• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 ธันวาคม 2563

    10 ธันวาคม 2563 | Gold News

ทองคำปรับลงกว่า 2จากวัคซีนหนุนมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯเชิงบวก

·         ราคาทองคำปรับตัวลดลงกว่า 2% จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าวัคซีน Covid-19 ที่ช่วยหนุนความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ  และการปรับแข็งค่าของดอลลาร์


·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด-2.4% ที่ 1,827.26 เหรียญ หลังจากที่ไปทำสูงสุดตั้งแต่ 23 พ.ย. บริเวณ 1,875.07 เหรียญ


·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -1.9ที่ระดับ 1,838.50 เหรียญ


·         กองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ยังถือครองเท่าเดิมที่ 1,179.78 ตัน


·         สถาบัน Circle Squared Alternative Investments คาดว่าทองคำยังได้รับอานิสงส์จากการระบาดของไวรัสโคโรนาอยู่ แม้จะเริ่มมีข่าวดีที่ว่าวัคซีนเริ่มมีการส่งออกเพื่อใช้งานได้ในบางประเทศของโลก


·         เมื่อคืนนี้ แคนาดาประกาศอนุมัติวัคซีนจากบริษัท Pfizer ที่พัฒนาร่วมกับ BioNTech เพียงหนึ่งวันหลังจากที่อังกฤษได้เริ่มใช้วัคซีนเป็นประเทศแรกของโลก


·         ตลาดจับตาการเจรจากกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการใช้มาตรการช่วยเหลือฉบับใหม่


·         นักวิเคราะห์จาก HSBC กล่าวว่า สภาพคล่องในกองทุนทองคำ ETFs ดูจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำอย่างมากจากความต้องการที่มีแนวโน้มลดลง ดังนั้น ทาง HSBC จึงหั่นคาดการณ์แนวโน้มทองคำปีหน้าลงประมาณ 3% เฉลี่ยที่ 1,907 เหรียญ ซึ่งระยะสั้นทองคำจะมีปัจจัยลบจากข่าววัคซีน แต่ภาพหลักก็ยังมีแรงหนุนจากการใช้มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน รวมทั้งความเสี่ยงด้านการเมืองอยู่


·         นักลงทุนรอคอยประชุมเฟดสัปดาห์หน้า (15-16 ธ.ค.)


·         นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า การใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินจะช่วยให้ราคาทองคำฟื้นตัวได้ต่อ


·         ราคาซิลเวอร์ปิด -3.8% ที่ 23.64 เหรียญ

·         ราคาแพลทินัมปิด -2.9% ที่ 993.23 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด -1.3% ที่ 2,280.92 เหรียญ


·         ยอดติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกทะลุ 69 ล้านรายวานนี้ ล่าสุดอยู่ที่ 69.20 ล้านราย หลังจากที่ยอดติดเชื้อรายวันใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 634,772 ราย ด้านยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 1.57 ล้านราย



ยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 219,935 รายภายในระยะเวลา 1 วัน จึงทำให้ยอดรวมสะสมล่าสุดอยู่ที่ 15.81 ล้านราย  ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมในสหรัฐฯล่าสุดอยู่ที่ 296,616 ราย

 

·         สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯโหวตผ่านงบประมาณรัฐบาลขยายเวลา 1 สัปดาห์ ท่ามกลางการเร่งบรรลุข้อตกลงแพ็คเกจช่วยเหลือ Covid-19  โดยได้รับเสียงสนับสนุนไป 343 ต่อ 67 ที่จะทำให้เส้นตายของรัฐบาลเลื่อนออกไปวันที่ 18 ธ.ค.นี้ คาดวุฒิสาภจะลงนามกันในวันนี้เพื่ออนุมัติข้อเสนอดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หลายๆการจัดการของหน่วยงานรัฐฯจะปิดให้บริการเนื่องจากการระบาดที่ขยายเป็นวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะหากสภาคองเกรสยังล้มเหลวการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณได้ก่อนวันเสาร์นี้ (12 ธ.ค.)

นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังแสดงถึงความตั้งใจผลักดันร่างงบประมาณต่างๆให้ผ่านได้ก่อนกำหนดเส้นตาย

บรรดาผู้นำพรรคเดโมแครตคาดหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาภายใต้ข้อเสนอ 9.08 แสนล้านเหรียญได้ เพราะจะนำมาซึ่งการผลักดันของทั้ง 2 สภา ขณะที่นายมนูชินส่งสัญญาณข้อเสนอฉบับใหม่ในวงเงินที่สูงขึ้นมากถึง 9.16 แสนล้านเหรียญ ซึ่งทางด้านนายชัค ชูมเมอร์ส ปฏิเสธรับข้อเสนอดังกล่าวของพรรครีพับลิกัน เนื่องจากไม่ครบครอบคลุมถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือคนว่างงานได้

