· ดอลลาร์ทรงตัวใกล้อ่อนค่ามากสุดรอบ 2 ปีครึ่ง ขณะที่เทรดเดอร์จับตาเจรจากระตุ้นเศรษฐกิจ
ดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับอ่อนค่ามากสุดรอบ 2 ปีครึ่ง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ระมัดระวังและจับตาความคืบหน้าเจรจาเกี่ยวกับการกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ด้านค่าเงินในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงแข็งค่าขึ้นตามการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ
ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.7% ที่ 91.318 จุด หลังทำต่ำสุดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย. ปี 2018 บริเวณ 91.263 จุดวานนี้
ยูโรและกีวี ทรงตัวหลังจากที่ทำสูงสุดรอบปีครึ่งได้เพราะดอลลาร์อ่อนค่าเป็นสาเหตุหลัก
ปัจจัยสำคัญ:
- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กลับมา "เจรจากันครั้งแรก" หลังจเลือกตั้ง ด้วยวงเงินที่สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ วงเงิน 9.08 แสนล้านเหรียญ
- นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภาสหรัฐฯ เผยว่า คองเกรสควรสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง Covid-19 ที่ต้องรวมเข้ากับค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณ 1.4 ล้านล้านเหรียญ เพื่อใช้เลี่ยงภาวะ Shutdown รัฐบาลที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา
หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Mizuho Securities กล่าวว่า ค่าเงินในตาดไม่มั่นใจว่าจะเกิดข้อตกลงร่วมกันได้หรือไม่ นับตั้งแต่ที่ความหวังเรื่องนี้หมดไปก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์เวลานี้ จับตาไปยังการบรรลุข้อตกลงร่วมกันล่าสุดว่าจะสำเร็จหรือไม่
ปัจจัยที่กดดันดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven คือข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯที่ออกมาแย่กว่าที่คาด ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะทำการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มก่อนวัคซีนจะแพร่หลาย
ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเมื่อคืนนี้ ที่แข็งค่ามากสุดรอบ 2 ปีครึ่ง นับตั้งแต่พ.ค. ปี 2018 ที่ระดับ 1.2067 ดอลลาร์/ยูโร
นักวิเคราะห์ต่างๆ กล่ารวว่า อีซีบีอาจดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อแทรกแซงการแข็งค่าของดอลลาร์
ค่าเงินปอนด์ยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบดอลลาร์ จากการเจรจา Brexit ของอังกฤษ-อียู ที่เข้าสู่ช่วงโค้งสุท้าย
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีอาวุโสของอังกฤษ กล่าวว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด No-Deal Brexit จากการเจรจาที่ยังติดปัญหาในเรื่องการประมง, การปกครอง และการแก้ไขข้อขัดแย้งต่างๆ และนี่ทำให้ปอนด์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมาที่ 1.3421 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์แข็งค่าแตะ 0.7389 หลังจีดีพีออสเตรเลียออกมาดีขึ้น ขณะที่นิวซีแลนด์ดอลลาร์ ทรงตัวใกล้ระดับแข็งค่ามากสุดตั้งแต่เม.ย. ปี 2018 บริเวณ 0.7071
Bitcoin วันนี้ยังขึ้นต่อ 0.3% ที่ 18,833.63 เหรียญ หลังทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ 20,000 เหรียญ
· ทีม Covid ของนายทรัมป์ ระบุว่า วัคซีน Covid-19 ก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับผู้ทำการใช้วัคซีนประมาณ 10-15%
ดร. มอนเซฟ ซัลวี หนึ่งในทีมบริหารด้านการจัดการโครงการ Covid-19 ของนายทรัมป์ เผยถึงวัคซีน Covid-19 ของบริษัท Pfizer และ Moderna มีความปลอดภัย และมีเพียง 10% - 15% ที่ได้รับผลข้างเคียงจากตัวยา โดยจะเห็นอาการได้ภายในวันหรือช่วงครึ่งวัน ซึ่งจะมีอาการรอยแดงและเจ็บปวดจากวัคซีนในลักษณะเดียวกับไข้หวัดที่มีอาการข้างเคียง ขณะที่ภาพรวมผู้ใช้วัคซีนส่วนใหญ่ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆตามมา
· รัฐบาลสหรัฐฯเผยข้อมูลภาคธุรกิจนับล้านที่ได้รับการช่วยเหลือช่วง Covid-19
