• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2563

    17 ธันวาคม 2563 | Gold News

ทองคำขึ้นตอบรับความหวังกระตุ้นเศรษฐกิจหลังทราบผลประชุมเฟด

· ราคาทองคำปิดปรับตัวขึ้นจากความหวังจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงบวกหลังจากที่เฟดให้คำมั่นที่จะตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดยังสะท้อนถึงการที่เศรษฐกิจจะต้องได้รับการสนับสนุนต่อเนื่อง ทั้งจากนโยบายการเงินและการกระตุ้นเศรษฐกิจของสภาคองเกรสและเฟดต่อไป


· ราคาทองคำตลาโลกปิด +0.5% ที่ 1,862.72 เหรียญ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด +0.2% ที่ 1,859.1 เหรียญ


· นักวิเคราะห์จาก BMO กล่าวว่า ถ้อยแถลงของนายโพเวลล์มีแรงกดดันให้ตลาดทองคำเผชิญแรงเทขาย เนื่องจากไม่มีสัญญาณว่าจะทำการขยายการสนับสนุนใดๆในเวลานี้ และค่อนข้างมองแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังของปี 2021 เป็นไปในเชิงบวก แต่ก็ยังคงกังวลกับแนวโน้มในช่วง 4-5 เดือนจากนี้ จึงกดดันให้ทองคำปรับลงจากระดับสำคัญ 1,850 เหรียญ ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาอีกครั้ง


· บรรดานักกฎหมายของสภาคองเกรส กล่าวถึงการ “เข้าใกล้” ข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านเหรียญที่อาจรวมถึงวงเงิน 600 – 700 เหรียญ ในการจ่ายเช็คและเป็นสวัสดิการสำหรับคนว่างงาน


· แม้ข่าวเชิงบวกต่อความคืบหน้าวัคซีนจะมาช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างหนักก็ยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนค่อนข้างมีความกังวล


· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,170.15 ตัน


· ราคาซิลเวอร์ปิด +3.5% ที่ระดับ 25.35 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปิด -0.4% ที่ 1,032.71 เหรียญ และพลาเดียมปิด +0.6% ที่ 2,331.71 เหรียญ


· HSBC มองว่า หากการระบาดกลับมาเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจโลกและการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ก็อาจจะกลับมายิ่งหนุนราคาซิลเวอร์และกลุ่มสินค้าประเภทแพลทินัมได้


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทะลุ 74.5 ล้านรายทั่วโลกแล้วในเวลานี้ โดยเมื่อวานพบยอดผู้ติดเชื้อใหม่โดยรมทั่วโลกสูงกว่า 708,000 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตรวมทั่วโลกแตะ 1.65 ล้านราย



ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกือบ 240,000 รายในเวลาเพียง 1 วัน ล่าสุดสะสมที่ 17.38 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมรวมที่ 314,519 ราย

ยอดติดเชื้อในไทยเพิ่มขึ้น 15 ราย ส่งผลให้มียอดรวมสะสม 4,261 ราย เมื่อเทียบกับการระบาดในพม่าเวลานี้พบเพิ่มขึ้น 1,233 ราย ทำให้ยอดสะสมสูงใกล้ 112,000 ราย


· ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กออกโรงเตือน “เดือนม.ค.” อาจทำการ Shutdown เศรษฐกิจทั้งหมดหากยอดติดเชื้อไวรัสยังเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์


· ไบเดน คาดว่า จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ภายในต้นสัปดาห์หน้า

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดี คาดว่า จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิดเข็มแรก ในต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้มีผลมาจากความลังเลของนายไบเดน แต่เกี่ยวกับการขนส่งเพื่อนำไปสาธิตในที่สาธารณะ

ทั้งนี้นายไบเดนมีเจตจำนงค์แสดงเป็นตัวอย่างให้ประชากรสหรัฐฯ มั่นใจว่าวัคซีนปลอดภัย


· ประชุมเฟดส่งท้ายปี มีมติเอกฉันท์ในการคงดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ในกรอบ 0.00-0.25% ตามคาด และยังคงตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อพยายามสนับสนุนเศรษฐกิจและปรับเพิ่มมุมมองแนวโน้มการขยายตัว

นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณถึงการเดินหน้าซื้อพันธบัตรต่างๆรวมกันไม่น้อยกว่า 1.20 แสนล้านเหรียญในแต่ละเดือนตามเดิม “จนกว่าจะมีความคืบหน้าด้านการจ้างงานอย่างเต็มที่ รวมถึงเป้าหมายเสถียรภาพทางด้านราคา”


· FED ECONOMIC PROJECTIONS

- ปรับเพิ่มแนวโน้มจีดีพีปีนี้ที่ระดับ 2.4% ปีนี้ จากคาดการณ์เดิมเดือนก.ย.ที่ -3.7%

- ปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจปีหน้าที่ 4.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.0%

- คาดอัตราคนว่างงานปีนี้จะอยู่ที่ 6.7% จากคาดการณ์ก่อนหน้า 7.6%

- คาดอัตราว่างงานปีหน้าจะอยู่ที่ 5.0% จากคาดการณ์เดิม 5.5%

- คาดเงินเฟ้อปีนี้ทรงตัวตามคาดเดิม 1.2% แต่ปีหน้าคาดโตได้ 1.8% จากเดิมมองที่ 1.7%

· เฟดเข้าร่วมแนวทางเดียวกับธนาคารกลางทั่วโลกในการมุ่งเน้นการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ


· สภาคองเกรสเข้าใกล้กำหนดเส้นตาย – และใกล้ตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจ 9 แสนล้านเหรียญได้

สภาคองเกรสดูจะเร่งเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นการฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงิน, คนว่างงาน และการช่วยเหลือกลุ่มผู้เช่า ที่อาจขยายเวลาช่วยเหลือภาคธุรกิจและงบประมาณในการส่งมอบวัคซีน แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างฉุกเฉิน และการหารือข้อตกลงเวลานี้ยังไม่เข้าใกล้ขั้นสุดท้าย

ภาพรวม รีพับลิกันและเดโมแครต มีการส่งสัญญาณในทางเดียวกันว่า “พร้อมที่จะร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา”

และก็มีสัญญาณมากขึ้นว่าทั้งสองฝ่ายอาจหาวิธีตกลงเรื่องภาคธุรกิจและนิติบุคคลร่วมกันได้ ขณะที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์กล่าวเตือนว่า หากคองเกรสยังล้มเหลวในการดำเนินการก็อาจส่งผลเสียเป็นระยะเวลานาน

นายชัคส์ ชูมเมอร์ส สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตกล่าวถึง ความคืบหน้าในเชิงบวกที่ถึงแม้จะไม่มีใครได้รับสิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่การหารือก็เป็นไปในทิศทางที่ค่อนข้างดีมาก


· ยอดค้าปลีกสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง จากไวรัสโคโรนาและการขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ยอดค้าปลีกสหรัฐฯประจำเดือนพ.ย.ออกมาลดลงมากกว่าที่คาด โดยถูกกดดันจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นและรายได้ครัวเรือนลดลง จึงเพิ่มสัญญาณการชะลอตัวของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าว

ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ร่วงลง 1.1% เมื่อเดืิอนที่แล้ว ซึ่งข้อมูลเดือนต.ค.ได้รับการปรับทบทวนจากยอดขายที่ลดลง 0.1% แทนที่จะเพิ่มขึ้น 0.3% ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.จากมาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดในการควบคุมผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกแรกทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอ โดยเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งอาจทำให้สภาคองเกรสเห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นทางการคลังอื่น

ยอดขายที่ลดลงในเดือนที่แล้ว นำโดยยานยนต์ มียอดขายที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ร่วงลง 1.7% หลังจากไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนต.ค. รายรับจากร้านเสื้อผ้าลดลง 6.8% ด้านผู้บริโภคยังลดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้าน และยอดขายที่ร้านอาหารและบาร์ลดลง 4.0%

ด้านยอดขายในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง 3.5% และรายรับที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ลดลง 1.1% นอกจากนี้ยังมียอดขายลดลงในสินค้ากีฬา เครื่องดนตรีและร้านหนังสือ

ขณะที่ยอดขายปลีกทางออนไลน์และการสั่งซื้อทางไปรษณีย์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2%


· นายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวเตือน นายไบเดน ให้คงกดดันแนวทางเข้มงวดกับจีนในข้อตกลงการค้าเฟส แรกต่อไป


