องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้อีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า และคาดจีดีพีจะกลับมาขยายตัวได้เทียบเท่าก่อนช่วงระบาดประมาณสิ้นปี 2021 “จากความคืบหน้าวัคซีน” และการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จากรัฐบาลต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิฤต
และการเลี่ยงสถานการณ์ที่ย่ำแย่อาจช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่สถานการณ์เวลานี้ก็ยังเสี่ยงที่จะสร้างผลกระทบกับภาคธุรกิจ, ประชาชน และประเทศต่างๆ
ล่าสุดรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจของ OECD คาดการณ์ว่า
ปี 2020 เศรษฐกิจโลกจะหดตัว -4.2% (ดีขึ้นจากคาดการณ์เดือนก.ย. ที่คาด -4.5%)
ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกเฉลี่ยจะโตได้ 4% ในช่วงสองปีข้างหน้า และคาดปีหน้าจะโตได้ 4.2% (ลดลงจากคาดการณ์เดือนก.ย. ที่คาดไว้ 5%)
ปี 2022 คาดการณ์ว่าจะโตได้ 3.7%
OECD เตือน สภาวะความไม่แน่นอนยังมีอยู่ และเรียกร้องให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกยังพุ่งเป้าให้การสนับสนุนเด็ก, ประชาชน และภาคธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงของวิกฤตไวรัสโคโรนา เพื่อลดผลกระทบต่างๆ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก
OECD จับตาและแนะนำสมาชิก 37 ประเทศสมาชิกและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ พร้อมแสดงท่าทีระมัดระวังต่อแนวโน้มเชิงบวกทางเศรษฐกิจจนถึงปี 2022 พร้อมย้ำเตือนถึงความคืบหน้า และความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเภสัชกรรม รวมทั้งการปรับพฤติกรรมของประชาชนและภาคบริษัท และอื่นๆ ท่ามกลางแนวโน้มปัจจัยต่างๆที่จะมาช่วยพยุงเศรษฐกิจและอนุญาตให้เข้มงวดต่อการเดินทางเพื่อให้เพิ่มความคืบหน้ามากขึ้น
“ความไม่แน่นอนที่ลดลง”และ “การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากตั้งแต่ปี 2020" จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เศรษฐกิจโลกรีบาวน์ และคาดจะช่วยให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งการกลับมาปิดทำการทางกิจกรรมที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ความก้าวหน้าหลายๆทางในการแข่งขันวัคซีนเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน Covid-19 ที่ประกาศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเพิ่มความหวังในการกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ความหวังของวัคซีนไวรัสโคโรนาดูจะช่วยยุติการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เป็นอุปสรรคของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกกว่า 1.46 ล้านราย
จีนประเทศหลักในการผลักดันเศรษฐกิจโลก
OECD คาดว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกจะได้รับอานิสงส์จากส่วนหนึ่งจากประเทศจีนที่มีความเป็นไปได้จะมาเปลี่ยนแปลงการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลก อันเนื่องจากจีนถูกคาดว่าการเติบโตจะคิดเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกในขณะที่ยุโรปและอเมริกาเหนือจะยังโตได้น้อยกว่า
ประเทศจีนมีการเริ่มต้นฟื้นตัวได้ก่อนประเทศอื่นๆ และน่าจะเห็นเศรษฐกิจขยายตัวได้มากสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ที่ 1.8% และยังคาดว่าจะเป็นเพียงประเทศเศรษฐกิจแห่งเดียวที่โตได้มากสุดเป็นประวัติการณ์แห่งปี 2020
ขณะที่ปี 2021 คาดเศรษฐกิจจีนจะโตได้ 8% และ โตได้ 4.9% ในปี 2022
ด้านสหรัฐฯคาดจีดีพีจะหดตัวครั้งประวัติศาสตร์แตะ -3.7% ในปีนี้ ก่อนจะโตได้ 3.2% ในปีหน้าและ 3.5% ในปี 2022
เศรษฐกิจยุโรปคาดจีดีพีจะหดตัว -7.5% ในปีนี้ และโตได้ 3.6% ในปี 2021 ขณะที่ปี 2022 คาดจีดีพีขยายตัวแตะ 3.3%
อย่างไรก็ดี แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่มาช่วยหนุนให้เศรษฐกิจโตได้ แต่การระบาดของไวรัสโคโรนาก็ดูจะเป็นปัจจัยที่สร้างความเปราะบางต่อเศรษฐกิจในหลายๆประเทศทั่วโลก และน่าจะใช้เวลานานในการฟื้นตัว
ดังนั้น OECD จึงมองว่า บรรดารัฐบาลอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการดำเนินนโยบายเพิ่มเพื่อรับประกันว่าวิกฤต Covid-19 จะมาช่วยสนับสนุนการฟั้นตัวอีกแรง
ที่มา: CNBC