• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2563

    18 ธันวาคม 2563 | Gold News

ทองคำพุ่งกว่า 1.5จากการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ, ดอลลาร์ร่วง

·         ทองคำปรับขึ้นกว่า 1ทำสูงสุดรอบ 1 เดือน จากดอลลาร์ที่ปรับอ่อนค่าจากความหวังที่จะเกิดข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มเติม ท่ามกลางเฟดที่ให้คำมั่นจะยังเดินหน้าเสริมสภาพคล่องและคงดอกเบี้ยระดับต่ำ


·         ทองคำตลาดโลกปรับขึ้นได้กว่า 1.5% ปิดที่ 1,892.31 เหรียญ หลังทำสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ 1,895.81 เหรียญในช่วงต้นตลาด


·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด +2.1ที่ 1,898.60 เหรียญ





·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำออกมา 2.33 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,167.82 ตัน


·         กรรมการผู้จัดการจาก High Ridge Futures กล่าวว่า การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ร่วมกันการจะเพิ่มการซื้อ QE จากเฟด ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำและซิลเวอร์ ขณะเดียวกันการมาของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ดูจะเป็นปัจจัยที่เข้ากดดัน “ดอลลาร์” เนื่องจากมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม


·         วันนี้ถือเป็นกำหนดเส้นตายของสหรัฐฯในการหาทางออกข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ และเพื่อเลี่ยง Shutdown ในภาครัฐบาล  และ “สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น” ขณะที่ดอลลาร์ทำต่ำสุดต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี


·         ทองคำปีนี้ปรับขึ้นได้แล้วประมาณ 24จากความต้องการในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและค่าเงิน ท่ามกลางบรรดาธนาคารกลางและรัฐบาลต่างๆมีการสนับสนุนทางการเงิน


·         ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังมีอยู่อย่างมากจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ออกมาแย่กว่าที่คาดเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่ปรับตัวขึ้นสูงอย่างมาก


·         รองประธานด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก Kotak Securities ระบุว่า กาที่ราคาทองคำค่อนข้างแข็งแกร่งปิดเหนือ 1,880 เหรียญได้ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเห็นทองคำสิ้นปีนี้ไปได้แถว 1,950 เหรียญอีกครั้ง


·         ราคาซิลเวอร์ปิด +2.5ที่ระดับ 25.98 เหรียญ


·         ราคาแพลทินัมปิด +1.2% ที่ระดับ 1,047.09 เหรียญ


·         ราคาพลาเดียมปิด +0.8ที่ระดับ 2,344.72 เหรียญ

 



ยอดติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกทะลุ 75.24 ล้านราย หลังวานนี้พุ่งเหนือ 74 ล้านราย โดยยอดติดเชื้อใหม่รายวันทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 709,997 ราย ด้านยอดเสียชีวิตทั่วโลกสะสมที่ 1.66 ล้านราย

ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯ พบติดเชื้อเพิ่ม 222,969 คนในหนึ่งวัน ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 17.61 ล้านราย และยอดเสียชีวิตในประเทศรวม 317,664 ราย

ไทยพบยอดติเชื้อรายวันสูง 20 ราย  รวมสะสมในประเทศแตะ 4,281 ราย ขณะที่พม่ายอดติดเชื้อรายวันเพิ่ม 1,182 ราย รวมสะสม 113,082 ราย

 



·         FDA อนุมัติวัคซีน Covid-19 บริษัท Moderna เป็นวัคซีนตัวที่ 2 ที่ได้รับสิทธิอนุมัติใช้ฉุกเฉินในสหรัฐฯ โดยมีมติเอกฉัน 20 ต่อ 0 จากการหารือร่วมกันของเจ้าหน้าที่ด้านวัคซีนของ FDA ร่วมกับคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาด้านผลิตภัณฑ์ไบโอโลจิคอล และคาดขนส่งไปยังสหรัฐฯได้ในสัปดาห์หน้า 

 

·         นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ตรวจพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ส่งผลให้บรรดาผู้นำระดับสูงของอียูทำการกักตัวเองเพื่อรอดูอาการ

 

·         นายเปโดร ซานเซส  นายกรัฐมนตรีสเปน ตรวจไม่พบเชื้อ Covid-19 แต่จะทำการกักตัวเองถึงวันที่ 24 ธ.ค. นี้ หลังมีการติดต่อและเข้าพบกับนายมาครง

 

·         นายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เผยว่า เขายังไม่ได้รับวัคซีนเนื่องจากเขาแก่เกินไป

 

·         ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกินคาด ทำสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.