· อังกฤษส่งสัญญาณจะใช้กลยุทธ์ Wait&See รอจบ Brexit ก่อนดำเนินการใดๆ ในการประชุมวันนี้ ที่ตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นประวัติศาสตร์ 0.1% และมีการคงดอกเบี้ย 8.95 แสนล้านปอนด์ (1.2 ล้านล้านเหรียญ) โดยมีการเพิ่มการซื้อพันธบัตรในเดือนที่แล้วกว่า 1.5 แสนล้านเหรียญในเดือนที่ผ่านมา


· ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตอาหารของอังกฤษ ได้เรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบการหยุดชะงักที่ท่าเรือ โดยเตือนว่าความล่าช้าส่งผลกระทบต่อแผนการสร้างสต๊อก

โดย British Retail Consortium (BRC) และสหพันธ์อาหารและเครื่องดื่ม (FDF) ได้เขียนจดหมายถึงนาง Lilian Greenwood ประธานคณะกรรมการ Commons Transport Select Committee ของรัฐสภาและนาย Angus Brendan MacNeil ประธานคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศเพื่อขอให้มีการไต่สวนอย่างเร่งด่วน เกี่ยวกับการหยุดชะงักอย่างต่อเนื่องที่ท่าเรือและทั่วทั้งตลาดการขนส่ง

พร้อมทั้งระบุว่า ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีต่อตารางการเดินเรือทั่วโลกและพนักงานการขนส่ง รวมถึงการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ว่างเปล่าได้ก่อให้เกิดการหยุดชะงักที่ท่าเรือสำคัญหลายแห่งในอังกฤษ เช่น เฟลิกซ์สโตว์และเซาแทมป์ตันในช่วงที่สำคัญ – ถึงเทศกาลวันคริสต์มาส


· ออสเตรเลีย เรียกร้องอย่างเป็นทางการต่อ WTO ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเรื่อง “ข้าวบาร์เลย์” กับจีน


· หน่วยงานกำกับดูแลของจีน หรือ CSRC ระบุว่า ควรเรียกเก็บ ภาษีข้อมูลดิจิทัลของบริษัทเทคโนโลยี

จีนควรกำหนดภาษีดิจิทัลสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่มีข้อมูลผู้ใช้จำนวนมาก โดยแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้เหล่านี้ ผู้ใช้ควรแบ่งปันผลกำไรให้กับองค์กรด้วย


· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อ ประเมินการเคลื่อนไหวในกรอบ 29.90 - 30.10 บาท/ ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 30.01-30.06 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางญี่ปุ่น มีผลต่อค่าเงินบาทในวงจำกัด อย่างไรก็ดี ต้องติดตามการเจรจา Brexit รวมทั้งสถานการณ์ไวรัสโคโรนาของทั่วโลกที่ขณะนี้หลายประเทศเริ่มกลับมาประกาศมาตรการ Lockdown อีกครั้ง


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในวันนี้ จะมีการหารือถึงมาตรการป้องกันโควิด-19

ซึ่งมีหลายมาตรการที่ผ่อนลงไป โดยเฉพาะกรณีการชมคอนเสิร์ตแบบไม่เว้นระยะห่างที่จังหวัดนครราชสีมา หรือการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ประกอบกับชาวต่างประเทศที่เริ่มเดินทางเข้าประเทศมา หลายประเทศเริ่มทดลองวัคซีน ทำให้ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ใหม่อีกรอบ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเข้มงวดขึ้น หรือผ่อนคลายลง

- บีโอไอจัดประชุมหารือร่วมกับตัวแทนหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย เพื่อรับฟังข้อเสนอะแนะเกี่ยวกับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของนักลงทุน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมด้านการลงทุนไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายและมีความชัดเจนเรื่องวัคซีน ไทยจึงมีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนการลงทุนด้วยการแก้ไขปัญหาอุปสรรค และอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างประเทศ


· อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

ยอดโควิด วันที่ 16 ธ.ค. 63 ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 15 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 4,261 ราย

ศูนย์ข้อมูล COVID-19" รายงาน "ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19" วันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 4,261 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 60 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,977 ราย

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 63 เวลา 11.00 น. เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,261 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 28 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,977 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 224 ราย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com