ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 150 จุด จากความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาตรการ Lockdown
ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดอ่อนตัวลงท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาตรการคุมเข้ม Covid-19 ที่บดบังมุมมองเชิงบวกของการกระจายวัคซีน
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -184.82 จุด หรือ -0.6% ที่ 29,861.55 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดปรับขึ้นไปกว่า 200 จุดและทำ All-Time High
ดัชนี S&P500 ปิด -0.4% ที่ 3,647.49 จุด เป็นการปิดปรับลงครั้งแรกหลังจากที่ปิดแดนบวกยาวนานต่อเนื่อง 4 วันทำการมากที่สุดตั้งแต่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา
ดัชนี Nasdaq ปิด +0.5% ที่ 12,440.04 จุด
นายกเทศมนตรีรัฐนิวยอร์ก กล่าวเตือนในช่วงเช้าวานนี้ว่า รัฐนิวยอร์กอาจเจอการ Shutdown “อย่างเต็มรูปแบบ” ในเร็วๆนี้ เนื่องจากจำนวนยอดติดเชื้อที่ยังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมากสุดตั้งแต่เดือนพ.ค. และยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งที่กำลังคุกคามต่อระบบของสถานพยาบาล ซึ่งถ้อยแถลงของเขาเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500
สหรัฐฯยังเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มียอดติดเชื้อและมีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ขณะที่อังกฤษเข้าสู่ภาวะคุมเข้มด้านสุขภาพที่เข้มงวดในระดับสูงสุด
หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก Prudential Financial กล่าวว่า การ Lockdown ที่เกิดขึ้นทั้งหมด “กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก”
หุ้นบริษัทต่างๆมีแนวโน้มจะได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจโลก แต่ก็ดูวี่แววจะลดลงจากการที่กลับมาระบาดอีกครั้งตั้งแต่ช่วงต้นเดือน
FDA กำลังพิจารณาข้อมูลวัคซีนบริษัท Moderna ที่คาดว่าน่าจะเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ในสัปดาห์นี้
หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ UBS Global Wealth Management คาดว่า ประสิทธิภาพของวัคซีน Covid-19 จะพร้อมใช้งานเป็นวงกว้างได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 ที่จะสามารถช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น รวมถึงกิจกรรมทางสังคม แม้ว่าการเพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนพ.ย. แต่ก็คิดว่าน่าจะเห็นการปรับขึ้นได้อีก
ที่มา: CNBC