นอกจากนี้ รีพับลิกันยังตำหนิพรรคฝ่ายตรงข้ามที่ปฏิเสธข้อเสนอใหม่วงเงิน 9.16 แสนล้านเหรียญ จากทีมบริหารของนายทรัมป์ เนื่องด้วยเหตุผลในการจ่ายเงินตรงจำนวน 600 เหรียญ แค่เพียง 1 ครั้ง แต่ไม่มีการจัดเตรียมวงเงินเพิ่มสำหรับคนว่างงาน ซึ่งเดโมแครตต้องการให้เกิดการจ่ายเงินอย่างน้อย 300 เหรียญ/สัปดาห์ เพื่อสนับสนุนสวัสดิการการว่างาน

 

·         ประธานบรรณาธิการนิตยสารทางการแพทย์ สนับสนุน “วัคซีน Oxford-AstraZeneca” ที่จะช่วยต้าน Covid-19 ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  เนื่องด้วยข้อมูลบ่งชี้สะท้อนแล้วว่าวัคซีนของบริษัทดังกล่าวมีส่วนช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต จึงคาดว่าวัคซีนตัวดังกล่าวจะช่วยจัดการกับไวรัสโคโรนาได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ วัคซีนของบริษัทดังกล่าวยังเข้าถึงง่าย จึงอาจจะทำให้ประเทศที่มีรายได้น้อยหรือรายได้ปานกลางสามารถได้รับวัคซีน ประกอบกับการขนส่งด้วยตู้เก็บความเย็นอุณภูมิปกติที่ไม่จำเป็นต้องใช้การเก็บรักษาระหว่างขนส่งด้วยอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส หรือ -90 องศาฟาเรนไฮต์ อย่างวัคซีนของบริษัท Pfizer-BioNTech

ที่สำคัญราคาค่อนข้างถูกกว่าวัคซีนของบริษัทคู่แข่งอื่นๆ โดยจะมีค่าใช้จ่ายต่อโดสราว 4 เหรียญ เท่านั้น ขณะที่ Pfizer จะมีราคาจำหน่าย 20 เหรียญ/โดส, Moderna อยู่ระหว่าง 32 – 37 เหรียญ/โดส และของบริษัท Johnson & Johnson คาดว่าจะมีราคาประมาณ 10 เหรียญ/โดส

 

·         หัวหน้าทีมวัคซีน Covid-19 ของทรัมป์ เผย FDA มีแนวโน้มจะประเมินอาการแพ้ของผู้ใช้งานวัคซีนจริงในอังกฤษ ก่อนประกาศความชัดเจนในการประกาศใช้วัคซีนในสหรัฐฯ เนื่องด้วยมีการพบรายงานว่าการใช้วัคซีนในกลุ่มคนงานด้านสุขภาพของสถาบันบริการด้านสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS) จำนวน 2 รายมีอการแพ้วัคซีน

หัวหน้า MHRA ของอังกฤษ ระบุกับคณะกรรมาธิการของรัฐบาลอังกฤษว่า เรารับทราบข้อมูลจากการทดลองเท่านั้น แต่เราจำเป็นต้องให้คำปรึกษาที่หนักแน่นมากขึ้นจากประสบการณ์ตรงจากประชาชนผู้ใช้งานจริงจากกลุ่มแรกที่ถูกเลือกในเวลานี้ประกอบด้วย

หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ประจำทำเนียบขาว กล่าวรว่า องค์การอาหารและยาสหรัฐฯหรือ FDA ที่มีแนวโน้มจะประชุมร่วมกับบรรดาที่ปรึกษาและนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการอนุมัติวัคซีน Pfizer ก็อาจจะต้องปรับทบทวนและรอไปก่อนเนื่องด้วยพบความไม่ปกติจากการใช้งานจริงที่พบผู้มีอาการแพ้ที่ไม่ได้ระบุในรายงานการทดลอง

 

·         ตุรกี "ปฏิเสธ" รายงานที่จะไม่พิจารณาวัคซีน COVID-19 ของรัสเซีย โดยยังย้ำว่าพร้อมจะพิจารณาหากวัคซีนของรัสเซียเป็นไปตามเงื่อนไข และผลทดลองออกมาสำเร็จ ไม่มีปัญหาในกระบวนการผลิตในรัสเซีย

 

·         ข้อมูลการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่สหรัฐฯเพิ่มในเดือนต.ค. แต่สัญญาณตลาดแรงงานยังชะลอตัว

ทั้งนี้ จำนวนการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่เดือนต.ค. ขยายตัวได้ 158,000 รายสู่ระดับ 6.65 ล้านตำแหน่ง แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 7 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. โดยการเพิ่มขึ้นของข้อมูลดังกล่าวมาจากการเปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ในกลุ่มสุขภาพและอตุสาหกรรมที่ปรึกษาด้านสังคม

