• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2563

    15 ธันวาคม 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์อ่อนค่าหนักจากคืบหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ - ปอนด์ยังมีึแรงหนุนจากความหวังข้อตกลง Brexit

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าอย่างหนักในรอบเกือบ 2 ปีครึ่งในวันนี้ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ี่ลดลง จากความคืบหน้าข้อตกลงทางรการเงินของสหรัฐฯ และมุมมองเชิงบวกต่อเจรจาข้อตกลง Brexit

ค่าเงินดอลลาร์กลับลงมาเคลื่อนไหวใกลล้ระดับต่ำสุดช่วงกลางปี 2018 เมื่อเทียบยูโรและปอนด์ จากบรรดาสมาชิกคองเกรสที่ดูจะพร้อมสนับสนุนวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.4 ล้านล้านเหรียญ ตามแผนแบ่งแยกงบค่าใช้จ่าย 9.08 แสนล้านเหรียญออกมาเป็น 2 ชุด จึงยิ่งเพิ่มความหวังว่าอย่างน้อยน่าจะเกิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครัง้ใหญ่ได้ เพื่อสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบและอนุมัติร่วมกันได้

ทางด้านผู้แทนเจรจา Brexit ของอียูและอังกฤษแสดงความหวังว่าจะยังเกิดข้อตกลงร่วมกันได้ และหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ในอีกไม่กี่วันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนในการออกจากอียูสิ้นเดือนนี้

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 1.3332 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ปรับแข็งค่าไป 0.8% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่เดือนนี้ไปทำระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 2 ปีครึ่งที่ 1.3540 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 1.2150 ดอลลาร์/ยูโร และเคลื่อนไหวใกล้ระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 2 ปีครึ่งที่ 1.2177 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

วัคซีน Covid-19 มีการแพร่หลายในสหรัฐฯและอังกฤษ จึงช่วยหนุนให้เกิดความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น แต่มุมมองเชิงบวกก็เป็นเพียงสภาวะชั่วคราว เนื่องจากยอดติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่มสูงขึ้น และลอนดอนมีสภาวะ Lockdown ที่เข้มงวดอย่างมากจากการค้นพบว่ามีแนวโน้มจะเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 90.75 จุด หลังจากวานนี้ทำต่ำสุดตั้งแต่เม.ย. ปี 2018 บริเวณ 90.419 จุด

ค่าเงินเยนแข็งค่า 0.1% มาที่ 104.125 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนต้องการ

ค่าเงินหยวนอ่อนค่า 0.2% ที่ 6.5444 หยวน/ดอลลาร์ หลังทำแข็งค่ามากสุดของเดือนนี้ที่ 6.4975 หยวน/ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนเป็นครั้งแรกตั้งแต่มิ.ย. 2018

รัฐบาลจีน กล่าวในวันนี้ว่าอาจมีการปรับเป้าหมายการดำเนินนโยบายให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัว


· การผลิตจีนกลับมาฟื้นตัวจากยอดส่งออก ขณะที่ยอดอุปสงค์ผู้บริโภคเติบโตขึ้น

ภาคการผลิตของโรงงานจีนประจำเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 20 เดือน ขณะที่อุปสงค์ของผู้บริโภคค่อยๆ ฟื้นตัวและ

การค่อยๆผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในประเทศคู่ค้ารายใหญ่ช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น

ผลผลิตอุตสาหกรรมเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 7.0% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าการขยายตัว 6.9% ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของจีนกลับมาฟื้นตัวหลังจากวิกฤตโควิดเมื่อต้นปี โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้โรงงานในประเทศกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง


· สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า อัตราว่างงานในเขตเมืองประจำเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 5.2% ลดลง 0.1% จากเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกัน 4 เดือน เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา

ด้านตัวเลขจ้างงานใหม่ในเขตเมืองในช่วง 11 เดือนแรก อยู่ที่ 122.1% ของเป้าหมายรายปีที่รัฐบาลกำหนดไว้

ส่วนอัตราการว่างงานในเมืองขนาดใหญ่ 31 แห่งของจีนอยู่ที่ 5.2% ในเดือนพ.ย. ลดลง 0.1% จากเดือนต.ค.


· เฟดจะทำการทดสอบว่าปี 2021 วัคซีนช่วยสนับสนุนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯได้หรือไม่

ในการประชุมนโยบายครั้งสุดท้ายของปีในสัปดาห์นี้ เฟดถูกคาดว่าจะคงดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์ต่อไป และน่าจะคงไว้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายปี แต่นักวิเคราะห์หลายๆรายก็คาดว่าอาจมีสัญญาณใหม่เกี่ยวกับกระยะเวลาว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรนานขึ้นอย่างไร

การใช้นโยบายการเงินฉบับผ่อนคลายพิเศษอย่างมากเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวที่เฟดปรับมาใช้ตั้งแต่เดือนส.ค. เพื่อช่วยหาวิธีรับมือกับภาวะดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกที่จำกัดทางเลือกในการดำเนินนโยบายของเฟด เพื่อต่อสู้กับภาวะขาลง รวมถึงความยากในการหนุนเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2%

แนวคิดของเฟดคือการตอบโต้กับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรงจากการถูกลากลงของราคา โดยปล่อยให้เศรษฐกิจมีความร้อนแรงมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา โดยแผนของเฟด คือ การจะคงดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์ต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งเงินเฟ้อแตะเป้าหมาย 2% ที่บางช่วงอาจเห็นเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นกว่านั้น

นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าวว่า จำนวนความต้องการฉีดวัคซีนที่เพิ่่มขึ้นตื่อเนื่อง อาจหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการได้มากขึ้น และอาจหนุนให้เงินเฟ้อปรับขึ้นเหนือเป้าหมาย 2% ได้ อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง

สัปดาห์นี้ เราอาจไม่เห็นเฟดกล่าวถึงสัญญาณเตือนจากสภาวะการเพิ่มจำนวนของไวรัสโคโรนา รวมถึงยอดผู้เสียชีวิตที่เป็นตัวแปรคุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก และการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ท่ามกลางคนตกงานที่ยังสูงกว่าครึ่งของ 22 ล้านคนตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา


แต่ปีหน้า เมื่อมีการแพร่กระจายวัคซีนรอบใหม่ได้มากขึ้น ก็ถูกคาดว่าจะเห็นความปลอดภัยค่อยๆกลับมาในการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน, การเดินทาง และการกลับมาเปิดกิจกรรมอื่นๆ ที่ตั้องถูกระงับชั่วคราวในช่วงที่เกิดวิกฤตไวรัสโคโรนา ซึ่งนี่จะเป็นกรอบการดำเนินนโยบายใหม่ที่เฟดจะนำมาใช้ทดสอบ

การเติบโตทางเศรษฐกิจถูกคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางตลาดแรงงานที่เติบโตขึ้น จึงมีแนวโน้มจะช่วยให้เฟดมีการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจรอบใหม่ (Fed Economic Projectios) หลังจากที่ใช้เวลาประชุมติดต่อกัน 2 วันทำการ (วันนี้ - พุร่งนี้)

แต่สิ่งที่เรียกว่า "dot-plot" ของเฟด ที่มักใช้เป็นคาดการณ์การดำเนินนโยบายดอกเบี้ย ซึ่งมีแนวโน้มว่าบรรดาสมาชิกเฟดส่วนใหญ่น่าจะยังมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยระดับต่ำจนถึงปี 2023

ดังนั้น เฟดน่าจะไม่กำหนดกรอบนโยบายใหม่หากเศรษฐกิจไม่สามารถหนุนให้เงินเฟ้อฟื้นตัวได้ 2% ตามมา


· ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวญี่ปุ่นจากสำนักข่าว NHK ระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 30% เห็นว่าควรยกเลิกการจัดงานมหกรรมกีฬาโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิก

โดยผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 27% เห็นด้วยที่จะจัดการแข่งขัน ขณะที่ 32% เห็นว่าควรยกเลิก ส่วน 31% มองว่าควรเลื่อนการแข่งขันออกไปก่อน

ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำขึ้นในเดือนต.ค. ระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 40% เห็นว่าควรจัดการแข่งขัน ขณะที่ 23% มองว่า ควรยกเลิกการจัดงาน และอีก 25% มองว่าควรเลื่อนออกไปก่อน


· ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี (KCDC) เผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มอีก 880 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 44,364 ราย

ทั้งนี้ เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงกว่าระดับของเมื่อวานที่ 718 ราย และอยู่เหนือระดับตัวเลขหลักร้อยเป็นวันที่ 38 ติดต่อกันนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. เนื่องจากการติดเชื้อแบบกลุ่มในกรุงโซลและจังหวัดคย็องกี ไปจนถึงผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ


· รัฐบาลสิงคโปร์จะเปิดช่องทางพิเศษสำหรับบุคคลบางกลุ่มในจำนวนจำกัดที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ ซึ่งรวมถึงนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เดินทางที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงจากทุกประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะฟื้นฟูภาคการเดินทางและการบริการที่สำคัญ

โดยสิงคโปร์ใช้เงินหลายพันล้านเหรียญเพื่อป้องกันเศรษฐกิจของจากภาวะตกต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมาและกำลังพยายามเปิดการเดินทางระหว่างประเทศอีกครั้ง เนื่องจากเตรียมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Economic Forum ประจำปีของผู้นำทางการเมืองและธุรกิจในปีหน้า

ทั้งนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ระบุว่า ผู้เดินทางกลุ่มแรกจะสามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือนม.ค. ผ่านช่องทางพิเศษที่จะเปิดใหม่นี้ โดยจะเปิดให้กับผู้ที่เดินทางเข้ามาพักอาศัยในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน


· COVID-19 ระบาดหนัก ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น

เมืองทางตอนเหนือของญี่ปุ่นกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงในการแพร่เชื้อโควิดช่วงฤดูหนาว โดยเมืองอาซาฮิกาวะ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจากโรงพยาบาลใหญ่ 2 แห่ง ซึ่งอุณภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์และข้อจำกัดในเรื่องอากาศส่งผลให้การแพร่เชื้อกระจายได้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลกลางได้ทำการ Lockdown และส่งกำลังเสริมทางการแพทย์เข้าไปช่วยเหลือ

   

· อัตราการว่างงานของอังกฤษในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น 4.9% จาก 4.8% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters คาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.1%


· ออสเตรเลีย ระบุ จะปฏิบัติตามแนวทาง WTO เกี่ยวกับ ข้อจำกัดด้านถ่านหินของจีน

นาย สก็อต มอรริสสัน ประธานาธิบดีของออสเตรเลีย ระบุว่า การที่จีนนำเข้าถ่านหินคุณภาพสูงของออสเตรเลีย ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และความสัมพันธ์ทางการค้า

สื่อต่างๆ ของจีน รายงานว่า นักวางแผนเศรษฐกิจรายใหญ่ของจีน อนุญาตให้โรงงานไฟฟ้า นำเข้าถ่านหิน โดยปราศจากข้อจำกัดของออสเตรเลีย โดยออสเตรเลียได้เรียกร้องให้จีนชี้แจงรายงาน หากละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศจริง

โดยทั้งนี้ ถ่านหินถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่สาม ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเด็นข้อพิพาทกับคู่ค้าอย่างจีน ขณะที่จีนเองได้มีมาตรการตอบโต้ทางการค้าหลายครั้ง หลังจากที่ออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการสอบสวนระหว่างประเทศเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโควิด

แม้ว่าจะมีการส่งออกถ่านหินมูลค่า 3 พันล้านเหรียญจาก 9.8 พันล้านเหรียญไปยังจีน แต่จีนก็ไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ซึ่งการเพิ่มข้อจำกัดใดๆ เกี่ยวกับถ่านหินของออสเตรเลียจะเป็นการละเมิดกฏองค์การค้าโลก (WTO)

ทั้งนี้หุ้นของผู้ส่งออกถ่านหินเพียวเพลย์ของออสเตรเลียลดลงอย่างรวดเร็ว

โดยหุ้นของ New Hope Corp และ Yancoal Australia ที่ถูกควบคุมโดยจีนปรับลดลงถึง 12% ขณะที่หุ้นของ Whitehaven Coal ลดลง 9% แต่ปรับลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม

และ BHP Group ซึ่งเป็น บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเหมืองแร่ ร่วงลงถึง 2.5%


· รัฐมนตรีอังกฤษ เผย ต้องการให้ อียู ทำข้อตกลงการค้าที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

นาย สตีฟ บาร์เคลย์ รัฐมนตรีของอังกฤษ เผย อียู จะต้องดำเนินการเจรจา แต่อยู่ในผลประโยชน์ของทั้งอังกฤษและกลุ่มที่จะได้ข้อตกลงทางการค้า

โดยปัจจัยพื้นฐานยังคงเหมือนเดิม ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องเห็นพ้องด้วยกันในข้อตกลง หากข้อตกลงไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ จำเป็นต้องให้อียูถอนตัวออกไป


· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากมาตร Lockdown ในยุโรปและการคาดการณ์ของโอเปกที่คาดว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวช้าลงในปีหน้ากดดันการเปิดตัววัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา

โดยอิตาลีกล่าวว่ากำลังพิจารณามาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดมากขึ้นในช่วงวันหยุดคริสต์มาส ขณะที่ร้านค้าส่วนใหญ่ในเยอรมนีได้รับคำสั่งให้ปิดจนถึงวันที่ 10 ม.ค.ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 18 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.38% ที่ระดับ 46.81 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 20 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.4% ที่ระดับ 50.09 เหรียญ/บารืเรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com