ทีมบริหารนายทรัมป์เผยข้อมูลการช่วยเหลือผ่านโครงการต่างๆแก่ภาคธุรกิจและนิติบุคคลกว่า 10 ล้านราย และเตรียมหนุนสภาพคล่องต่อแม้ว่าจะมีข้อครหาว่ามีการฉ้อโกงและการใช้เงินในทางที่ผิดของทีมบริหารทรัมป์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯและทีมบริหารจัดการภาคธุรกิจรายย่อย (SBA) เผยข้อมูลจากสถาบันเงินกู้ EIDL และโครงการ PPP หลังถูกกล่าวหา โดย 2 โครงการหลักของสภาคองเกรสที่ช่วยบรรเทาวิกฤต Covid-19 ของทีมบริหารทรัมป์ เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลในเดือนพ.ย. ดังนี้
- การอนุมัติเงินกู้วงกู้ภายใต้โครงการ PPP มูลค่า 5.25 แสนล้านเหรียญ ให้แก่นิติบุคคล 5.2 ล้านราย
- การอนุมัติเงินกู้ EIDL วงเงิน 1.94 แสนล้านเหรียญ ให้แก่ภาคบริษัท 3.65 ล้านราย
ขณะที่กลุ่มสังเกตการณ์ เตือน วงเงินนับพันล้านเหรียญมีการถูกโยกไปยังบริษัทที่ไม่เหมาะสมหรือบุคคลอย่างผิดกฎหมาย
· รายงานจาก CNBC เผยว่า ความตั้งใจแรกของนายไบเดน คือการคงข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯและจีนไว้ และจะใช้ "กลยุทธ์การสานสัมพันธ์" กับชาติพันธมิตรในยุโรปและเอเชียแทน ซึ่งนี่น่าจะเป็น "กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับจีน" และต่อทุกๆคน ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะพยายามฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรให้กลับมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี จีนน่าจะไม่ยินดีที่ได้ฟังแนวทางกลยุทธ์การร่วมมือกันดังกล่าวเพื่อต่อต้านจีน
· New York Times เผย ไบเดนจะไม่ยกเลิกข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จีนทำไว้กับทีมบริหาของนายทรัมป์
พร้อมกันนี้ นายไบเดน กล่าวว่า สหรัฐฯไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการลดภาษีเพื่อเจรจากับจีน เพราะเขาจะยังไม่ดำเนินการใดๆกับจีนในเวลานี้ แม้ว่าจะมีการขึ้นภาษีบางส่วนอยู่ แต่ก็จะไม่กระทบกับทางเลือกต่างๆของเขา รวมถึง จะยังไม่ขึ้นภาษีใดๆในเวลานี้
· "อังกฤษ" กลายเป็นประเทศแรกที่อนุมัติใช้วัคซีนฉุกเฉินของบริษัท Pfizer - BioNTech ที่คาดว่าจะเริ่มต้นใช้ได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้า
รายงานจากรัฐบาลอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลอังกฤษยอมรับการรับรองจากหน่วยงานควบคุมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักร (Medicines and Healthcare products Regulatory Agency: MHRA) ที่อนุมัติวัคซีน Covid-19 ของ Pfizer-BioNTech และจะสามารถใช้ได้ทั่วสหราชอาณาจักรได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้า
ด้าน BioNTech บริษัทด้านไบโอเทคชื่อดังของเยอรมนีที่ได้ร่วมมือพัฒนาวัคซีนกับ Pfizer แถลงการณ์ว่า ทางบริษัทพร้อมส่งมอบวัคซีนโดสแรกให้แก่อังกฤษได้ทันที
· ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ยอดค้าปลีกของเยอรมันประจำเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด
หลังจากที่ลดลงในเดือนก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจก่อนที่จะมีการประกาศ Lockdown บางส่วนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาระลอกสอง
โดยสำนักงานสถิติของรัฐบาล เปิดเผย ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.6% เหลังจากที่ปรับลดลง 1.9% ในเดือนก.ย. ขณะที่สำนักข่าว Reuters คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.2%
ลประกอบการของธนาคารจีนในไตรมาส 3/2020 ปรับตัวดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวรอบใหม่อีกครั้ง
รายได้ของธนาคารจีนในไตรมาสที่ 3/2020 มีการปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงสะท้อนถึงศักยภาพด้านการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากที่เคยอยู่แถวระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
นักวิเคราะห์ของธนาคารจีนส่วนใหญ่ มองว่า ผลกำไรล่าสุดในช่วงไตรมาสที่ 3/2020 ปรับลงมาที่ -4.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ -24%
· กราฟผลกำไรสุทธิของบรรดาภาคธนาคารจีน
กราฟการขยายตัวของเงินกู้ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์จีน
บรรดาภาคธนาคารได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นได้ถึงการปรับขึ้นกว่า 11% ในช่วงไตรมาสที่ 3/2020 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 8.1%