ภาพรวมอัตราการเปิดรับเพิ่มขึ้น 4.5จาก 4.4ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่การว่าจ้างลดลงแตะ 5.81 ล้านตำแหน่ง จากเดือนก.ย.ที่มีการว่าจ้าง 5.89 ล้านตำแหน่ง

การปลดคนงานก็ยังเพิ่มสูงขึ้นอีก 243,000 สู่ระดับ 1.7 ล้านตำแหน่ง โดยในหน่วยงานรัฐมีการเลิกจ้างไป 91,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุด เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้น 1.2จากเดือนก่อนหน้าที่ 1%

แต่ตลาดการเงินก็ไม่ได้ตอบรับต่อข้อมูลดังกล่าว

 

·         17 รัฐใหญ่ แจง ศาลสูงสุด คาดว่า “ไบเดน” จะสามารถคว้าชัยชนะจากรัฐ Texas ได้เช่นกัน 

 

·         ผู้นำอังกฤษ-อียู กำหนดเส้นตายเจรจา วันอาทิตย์” นี้ หลังคว้าน้ำเหลวในการพบกันเพื่อปลดล็อกข้อแตกต่าง

 

·         นายกฯอังกฤษ เดินทางกลับหลังเจรจาเลี่ยง Brexit จบแบบ No-Deal

หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดินทางไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับนางเออซูลา วง เดอ เลอยอง ประธานคณะกรรมาธิการอียู เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง 3 ประเด็นหลักที่ทำให้การเจรจายังไม่บรรลุผล ได้แก่

- การประมง

- กฎการแข่งขันทางการค้า

- อำนาจชี้ขาดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย


อย่างไรก็ดี ก่อนเดินทางกลับอังกฤษ นายจอห์นสัน ทวิตเตอร์ถึงความคืบหน้าในการเจรจาที่เบลเยียมว่า ข้อตกลงที่ดีมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้

 

·         USTR พอใจต่อการตัดสินใจของอังกฤษ ที่จะยุติภาษีที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนเครื่องบิน

หน่วยงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR แสดงความยินดีต่อการที่อังกฤษตัดสินใจไม่ดำเนินการกำหนดภาษีที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินต่อยุโรป ในเดือนมกราคมปีหน้า ด้วยวัตถุประสงค์ที่อังกฤษต้องการแก้ไขข้อพิพาทจากการเจรจา

อย่างไรก็ตาม USTR ไม่เห็นด้วยที่อังกฤษจะมีอำนาจใดๆ ในการเรียกเก็บภาษี เนื่องจากอำนาจจะสิ้นสุดลงหลังจากออกจากสหภาพยุโรป และอังกฤษไม่สามารถหาเรื่องส่วนตัวมาต้อต้านสหรัฐฯ ได้

 

·         ประชุมอีซีบีวันนี้ คาดเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนภาคธุรกิจ-ปิด Gap รอจนกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้

โดยอีซีบีถูกคาดว่าจะมีการขยายวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรหรือ QE เพิ่มอีก 5 แสนล้านยูโร (6 แสนล้านเหรียญ) จากระดับปัจจุบันที่มีการเข้าซื้ QE ที่ 1.35 ล้านล้านเหรียญ  โดยอาจขยายการเข้าซื้อดังกล่าวออกไปถึงช่วงสิ้นปี 2021หรือกลางปี 2022 ได้ จากปัจจุบันที่กำหนดการใช้ QE ถึงช่วงกลางปี 2021 หรือจนกว่าจะสิ้นสุดยุควิกฤต Covid-19

 

·         ธนาคารกลางแคนาดาคงดอกเบี้ย 0.25% และยังใช้นโยบาย QE ต่อไป

 

·         Facebook หวัง สกุลเงินดิจิตอล อย่าง “Cryptocurrency” จะกลับมาเคลื่อนไหวได้ในปี 2021 และคาดว่าจะได้รับผประโยชน์จากการคาดการณ์นี้ และพร้อมส่งผลให้หน่วยดูแลกำกับเร่งที่จะดำเนินการ สกุลเงินดิจิตอล Cryptocurrency ให้กลับมาเคลื่อนไหว ในกระเป๋าเงินดิจิตอลอีกครั้ง

นายเดวิด มาคัส หรือในนาม  F2 ที่รู้จักกัน ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงินของ Facebook คาดหวังให้  Cryptocurrency สกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า Diem และกระเป๋าเงิน Novi ของ บริษัทสังคมออนไลน์จะเปิดตัวขึ้นในปีหน้า

 

·         อิหร่าน ขึ้น บัญชีดำ” ทูตสหรัฐฯ ตอบโต้การคว่ำบาตรของสหรัฐฯก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของอิหร่าน จะมีการการอนุญาตให้ยึดทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรตามปกติ จึงไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ ต่อทูตสหรัฐฯ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com