ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยงอ่อนตัว
ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์ได้ในคืนวันศุกร์ เพราะได้รับแรงหนุนจาก
- ความกังวลที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯถูกเลื่อนออกไป ท่ามกลางยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มขึ้น
- แนวโน้มที่อังกฤษจะออกจากอียู โดยปราศจากข้อตกลง
- ความหวังเห็นเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวปีหน้าลดลง
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นปัจจัยลบต่อความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น และค่าเงิน จึงหันกลับมาถือค่าเงินและสินทรัพย์กลุ่ม Safe-Haven อาทิ ออสเตรเลียดอลลาร์ และแคนาดาดอลลาร์ที่ทั้ง 2 ค่าเงินปรับแข็งค่ามากสุดรอบกว่า 2 ปี
ความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนย่ำแย่ลงจากการที่ภาคธุรกิจปิดทำการมากขึ้น เพื่อรับมือกับยอดติดเชื้อที่ระบาดหนัก ประกอบกับความผันผวนในตลาดที่ยังมีอยู่จาก Brexit
ยอดเสียชีวิตในสหรัฐฯยังอยู่ระดับสูงกว่า 2,900 รายต่อวัน หลังจากวันพฤหัสบดีทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 3,253 รายในหนึ่งวัน ขณะที่ยอดเสียชีวิตน่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอีก 2-3 เดือนจนกว่าวัคซีนจะแพร่หลายเป็นวงกว้าง
การเจรจากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯยังชะงักงัน แม้โฆษกสภาผู้แทนราษฎรฯจะบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการเจรจาต่อแม้จะยาวไปถึงช่วงคริสต์มาสนี้ก็ตาม
ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ เดือนพ.ย. ยังเป็นปัจจัยเกื้อหนุนมุมมองเงินเฟ้อจะยังอยู่นะดับต่ำในระยะสั้น จากการระบาดของไวรัสที่คุกคามตลาดแรงงาน และกระทบอุปสงค์ภาคบริการ
ดัชนีดอลลาร์ปิด +0.2% ที่ 90.936 จุด และยืนได้เหนือต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่งที่ 90.471 จุด ที่ทำไว้ในวันที่ 4 ธ.ค. ช่วงต้นตลาด
เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.66% แตะ 1.3211 ดอลลาร์/ปอนด์ จากความไม่แน่นอนของ Brexit ที่เพิ่มมากขึ้น
ตลาด Options สะท้อนการเคลื่อนไหวเทรดเดอร์เป็นอย่างดี โดยมาตรวัดความผันผวนช่วง 1 สัปดาห์ พบว่าทำสูงสุดรอบ 9 เดือน และค่าพรีเมียมของเงินปอนด์ อยู่ใกล้กับสูงสุดตั้งแต่เม.ย. จากนักลงทุนที่ต้องจ่ายค่าประกันความเสี่ยงขาลง
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.16% ที่ 1.2122 ดอลลาร์/ยูโร หลังพฤหัสบดีปรับขึ้นแข็งแกร่งรับอีซีบีกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม และบรรดาผู้นำยุโรปบรรลุการประนีประนอมข้อตกลงแพ็คเกจช่วยเหลือทางการเงินได้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลงจากสภาคองเกรสที่ยังปลดล็อกการกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันไม่ได้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับลงแตะ 0.889%
อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.614%
สภาคองเกรสยังตกลงเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันไม่ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันปฏิเสธวงเงินช่วยเหลือ 9.08 แสนล้านเหรียญ ที่ทางเดโมแครตร้องขอเจราจา
อย่างไรก็ดี วุฒิสภาสหรัฐฯโหวตเห็นชอบขยายเวลางบประมาณรัฐบาลออกไป 1 สัปดาห์ หลังสภาผู้เแทนราษฎรโหวตผ่าน เพื่อให้เกิดการเจรจาร่วมกันต่อไป ขณะที่นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า การเจรจาจะยังดำเนินต่อไปได้แม้จะเป็นวันหยุดเทศกาล
The Sevens Report รายงานว่า ประเด็นการเจรจาดังกล่าว เป็นหัวข้อที่ตลาดสนใจ และค่ดว่าจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในอีกไม่นาน แม้ว่าความจริงจะไม่เกิดขึ้นได้ภายใน 18 ธ.ค. นี้ ดังนั้น จึงอาจเห็นตลาดมีความผันผวนได้