กราฟแสดง Ratio ของ Loan Loss ของธนาคารพาณิชย์ในจีน
นักวิเคราะห์จาก Huatai Securities คาด ผลกำไรสุทธฺของภาคธนาคารต่างๆจะโตได้ 7.1% เมื่อเทียบรายปีในปี 2021 เพราะได้รับแรงหนุนจากกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก, องค์กรเอกชน และการสนับสนุนเงินกู้สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านหุ้นในกลุ่มธนาคารของจีนดิ่งลงประมาณ 7% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดที่ปรับขึ้นได้ 25%
กราฟคาดการณ์ PE Ratio ในช่วง 1 ปีของธนาคารต่างๆในจีน
กราฟผลกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในจีน
กราฟเงินให้สินเชื่อที่ค้างชำระเงินต้น (NPL) ของธนาคารรายใหญ่ในจีน
· S&P Global Platts กล่าว จีนหาผู้ค้ารายอื่น “ออสเตรเลียยันผลผลิตของประเทศสามารถแข่งขันได้”
Andrei Agapi ผู้อำนวยการฝ่ายกำหนดราคาประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศที่สำคัญมากในการนำเข้าผลิตผลทางการเกษตรจากสหรัฐฯ รวมถึง ข้าวสาลี ข้าวโพด และ ถั่วเหลือง
สัญญาการค้าได้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนตกลง “ซื้อในปริมาณมาก” ทางผลผลิตการเกษตรและพลังงานกับสหรัฐฯ รวมถึงบริการ ซึ่งในส่วนเฟดหนึ่ง ข้อตกลงการค้านี้ขึ้นอยู่ระหว่างสองประเทศผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์ มองว่า จีนถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการอุปโภค เนื่องจากจีนต้องการเติมสินค้าคงเหลือและเงินสำรอง ซึ่งเปิดรับผู้ค้าจากหลายประเทศ ไม่ใช่เพียงนสหรัฐฯเท่านั้น
ปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันความต้องการซื้อสินค้าเกษตรคือการฟื้นตัวของจีนจากโรคไข้สุกรแอฟริกันซึ่งทำให้ฝูงหมูในประเทศลดลงและส่งผลให้ราคาเนื้อหมูพุ่งสูงขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนจนถึงเดือนพฤศจิกายน และเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้รับการผลกระทบจากโคโรนาไวรัส ด้วยเหตุนี้ อุปสงค์ทางออนไลน์จึงมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรออสเตรเลีย ซึ่งประสบพิบัติภัยแล้งต่อเนื่องยาวนาน 3ปี และถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแข่งขัน เมื่อผลผลิตพืชดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีความยืดหยุ่นในการกำหนดราคาผลผลิตให้ต่ำลง
· รองผู้ว่าการบีโอเจ เผย มาตรการช่วยเหลือภาคธนาคารฉบับใหม่จะไม่ส่งผลกระทบกับอัตราดอกเบี้ยในตลาด แต่จะเป็นการเสริมระบบทางการเงินในภูมิภาคให้แข็งแกร่งให้ "เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
โดยแผนดังกล่าวที่บีโอเจเปิดเผยจะเป็นการเสียดอกเบี้ยเงินฝาก 0.1% ของกลุ่มผู้กู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย และให้การสนับสนุนผลกำไร หรือความมั่นคง เพื่อบรรเทาผลกระทจาก Covid-19 และมีโอกาสต่ำมากที่ระบบใหม่จะส่งผลต่อตลาดโดยส่วนใหญ่
· ศาลฮ่องกงตัดสินจำคุกนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นเวลา 13 เดือนครึ่ง และตัดสินจำคุกน.ส.แอกเนส โจว นักเคลื่อนไหวอีกคนหนึ่ง เป็นเวลา 10 เดือน หลังจากทั้งสองได้ยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าได้กระทำการปลุกระดมเพื่อให้เกิดการประท้วงโดยไม่ได้รับอนุญาตในปี 2019
· ราคาน้ำมันลดลง ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์ได้รับแรงหนุนจากการอนุมัติวัคซีน
ราคาน้ำมันร่วงลงในช่วงเช้า ก่อนจะปรับตัวลงบางส่วน จากข่าวที่ว่าอังกฤษกลายเป็นประเทศแรกที่อนุมัติใช้วัคซีนฉุกเฉินของบริษัท Pfizer - BioNTech ที่คาดว่าจะเริ่มต้นใช้ได้ต้งแต่สัปดาห์หน้า
โดยราคาน้ำมันดิบปรับลดลงจากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ออกมาเกินคาด และกลุ่ม OPEC+ ได้เลื่อนการประชุมอย่างเป็นทางการออกไปเพื่อตัดสินใจว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนม.ค. หรือไม่
จากข้อมูลอุตสาหกรรม American Petroleum Institute แสดงให้เห็นว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดไว้ 2.4 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ที่ระดับ 47.34 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.1% ที่ระดับ 44.41 เหรียญ/บาร์เรล