาขึ้นแรงกับโอกาสลุ้นเป้า 21,000 เหรียญ


Trading View เผยถึงมุมมองการเคลื่อนไหวล่าสุดของ Bitcoin หลังจากที่มีการรีบาวน์กลับได้ล่าสุด:


*The Double Top*

ราคาทรงตัวได้ดีแถวเส้นค่าเฉลี่ย MA 200 วันในกราฟ 4 ชั่วโมง (เส้นสีส้ม) และการรีบาวน์ล่าสุดเป็นลักษณะ Higher Lows บริเวณเส้นเทรนด์ไลน์ ที่ไม่เพียงแต่มีเส้นตัดกันเหนือ MA 50 วัน (เส้นสีน้ำเงิน) แต่ยังเห็นถึงการปรับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมระหว่าง 24 - 25 พ.ย. ได้อีกด้วย แม้ว่าจะเกิด Double Top แต่ก็สะท้อนว่าภาพโดยรวมยังเป็นขาขึ้น


*The RSI*

กรณี Break แนวต้านแล้วจะไปถึงไหน?

จากแพทเทิร์นกราฟสะท้อนว่า ระดับเป้าหมายของ Bitcoin อยู่ที่ 21,000 เหรียญ และเมื่อพิจารณาจาก RSI ในกราฟราย 4 ชั่วโมงก็จะพบว่าราคาไม่ได้กลับมาทำ Lower Highs ของเส้นเทรนด์ไลน์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Bitcoin จะไม่เป็นขาขึ้น แต่เป็นภาวะที่มีการชะลอการปรับขึ้นบ้าง เพื่อขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ในลักษณะ Higher Highs / Higher Lows ตามลำดับ

และ RSI ก็สะท้อนว่าอาจเห็นราคาอ่อนตัวลงมาก่อนจะค่อยๆขึ้นไปแถว 21,000 เหรียญ ภาพขาขึ้นของ Bitcoin ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่ในเวลานี้


*The 1.000 Fibonacci extension*

ทำไมต้อง 21,000 เหรียญ?

Trading View เสริมว่าการเคลื่อนไหวของระดับ Fibonacci ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่บอกถึงภาวะขาขึ้นได้ดี และทุกครั้งที่เราเห็น Bitcoin ทำสูงสุดใหม่ใกล้สูงสุดประวัติการณ์ ก็จะเห็นการขยับของ Fibonacci Extension ประมาณ 1.000 จากระดับสูงสุดเดิม ดังนั้น เส้นของ Fibonacci Extension จึงมีเป้าหมายที่ 21,000 เหรียญ


· ไบเดน เปิดตัว "ทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ" ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่เลวร้าย

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคัดเลือกทีมที่ปรึกษาเศรษฐิกจระดับสูงเสริมทัพ นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานเฟด ที่เขาเลือกมาเป็นรัฐมนตรีกะทรวงการคลังคนต่อไป สู้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่กลับมาชะลอตัวอีกครั้งเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา และดูเหมือน ทีมไบเดนจะมีการดำเนินการอย่างแข็งกร้าวอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาเวลานี้

ทั้งนี้ ทีมที่ปรึกษาทั้งหมดของเขาจะมีแนวทางในการ

- สนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลเพื่อให้ "การจ้างงาน" กลับมาเพิ่มขึ้น

- การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

- สนับสนุนและช่วยเหลือสตรี รวมทั้งชนกลุ่มน้อย

โดยทุกฝ่ายจะเข้ามารับหน้าที่ในช่วงที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบขาลง

รายชื่อของทีมบริหารด้านเศรษฐกิจองนายไบเดน มีดังนี้

- นายซิซิเลีย รูซ (นักเศรษฐศาสตร์จาก Priceton University)

จะมาดำรงตำแหน่ง ประธานสภาพที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ

โดยมีสมาชิกสภา ได้แก่ นายฮีทเทอร์ บูเชย์ และ นายจาเร็ด เบิร์นสเตน (นักเศรษฐศาสตร์)

- นายนีรา แทนเดน (ประธานบริหาร Center for American Progress)