ข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯออกมาสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ โดยสัปดาห์ที่แล้วแตะ 885,000 รายถือเป็นสูงสุดใหม่ตั้งแต่ 5 ก.ย. อันเป็นผลจาก

- ยอดติดเชื้อภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างหนั

- การกลับมาใช้ Lockdown สู้ Covid-19

- สมาชิกสภาคองเกรสยังไม่สามารถผละดันข้อตกลงการช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Stifel กล่าวว่า ความเป็นจริงของข้อมูลล่าสุดยังตอกย้ำถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงาน โดยเฉพาะ Second Wave ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างหนัก นำไปสู่การปิดภาคธุรกิจและคนตกงานเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ทางสภาคองเกรสกำลังรีบเร่งผลักดันให้เกิดข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่เพื่อให้ช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชนให้ได้ก่อนสิ้นปี ท่ามกลางสัญญาณบวกของกลุ่มผู้นำสภาคองเกรสที่ใกล้บรรลุแพ็คเกจช่วยเหลือ 9 แสนล้านเหรียญที่อาจรวมการจ่ายเงินโดยตรงส่วนบุคคล และอาจงดเว้นการคุ้มครองภาคธุรกิจ รวมไปถึงการช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่น

 

·         รีพับลิกันจ่อยุติโครงการเงินกู้ของเฟด ท่ามกลางเจรจาที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยในช่วงนี้สหรัฐฯยังเร่งหารือถึงความเป็นไปได้ในการทำข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจแพ็คเกจ Covid-19 วงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ

 

·         บรรดากลุ่มผู้ค้าปลีกสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า จะมีประชาชนสหรัฐฯกว่า 150 ล้านรายทำการเข้าซื้อสินค้าในวันเสาร์นี้ก่อนเทศกาลคริสต์มาส

 

·         ประธานธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ปฏิเสธ ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯในกรณีปั่นค่าเงิน

พร้อมระบุว่า ไม่ว่าจะ SNB หรือทางการสวิสฯ ก็ไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

ทั้งนี้ ในวันพุธที่ผ่านมาทางสหรัฐฯมีการตั้งข้อหาว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับการพยายามลดค่าเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ประธาน SNB กล่าวอีกว่า การดำเนินนโยบายทางการเงินของ SNB ถือเป็นความจำเป็น และเป็นไปโดยชอบธรรมตามหลักกฎหมาย ท่ามกลางการเผชิญกับ

อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมาก และเข้าสู่แดนลบในเวลานี้

ประเทศต้องต่อสู้กับภาวะเงินฝืดในตอนนี้

ค่าเงินสวิสฟรังก์ค่อนข้างแข็งค่าอย่างมาก ในรอบกว่า 12 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร และเทียบกับดอลลาร์

ภาพรวม SNB มีความตั้งใจแทรกแซงค่าเงินมาอย่างยาวนานจากตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มการแข็งค่ากันอย่างมาก แต่ก็ปฏิเสธถึงข้อมูลที่ทางสหรัฐฯ กล่าวหาว่ามีการปั่นค่าเงิน หรือคิดเป็นกว่า 14% ของจีดีพีประเทศ

 

·         อังกฤษ-อียู ส่งสัญญาณเชิงลบต่อเจรจาการค้าหลัง Brexit

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า “มีแนวโน้มสูง” ที่อาจไม่เกิดข้อตกลงใดๆ ยกเว้นว่าทางอียูจะเปลี่ยนแปลงแนวคิดอย่างมาก

ตลอดช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนอังกฤษจะออกจากอียูอย่างเป็นทางการ

นางเออซูลา วง เดอ เลอยง ประธานคณะกรรมาธิการอียู ลดมุมมองเชิงบวก พร้อมกล่าวว่า “อาจมีความท้าทาย” อย่างมากในการทำข้อตกลงจาก “ข้อแตกต่างอย่างมาก” ที่ยังมีอยู่

 

·         บีโออี ตัดสินใจคงดอกเบี้ย ท่ามกลางแนวโน้ม Covid-19 ยังสร้างความไม่แน่นอนให้แก่ประเทศ

เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออี ทำการคงดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.1% และคงวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ 8.95 แสนล้านปอนด์ (1.2 ล้านล้านเหรียญ)

โดยการประชุมเมื่อเดือนพ.ย. มีการขยายวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรหลังประเทศเข้าสู่ภาวะ Lockdown อีกระรอกจากยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่เมื่อวานนี้ยังคงระบุถึงความสำเร็จด้านวัคซีนที่มีแนวโน้มช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของประเทศออกไป แต่แนวโน้มทางเศรษฐกิจโลกก็ดูจะยังได้รับผลเสียจากยอดติดเชื้ Covid-19 และการใช้มาตรการ Lockdown จึงอาจกดดันให้จีดีพีไตรมาสที่ 4 ปีนี้ของอังกฤษโตขึ้นได้น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ย.

