• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 16 ธันวาคม 2563

    16 ธันวาคม 2563 | Economic News
 

·         ปอนด์แข็งค่าแรงจากรายงานของทางอียูที่เผย "คืบหน้ามากขึ้นในเรื่องเจรจาการค้า Brexit"

ค่าเงินปอนด์พุ่ง 0.4% และยืนเหนือ 1.35 เหรียญ/ปอนด์ และยูโรพุ่งขึ้นกว่า 0.4% แต่ก็ยังทรงตัวต่ำกว่า 1.22 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินปอนด์ Break เหนือ 1.35 ดอลลาร์/ปอนด์ขึ้นมาจากการที่ นางเออซูลา วง เดอร์ เลอยง ประธานคณะกรรมาธิการอียู กล่าวว่า การเจรจาข้อตกลงการค้า Post-Brexit ระหว่างอังกฤษและอียู มีความคืบหน้ามากขึ้น

แต่ยังไม่อาจบอกได้ว่าจะเกิดข้อตกลงได้เมื่อไหร่ หรือไม่มีข้อตกลงหรือไม่ คาดว่าต้องใช้เวลา 2-3 วันถึงจะเห็นความชัดเจนได้มากขึ้น  แต่เราพบว่ามีหลายๆประเด็นที่เห็นด้วยต่อกันมากขึ้นทั้งสองฝ่าย  แม้ว่าจะยังติดในเรื่องบทบาทการปกครองและด้านการประมง 




ภาพรวมยูโรแข็งค่าทำสูงสุดที่ 1.22119 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นสูงสุดรอบกว่า 2 ปีครึ่งตั้งแต่ 25 เม.ย. 2018

ปอดน์ปรับแข็งค่ามาที่ 1.35198 ดอลลาร์/ปอนด์ ใกล้แข็งค่ามากสุดที่ทำไว้ในวันที่ ธ.ค. บริเวณ 1.35386 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยในวันดังกล่าวเป็นระดับแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 25 พ.ค.2018 2018 

 

·         สมาชิกอีซีบี ชี้ ยังไม่มีแนวโน้มกำหนดเป้าหมายในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน แต่ยอมรับว่ามีผลต่อการดำเนินนโยบาย

 

·         ดอลลาร์ทรงตัวจำกัดใกล้อ่อนค่ามากสุดรอบ 2 ปีครึ่ง ท่ามกลางคืบหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯและปอนด์ได้รับแรงหนุนจากความหวังวัคซีน ที่ลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย โดยที่ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวทำ Low 90.128 จุด  ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ 23 เม.ย. 2018 โดยวันที่ 19 เม.ย. ปีเดียวกันทำต่ำสุดไว้ที่ 89.50 จุด 




ดัชนีดอลลาร์ถูกกดดันจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ

สภาคองเกรสจะเริ่มต้นประชุมกันรอบ 2 ในวันนี้ ที่ท้ายที่สุดอาจเห็นการเพิ่มงบค่าใช้จ่ายสูงกว่า 1.4 ล้านล้านเหรียญได้

เฟดประชุมที่จะทราบผลในคืนนี้ โดยคาดจะยังเห็นเฟดตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์เป็นเวลาหลายปี


·         หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานว่า สหรัฐฯนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้นในปีนี้  แม้สถานการณ์การค้าต่างประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และจากการที่คณะบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน

โดยการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส ขณะที่ชาวอเมริกันใช้จ่ายเงินที่เก็บไว้สำหรับท่องเที่ยวพักร้อนไปกับการซื้อสินค้า และการรับประทานอาหาร รวมถึงการซื้อเครื่องใช้ในบ้าน เช่น ไฟดวงใหม่สำหรับการทำงานที่บ้าน อุปกรณ์ออกกำลังกาย และของเล่นเพื่อให้เด็กๆ ได้รับความบันเทิง

สำหรับเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ยอดส่งออกสินค้าจากจีนไปยังสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 
46.1% ที่ 5.198 หมื่นเหรียญ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ข้อมูลการค้าในช่วง 
10 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งรวบรวมโดยสำนักงานศุลกากรของสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯนำเข้าสินค้าประเภทต่างๆจากจีนเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า หน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

 

·         ข้อมูลภาคธุรกิจยูโรโซนทรงตัวในเดือนธ.ค. แม้เผชิญ Lockdown

Flash PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนออกมาดีขึ้นแตะ 49.8 จุดในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 45.3 จุดในเดือนพ.ย. แต่ข้อมูลที่ต่ำกว่า 50 จุดยังสะท้อนภาวะหดตัว

 

·         เยอรมนีเข้าสู่มาตรการ Lockdown อย่างเข้มงวดเพื่อพยายามควบคุมยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้น 952 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดต่อวัน

โดยนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน แถลงการณ์เมื่อวันที่ 
13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ว่าทางรัฐจะเริ่มมาตรการ Lockdown “ข้ามปี” ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 63 จนถึงวันที่ 10 ม.ค. ปี 64 ที่จะถึงนี้

 

·         ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางธุรกิจของฝรั่งเศสกลับมาเติบโตอย่างไม่คาดคิดในเดือนนี้  เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown บางส่วนและภาคการผลิตมีการฟื้นตัวเล็กน้อย

ผู้รวบรวมข้อมูล 
IHS Markit กล่าวว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ เดือนที่ 49.6 จากระดับ 40.6 ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 42.9 ในการสำรวจของสำนักข่าว Reuters

 

·         ญี่ปุ่นมีการส่งออกที่ลดลงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอุปสงค์ของสหรัฐฯและจีนที่อ่อนลง

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่น (MOF) สะท้อนว่า การส่งออกญี่ปุ่นเดือนพ.ย.ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 24 เดือนมานี้  ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการขนส่งในจีนและสหรัฐฯที่อ่อนแอลง และบ่งบอกถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น

นักเศรษฐศาสตร์ มองว่า ภาพรวมของการส่งออกยังคงไม่สามารถกลับมาโตได้ช่วงก่อนการระบาดของไวรัส จนกว่าจะถึงกลางปีหน้า

ทั้งนี้ การส่งออกไปยังสหรัฐฯ หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนแตะระดับ -2.5% เนื่องจากการส่งออกอุปกรณ์ยานยนต์เพิ่มมากขึ้น ช่วยบดบังของอุปสงค์เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องบินที่ปรับตัวลดลง

ขณะที่การส่งออกไปจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นได้ช้าที่สุดในรอบ 5 เดือนโดยปรับเพิ่มขึ้น 3.8% โดยได้รับแรงอานิสงส์จากอุปกรณ์สื่อสารเป็นหลัก

อย่างไรก็ดี คณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมรอบที่สามเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.08 แสนล้านเยน ซึ่งรวมอยู่ในงบประมาณ 40 ล้านล้านเยนที่เป็นค่าใช้จ่ายโดยตรง  และมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อขยายการเติบโตใกลุ่มพื้นที่สีเขียว และนวัตกรรมด้านดิจิทัล

 

·         สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาด สร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังจาก 
API เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเกินคาดกว่า 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 495 ล้านบาร์เรล ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ยังวิตกกังวลต่อภาวะอุปสงค์น้ำมันจากการ Lockdown ที่เข้มงวดมากขึ้นในหลายๆพื้นที่ของยุโรปเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% ที่ระดับ 50.65 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.2% ที่ระดับ 47.53 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com