ทองคำอ่อนตัวลงจากข่าววัคซีนหนุนทิศทางเศรษฐกิจ
· ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากการที่วัคซีนเริ่มแพร่หลายในสหรัฐฯ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกต่อตลาดการเงิน และกลุ่มนักลงทุนภาคธนาคารจากคาดการณ์ที่จะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัว
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.6% ที่ระดับ 1,827.55 เหรียญ หลังจากที่ปรับตัวลงไปกว่า 1% ทำต่ำสุดบริเวณ 1,819.35 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -0.6% ที่ระดับ 1,832.10 เหรียญ
· กองทุนทองคำ SPDR ขายทองคำต่อเนื่อง 2 วันทำการ โดยขายออกอีก 4.67 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,171.32 ตัน
· นักวิเคราะห์ฝ่ายโลหะมีค่าอาวุโสของ Kitco กล่าวว่า แรงกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงดูจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวของตลาดโลกและสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ แต่การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์อาจช่วยลดความกดดันจากแรงเทขายในตลาดได้บ้าง
· ความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกไม่เพียงแต่มาจากการขนส่งวัคซีนรอบแรกของสหรัฐฯ แต่ยังมาจากการตัดสินใจขยายเวลาเจรจา Brexit ของอังกฤษและผู้นำอียูที่ช่วยหนุนหุ้นยุโรปฟื้นตัวตามด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเป็นตัวช่วยที่ดีของราคาทองคำ ประกอบกับความหวังเห็นมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านเหรียญ ท่ามกลางบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสที่จะเผชิญกับการกำหนดเส้นตายในวันศุกร์นี้
· นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดระหว่างวันนี้และวันพรุ่งนี้
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ข้อตกลงทางการเงินถือเป็นปัจจัยหลัต่อทองคำ รวมทั้งเฟดที่อาจเพิ่มการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อได้
· ราคาซิลเวอร์ปิด -0.2% ที่ 23.87 เหรียญ
· ราคาแพลทินัมปิดทรงตัวบริเวณ 1,008.94 เหรียญ
· ราคาพลาเดียมปิด -0.4% ที่ 2,310.24 เหรียญ
· บรรดานักกฎหมายสหรัฐฯ ประกาศ “ข้อเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่”
โดยเป็นการแบ่งข้อเสนอเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ซึ่งแผนข้อเสนอใหม่จะเรียกงบ 7.48 แสนล้านเหรียญเป็นโครงการค่าใช้จ่ายตรงกลางสำหรับกลุ่มประชาชนของทั้งสองพรรค ประกอบด้วย
- การเพิ่มเงินช่วยเหลือสวัสดิการคนว่างงาน 300 เหรียญ/สัปดาห์
- 3 แสนล้านเหรียญ สำหรับโปรแกรมสนับสนุนการกู้ยืมเพิ่มเติมภายใต้โครงการ PPP (Paycheck Protection Program)
ส่วนที่ 2 จะเป็นวงเงิน 1.60 แสนล้านเหรียญ ประกอบด้วยประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ในเรื่องกฎหมายคุ้มครองภาคธุรกิจและการเงิน เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐต่างๆ
ความคืบหน้าของข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับล่าสุดดูจะตอบสนองกับกลุ่มนักลงทุนและประชาชนสหรัฐฯได้มากขึ้นจากแนวโน้มระยะสั้นที่ไม่สดใส เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ทางการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสิ้นสุดการระบาดในปี 2021
· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกพุ่งทะลุ 73 ล้านราย โดย ณ ขณะนี้แตะ 73.15 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้นรายวันวานนี้อีก 505,940 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมแตะ 1.62 ล้านราย
สำหรับสหรัฐฯเรียกได้ว่าสถานการณ์ยังวิกฤต โดยมีผู้ติดเชื้อ 16.92 ล้านราย โดยยอดติดเชื้อเพิ่มขึ้น 178,263 ราย และยอดเสียชีวิตสะสมรวมสูงกว่า 307,924 ราย
ด้านอังกฤษก็วิกฤตหนัก โดยมียอดติดเชื้อสะสม 1.86 ล้านราย มียอดรายวันเพิ่มขึ้น 20,263 ราย และมียอดเสียชีวิตโดยรวมสะสมที่ 64,402 ราย
· ลอนดอนเผชิญข้อจำกัดที่เข้มงวดที่สุด ท่ามกลางอังกฤษเผชิญโควิดสายพันธุ์ใหม่
รัฐมนตรีด้านสาธารณสุขอังกฤษ ยืนยันถึงการพบการติดเชื้อในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษที่มีแนวโน้มจะเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วแถบตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษเวลานี้ ท่ามกลางนักวิเคราะห์ ที่ระบุถึงการแพร่กระจายของไวรัสอาจมาจากสายพันธุ์ใหม่ และส่งผลให้ยอดติดเชื้อใหม่ในอังกฤษทะลุ 1,000 ราย
อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบันยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าการระบาดเวลานี้มีแนวโน้มจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคติดต่อรุนแรง และล่าสุดที่ปรึกษาทางการแพทย์ เผยถึงจำนวนยอดติดเชื้อที่มีแนวโน้มจะลดลงได้จากการรับมือด้วยวัคซีน
· ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงขององค์การอนามัยโลก (WHO) ตระหนักถึงการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่มีหลักฐานใดชี้ชัดถึงความแตกต่างกับสายพันธุ์ที่พบอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทีมเจ้าหน้าที่กำลังจับตาอย่างระมัดระวัง พร้อมระบุถึงการพบเห็นความหลากหลายและสายพันธุ์ต่างๆของไวรัสที่มีวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
