MTS Help Center

· ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับขึ้นราว 200 จุด จากตลาดที่รีบาวน์หลังปรับลงสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนขานรับการเริ่มแพร่กระจายวัคซีน COvid-19 และข่าวที่สภาคองเกรสยังไม่สามารถทำข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันได้

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับขึ้นประมาณ 196 จุด

ดัชนี S&P500 และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เคลื่อนไหวในแดนบวกปานกลาง

· หุ้นเอเชียปิดผสมผสาน จากนักลงทุนที่ตอบรับข่าวอนุมัติวัคซีน Pfizer

ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปิด +0.66% ที่ระดับ 3,369.12 จุด

ดัชนีเสิ่นเจิ้น คอมโพแนนท์ ปิด +1.011% ที่ 13,692.13 จุด

ดัชนี HSI ของฮ่องกง ปิด -0.3% ในชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย

ดัชนีนิกเกอิปิด +0.3% ที่ระดับ 26,732.44 จุด

ดัชนี Topix ปิด +0.48% ที่ 1,790.52 จุด

ดัชนี STI ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นดัชนีชีวัดภูมิภาคปิด +1.5%

ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ปิด -0.28% ที่ 2,762.20 จุด หลังยอดติดเชื้อไวรัสรายวันเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนี S&P/ASX200 ของออสเตรเลียปิด +0.26% ที่ 6,660.20 จุด

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นปิดเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อย

นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการ CDC ลงนามอนุมัติใช้วัคซีน Covid-19 ที่จะยอมให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถได้รับการฉีดวัคซีนได้ หลังจากที่ FDA มีการประกาศอนุมัติวัคซีน Pfizer ไปก่อนหน้า และมีการเริ่มขนส่งวัคซีนหลายแสนโดสทั่วประเทศสหรัฐฯแล้ว

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวกจากข้อตกลงการค้า Brexit ที่ขยายการเจรจาต่อ

ดัชนี Stoxx600 เปิด +0.8% โดยได้รับอานิสงส์จากตลาดที่ให้ความสนใจไปยังการเจรจาระหว่างอังกฤษ-อียู เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าหลัง Brexit โดยที่หุ้นกลุ่มธนาคารก็ปรับขึ้น 1.8% หนุนหุ้นกลุ่มอื่นๆเพิ่มขึ้น เว้นหุ้นกลุ่มสุขภาพ

อังกฤษ-อียู เห็นพ้องเจรจาข้อตกลงการค้า Brexit ต่อ ท่ามกลางความแตกต่างหลายๆประการที่สำคัญ ส่วนเงินปอนด์รีบาวน์รับข่าวนี้

อย่างไรก็ดี นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังกล่าวเตือนให้ภาคธุรกิจเตรียมความพร้อมรับมือแบบ No-Deal จากการออกจากอียู 31 ธ.ค. หากการเปลี่ยนผ่านจบลง

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,480.22 จุด ลดลง 2.45 จุด (-0.17%) มูลค่าการซื้อขายราว 63,887 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,495.18 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,475.30 จุด

- "4 แบงก์ใหญ่" เร่งบริหารจัดการหนี้ส่งท้ายปีหวังคุมหนี้เสียไม่ให้เพิ่มขึ้น "กรุงไทย" ชี้การขายหนี้เสียยังอยู่ในแผนแต่ขอดูภาวะตลาด หากราคาต่ำอาจไม่คุ้ม ขณะที่แบงก์กสิกรไทย-กรุงเทพ ยังเน้นบริหารเองเป็นหลัก ส่วนทีเอ็มบีตั้งเป้าคุมเอ็นพีแอล ปีนี้ไม่เกิน 3% ชะลอแผนขายหนี้หวั่นถูกกดราคา

-กรมการค้าภายใน คาดปี 64 ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ปรับขึ้น เหตุไร้ปัจจัยกดดัน ทั้งราคาน้ำมันทรงตัว ค่าเงินบาท ใกล้เคียงปี 63 และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่การแข่งขันของผู้ค้ารุนแรง

- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญๆ ที่ต้องติดตามเพราะมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคือเศรษฐกิจโลกซึ่งตัวแปรหลักคือวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหากประสบความสำเร็จในการใช้กับคนและกระจายไปยังประเทศต่างๆได้มากขึ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกก็จะกลับมาเร็วและสะท้อนมายังเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ไทยต้องพึ่งพิงต่างชาติในการขับเคลื่อน

- กรมการค้าภายใน คาดปี 64 ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ปรับขึ้น เหตุไร้ปัจจัยกดดัน ทั้งราคาน้ำมันทรงตัว ค่าเงินบาทใกล้เคียงปี 63 และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่การแข่งขันของผู้ค้ารุนแรง

- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญๆ ที่ต้องติดตามเพราะมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคือเศรษฐกิจโลกซึ่งตัวแปรหลักคือวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหากประสบความสำเร็จในการใช้กับคนและกระจายไปยังประเทศต่างๆได้มากขึ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกก็จะกลับมาเร็วและสะท้อนมายังเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ไทยต้องพึ่งพิงต่างชาติในการขับเคลื่อน

- อดีตกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงค่าเงินบาทว่า ดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับ เงินบาท โดยเงินบาทในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพบว่า แข็งค่าขึ้นมาแล้วเกือบ 4% และมีแนวโน้มจะทดสอบระดับ 29.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ช่วงปลายปี เนื่องจากเงินทุนยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหนึ่งเดือน ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติอยู่ในสถานซื้อสุทธิ ในตลาดหุ้นเกือบ 5 หมื่นล้านบาท และตลาดพันธบัตร เกือบ 2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งเดือน เงินทุนระยะสั้นไหลเข้าแล้วเกือบ 7 หมื่นล้านบาท