จะมาดำรงตำแหน่ง ประธานสำนักบริหารจัดการด้านงบประมาณ


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯใกล้ทะลุ 14 ล้านราย ท่ามกลางยอดเสียชีวิตสะสมใกล้ 275,000 ราย

นอกจากนี้ Worldometers เผย ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมที่ 63.63 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมใกล้ระดับ 1.5 ล้านราย


· Moderna ยื่นเอกสารขออนุมัติวัคซีนในสหรัฐฯและตั้งใจจะขออนุมัติเพิ่มจากางอียู หลังผลทดสอบพบประสิทธิภาพสูงถึง 94.1%


· ดร.สก็อต แอตลาส ที่ปรึกษาด้าน Covid-19 ของนายทรัมป์ ประกาศ "ลาออก" หลังเสียงแตกกับสมาชิกคนอื่นๆในเรื่องการจัดการ Covid-19


· รัฐวินคอนซินยืนยันผลเลือกตั้ง นายไบเดน ได้รับชัยคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ


· แคลิฟอร์เนียสาหัสจาก Covid-19 ท่ามกลางทีมบริหารทรัมป์ที่หวังวัคซีนจะเกิดขึ้นก่อนคริสต์มาส โดยสถานการณ์ระบาดในเวลานี้อาจส่งผลให้โรงพยาบาลต้านไม่ไหว ขณะที่ผู้นำทางการเมืองต่างๆพยายามออกมาตรการเข้มงวดเพื่อลดการระบาดที่เกิดขึ้น


· ทีมนักวิเคราะห์สหรัฐฯ เผย จีนจะส่งมอบวัคซีนต้าน Covid-19 ให้แก่นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือและครอบครัว


· U.N. ระบุว่า Covid-19 ส่งผลให้ประชาชนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือเพิ่มสูงขึ้นอีกกว่า 40% และคาดจำเป็นต้องใช้งบสูงถึง 3.5 หมื่นล้านเหรียญภายในปีหน้า ซึ่งการระบาดของไวรัสส่งผลให้หลายๆประเทศเกิดความเปราะบางและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในหลายๆประเทศอย่างมาก


· ราคาบ้านอังกฤษพุ่งขึ้นทำสูงสุดรอบเกือบ 6 ปี เพิ่ม 6.5% และขยายตัวได้มากขึ้นราว 0.9% จากเดือนต.ค. สะท้อนถึงการค่อยๆเติบโตขึ้นของราคาบ้านในแต่ละเดือน


· อังกฤษเผย เจรจา Brexit ชะงัก จากอียูที่มีความต้องการมากเกินไป

ผู้ช่วยระดับสูงด้าน Brexit ของนายกฯอังกฤษ เผย ยังไม่สามารถเจรจาข้อตกลงการค้ากับอียูได้ จากประเด็นการประมง และการแก้ไขปัญหาข้อพิพาท รวมทั้งกฎเกณฑ์การปกครอง และอียูมีความต้องการมากเกินไปสำหรับส่วนแบ่งในการทำประมง ซึ่งสิ่งนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับอังกฤษ และภาพรวมอียูก็ต้องการให้อังกฤษพยายามปฏิบัติตามแนวทางที่พวกเขาวางไว้


· นายกฯไอร์แลนด์ หวังข้อตกลง Brexit ควรตกลงได้ในสัปดาห์นี้


· Caixin เผย PMI การผลิตจีนพ.ย. โตแตะระดับสูงสุดรอบ 10 ปี โดยอัตราการเติบโตขยายตัวเร็วสุดแตะ 54.9 จุด จาก 53.6 จุดในเดือนต.ค.


· ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ภาคการผลิตของเอเชียประจำเดือนพ.ย.ฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตไวรัสโคโรนา เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งทำให้ภูมิภาคนี้สามารถต้านทานการระบาดได้ดีกว่าประเทศอื่น ๆ

ดยกิจกรรมในโรงงานของจีนประจำเดือนพ.ย.เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบทศวรรษ จากการสำรวจของภาคเอกชนแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวสู่ระดับก่อนการระบาด

แต่การฟื้นตัวของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกทำให้แนวโน้มมีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลให้รัฐบาลและธนาคารกลางอยู่ภายใต้แรงกดดันหรือเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน นายโคอิชิโร มิยาฮาระ ประธานบริหารตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ของญี่ปุ่น หรือ ทีเอสอี ลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ระบบของตลาดหลักทรัพย์ล่มในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องระงับการซื้อ-ขาย เป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม โดยพบว่าเกิดจากการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์หลักล้มเหลว ขณะระบบสำรองไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถแสดงราคาหุ้นได้ตามปกติ


· สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า ญี่ปุ่นมีแผนปรับลดภาษีเชื้อเพลิงเครื่องบินลงสูงสุด 80% ในปีงบการเงิน 2021 ซึ่งจะเป็นการปรับลดชั่วคราว เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินที่กำลังประสบปัญหาเพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาปรับลดภาษีดังกล่าวลงจากระดับ 18,000 เยน (172.58 เหรียญ) ต่อกิโลลิตร ลงเหลือ 4,000 เยนต่อกิโลลิตร ในช่วงปีงบประมาณปีหน้า


· สิงคโปร์และฮ่อกงหนุนให้เกิดภาวะ Travel Bubble อีกครั้ง และจะขยายตัวออกไปในปี 2020 ซึ่งการเลื่อนการร่วมมือของทั้งสองฝ่ายออกไปหลังปี 2020 ดูจะจุดประกายภาวะ Travel Bubble ร่วมกันอีกครั้ง หลังจากที่ฮ่องกงประกาศยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรที่เพิ่มสูงขึ้น


· ผู้ว่ากรุงจากาตาร์ของอินโดนีเซียติด Covid-19 หลังยอดติดเชื้อระบาดหนักภายในประเทศ


· สถานทูตจีนประจำออสเตรเลีย ระบุว่า นักการเมืองของออสเตรเลียหลายคนเดินเกมผิดด้วยการแสดงรูปทหารออสเตรเลียถือมีดเปื้อนเลือดจ่อคอเด็กชาวอัฟกานิสถานผ่านทางในทวิตเตอร์ ซึ่งถือเป็นความพยายามปลุกกระแสชาตินิยมมากขึ้น ด้านนายกฯออสเตรเลียยอมรับและกล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


· น้ำมันลงจากเจรจาเลื่อนการปรับลดกำลังผลิตของ OPEC+ ท่ามกลางสัญญาณเตือนถึงภาวะอุปทานเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลต่อการเพิ่มขึ้นของอุปทานหลังกลุ่ม OPEC+ จะเลื่อนการเจรจาข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตปีหน้าออกไปก่อน และอาจเกิดการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่ม จากการระบาดของไวรัสโคโรนา ท่ามกลางภาวะอุปสงค์พลังงานที่อ่อนแอ

น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ระดับ 47.62 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากปิดลดลงกว่า 1% วานนี้

น้ำมับดิบ WTI ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ 45.11 เหรียญ/บาร์เรล หลังเมื่อคืนนี้ปิดลดลง 0.4%

ทั้งนี้ โดยน้ำมันทั้ง 2 ชนิด ปรับขึ้นราว 27% ในเดือนพ.ย. เพราะได้รับอานิสงส์จากความคืบหน้าของวัคซีน COVID-19 ช่วยเพิ่มความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่จะช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์พลังงานได้

แหล่งข่าวกล่าวกับรอยเตอร์สว่า กลุ่ม OPEC+ จะเลื่อนการเจรจานโยบายสำหรับผลผลิตน้ำมันในปีหน้าออกไปจนถึงวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนดูจะไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินใจปรับเพิ่มกำลังการผลิตในสภาวะที่อุปสงค์น้ำมันอ่อนแออยู่

อย่างไรก็ดี OPEC+ มีกำหนดการประชุมต่อในวันนี้ หลังจากที่ล่าสุดรัฐมนตรีจากประเทศหลักๆในกลุ่มล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงร่วมกัน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com