· สำหรับการใช้วัคซีนในสหรัฐฯ ไม่ใช่ว่าผู้สูงอายุทุกคนจะได้รับวัคซีน Covid-19 โดยส่วนใหญ่ยังคงต้องรอ เนื่องด้วยการขนย้ายวัคซีนรอบแรกทำได้เพียง 2.9 ล้านโดสที่เริ่มต้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางประชากรสหรัฐฯที่มีจำนวนประมาณ 330 ล้านคน
· สิงคโปร์อนุมัติ “วัคซีน Pfizer" คาดว่าใช้โดสแรกได้สิ้นปีนี้
นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง วัย 68 ปี เผยว่า จะเป็นผู้รับรายแรก ท่ามกลางประชากร 5.7 ล้านคนในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโควิดต่ำที่สุดทั่วโลก ทั้งนี้รัฐบาลคาดว่าจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคนภายในไตรมาสที่สามของปีหน้า
โดยนายกรัฐมนตรีจะได้รับการฉีดวัคซีนก่อน เพื่อยืนยัน ว่าวัคซีนปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ นอกจากนี้วัคซีนยังแจกจ่ายให้ฟรีสำหรับอาสาสมัคร โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและผู้สูงอายุจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันก่อน
· คะแนน Electoral College ยืนยันผล “นายไบเดน” ชนะ “ทรัมป์” ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
· ผู้พิพากษา วิลเลียม บาร์ จะลาออกจากการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกระทรวงยุติธรรมภายใต้ทีมบริหารทรัมป์ก่อนคริสต์มาสในวันที่ 23 ธ.ค. นี้
หลังผลเลือกตั้งคะแนน Electoral College ประกาศผลทางการถึงชัยชนะของนายไบเดน ขณะที่นายทรัมป์ เผย จะให้ผู้พิพากษา เจฟ โรเซน เข้ารับตำแหน่งแทน
· สหรัฐฯคว่ำบาตรตุรกี กรณีเข้าซื้อระบบมิสไซน์ S-400 ของรัสเซีย
· นักบริหารเงิน คาดกรอบค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 29.90 – 30.40 บาท/ดอลลาร์ แนะจับตาประชุมเฟด 15-16 ธ.ค.นี้ เป็นสำคัญ ซึ่งคาดจะทราบผลประชุมเฟดในวันพฤหัสบดีนี้ โดยเฟดน่าจะยังตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำ 0.00-0.25% และคงเป้าหมายการขยายงบดุลในพันธบัตรรัฐบาลและ Mortgage-Backed Securities ที่ระดับ 8 หมื่นและ 4 หมื่นล้านเหรียญตามลำดับ ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการประชุมของบีโอเจในสัปดาห์นี้ ประกอบกับข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และเจรจา Brexit รวมถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ท่ามกลางหลายๆประเทศที่ได้รับการอนุมัติใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉินแล้ว
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คือเรื่อง ธปท.ยกเลิกการชี้แจงมาตรการเพิ่มเติมในการปรับระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและการดูแลเงินบาท แต่ยังคงระบุว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสะท้อนข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้สกุลเงินภูมิภาคแข็งค่าอย่างรวดเร็ว
โดยธปท.ได้เข้าดูแลเพื่อชะลอความผันผวนที่จะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เราคาดว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะถูกจำกัดด้วยสัญญาณดังกล่าวจากทางการเป็นสำคัญ ขณะที่ในภาพใหญ่ ตลาดจะรอผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า ก่อนที่สภาพคล่องการซื้อขายมีแนวโน้มเบาบางลง เมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) มีความเห็นว่าระบบการเงินไทยโดยรวมยังมีเสถียรภาพ โดยธนาคารพาณิชย์และธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง ขณะที่ตลาดการเงินมีเสถียรภาพ และสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจและการเงินยังมีความไม่แน่นอนก็เตรียมพร้อมออกมาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อจำกัดผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยและสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ระบบการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 พร้อมเปิดรับลงทะเบียนสำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีก 5 ล้านคน ในวันพุธที่ 16 ธ.ค.63 โดยคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน จะต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ใช่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.00 - 23.00 น. จนกว่าจะครบ 5 ล้านสิทธิ
- รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า แนวโน้มการให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารในปี 63 มีโอกาสเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน หลังจากในช่วง 8-9 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อดังกล่าวเติบโต 4-5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องที่ลูกค้าได้ยื่นขอใช้สินเชื่อเข้ามาค่อนข้างมาก เพราะในช่วงที่ผ่านมาลูกค้ามุ่งรักษาสภาพคล่องทางการเงิน หลังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
· อ้างอิงจากสำนักข่าวโพสทูเดย์
- นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผลกระทบโควิด-19 ระลอกสองในไทยไม่รุนแรงเนื่องจากมีระบบติดตามไต่สวนโรคที่ดีจำกัดการแพร่ระบาดได้ แต่ส่งผลกระทบต่อรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการจัดงานอีเวนท์ คอนเสิร์ตต่างๆ กิจกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวชะลอตัวกว่าที่คาดไว้เดิม โดยคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวและกิจกรรมจับจ่ายใช้สอยที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่สูญเสียไปไม่ต่ำกว่า 14,100-16,920 ล้านบาท ในช่วงปลายปีนี้หลังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสอง