MTS Help Center

ดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นกว่า 300 จุด S&P500 รีบาวน์ จากมุมมองเชิงบวกเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นท่ามกลางเทรดเดอร์ที่ขานรับมุมมองเชิงบวกด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับสภาคองเกรสที่จะมีการผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนีดาวโจนส์ปิด +337.76 จุด หรือ +1.1% ที่ระดับ 30,199.31 จุด

ดัชนี S&P500 ปิด +1.3% ที่ระดับ 3,694.62 จุด

ดัชนี Nasdaq ปิด +1.3% ที่ 12,595.06 จุด ปิดทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่

หุ้นบริษัท Apple ปิด +5% หนุนดาวโจนส์ขึ้นหลังมีรายงานว่ายอดขาย iPhone จะปรับขึ้นประมาณ 30% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021

ดัชนี 11 ภาคส่วนของ S&P500 ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค

4 ผู้นำแห่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ

- นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร

- นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากแห่งวุฒิสภา

- นายชัค ชูมเมอร์ส ผู้นำเสียงข้างน้อยของวุฒิสภา

- นายเควิน แมคคาธีร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ

ทั้ง 4 มีการเข้าพบกันเพื่อพยายามให้เกิดข้อตกลงร่วมกัน หลังเมื่อวานนี้ทีมนักกฎหมายเผยแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยข้อเสนอใหม่ด้วยการแยกวงเงินเป็น 2 ฉบับ

โดยแผนดังกล่าวถูกเรียกว่าฉบับ 7.48 แสนล้านเหรียญ สำหรับโปรแกรมช่วยเหลือต่างๆ ที่ครอบคลุมข้อเรียกร้องของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย

การปล่อยเงินกู้ภาคธุรกิจขนาดเล็ก

ประกันคนว่างงาน

การกระจายวัคซีน

ภาคการศึกษา

การช่วยเหลือกลุ่มผู้เช่า

อีกฉบับคือ 1.6 แสนล้านเหรียญ ที่จะรวมและครอบคลุมกฎหมายคุ้มครองภาคธุรกิจ และการให้ความช่วยเหลือแก่ภาครัฐและรัฐบาลท้องถิ่น

การเปิดเผยข้อเสนอล่าสุดมีแนวโน้มจะผลักดันให้เกิดข้อตกลงร่วมกัน และเพื่อให้ชาวสหรัฐฯได้รับการช่วยเหลือจากแนวโน้มเศรษฐกิจระยะสั้น และความเป็นไปได้ในการยุติการระบาดของไวรัสในปี 2021

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Wilmington Trust กล่าวว่า การเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาวะชะงักงันก่อนที่วัคซีนจะกระจายการส่งมอบได้ทั่วถึง

เมื่อวานนี้องค์การอาหารและยา หรือ FDA ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อมูลวัคซีน Covid-19 ของบริษัท Moderna ที่ได้รับเพื่อพิจารณาอนุมัติใช้ฉุกเฉิน กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบก่อนได้รับอนุมัติ ซึ่งหากผ่านก็จะเป็นวัคซีนตัวที่ 2 ที่ได้ใช้ในสหรัฐฯ

ภาพรวมดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นได้กว่า 14% ปีนี้ แม้การระบาดของไวรัสจะดำเนินต่อไป ดังนั้น จึงมีนักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าระยะสั้นการปรับขึ้นจะเป็นไปอย่างจำกัด

ที่มา: CNBC