 

·         ประชุมบีโอเจวันนี้ คาดขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อหาวิธีระดมทุนผ่อนคลายวิกฤตภาคบริษัทที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 และยอดติดเชื้อภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

·         คณะกรรมาธิการไอเอ็มเอฟ เล็งแต่งตั้ง นางแม็กดาลีนา แอนเดอร์สสัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสวีเดน มาดำรงตำแหน่ง “ประธานคณะกรรมาธิการไอเอ็มเอฟด้านการกำกับดูแลการเงิน” คนต่อไป ถือเป็นการเห็นสวีเดนกลับมาพลิกบทบาทการดำรงตำแหน่งสำคัญของอียูเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีกว่า  โดยคาวดว่าจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 18 ม.ค. ปี 2021

 

·         แหล่งข่าว เผย ไบเดน” เลือก นายมิเชล รีแกน” เลขาธิการกำกับดูแลรัฐนอร์ธ แคโรไลนา มาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (EPA) ซึ่งหากเขาได้รับการยืนยันรับตำแหน่งก็จะเป็นชาวผิวสีคนแรกที่มาเป็นผู้นำหน่วยงานนี

 

·         “ไบเดน” แต่งตั้ง เด็บ ฮาร์แลนด์ ผู้แทนสหรัฐฯ ให้ดำรง ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นรัฐมนตรีสหรัฐฯพื้นเมืองคนแรก

 

 

·         ไบเดน” เตือน อาจสนับสนุนมาตรการแข็งกร้าวในการโจมตีทางไซเบอร์ อันเนื่องจากสหรัฐฯเผชิญผลกระทบด้านกลุ่มแฮ็กเกอร์อย่างหนัก

 

·         นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.65-29.95 บาท/ดอลลาร์ โดยปิดตลาดค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 7 ปีครึ่งนับตั้งแต่ พ.ค.56 ปัจจัยสำคัญมาจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่ฟเดส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยที่ไทยถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเป็น ประเทศที่ถูกจับตามองเรื่องการแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า จึงทำให้นักลงทุนมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงชะลอการเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์ในระยะนี้ออกไป

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ ไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่าง

ประเทศแต่อย่างใด ซึ่งการที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน Monitoring list ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไม่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจที่มีการค้าการลงทุนกับสหรัฐฯ ซึ่งภาคธุรกิจไทยและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินธุรกิจกันได้ตามปกติ และการประเมินดังกล่าวไม่กระทบต่อการดำเนินนโยบายของ ธปท.เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินภายในประเทศ รวมถึงการดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน

- รมว.คลังไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.กำลังดูแลเรื่องนี้อยู่ส่วนกระทรวงการคลังก็ต้องติดตามเพราะยังไม่รู้ว่าสหรัฐฯ จะมีมาตรการตอบโต้อะไรออกมาบ้าง

 

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพิ่มประเภทธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ภายใต้การกำกับดูแล 2 ประเภท ได้แก่ ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้การกำกับดูแลมีความครอบคลุม รวมถึงยกระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแล เพื่อเพิ่มการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น

 

- อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ของไทย เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์กรณอังกฤษจะออกจากอียูอย่างสมบูรณ์ หรือ Brexit ในวันที่ 1 ม.ค. 64

และจะเริ่มใช้นโยบายและมาตรการทางการค้าของตนเอง ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่านโยบายการค้าของอังกฤษภายหลัง Brexit จะผ่อนคลายและยืดหยุ่นกว่าของอียูเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการในยูเค รวมถึงเอื้อต่อการพัฒนาเป็น "trading nation" ของอังกฤษภายหลัง Brexit


- โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้พิจารณาปรับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยขยายระยะเวลาการอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มากับเรือสำราญ และกีฬา (เรือยอร์ช) ซึ่งเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และอยู่ระหว่างการเดินทางเข้ามาในน่านน้ำไทย มี

สิทธิขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV) ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มเติมอีกเป็นเวลา 30 วัน ทั้งนี้จนถึงวันที่ 29 ธ.ค.63


- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ย.63 อยู่ที่ 87.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 ในเดือน ต.ค.63 โดยค่าดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com