· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังจากที่สำนักข่าว Reuters รายงานว่า สหรัฐฯมีกำหนดที่จะเพิ่มบริษัท จีนหลายสิบแห่งรวมถึง SMIC ผู้ผลิตชิปชั้นนำของประเทศเข้าสู่บัญชีดำทางการค้า
อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนกระตือรือร้นที่จะเลือกซื้อหุ้นและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่น ๆ
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.6%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากยอดผู้ติดเชื้อไรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นในโตเกียว อาจจะส่งผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น
โดยโตเกียวได้ยกระดับการแจ้งเตือนการแพร่ะบาดของไวรัสโคโรนาขึ้นสู่ระดับสูงสุดในสี่ขั้นตอน เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 822 ราย
ดัชนี Nikkei ปิด -0.16% ที่ระดับ 26,763.39 จุด ด้านดัชนี Topix เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัวที่ระดับ 1,793.24 จุด
สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนี Nikkei +0.41%และดัชนี Topix +0.63%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆในช่วงบ่ายเนื่องจากนักลงทุนรอการแถลงข่าวของบีโอเจในวันนี้
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนครั้งใหม่เกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน
หลังจากที่สหรัฐฯตั้งเป้าที่จะเพิ่มบริษัทจีนหลายสิบแห่งรวมถึง SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของประเทศเข้าสู่บัญชีดำทางการค้า
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปิด -0.29% ที่ระดับ 3,394.90 จุด ด้านดัชนี blue-chip CSI300 -0.35%
· ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้นำอังกฤษและยุโรปออกมาแสดงท่าทีเชิงลบเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการตกลงข้อตกลงการค้าหลัง Brexit
โดยดัชนี Stoxx600 ปรับลง 0.2% ด้านหุ้นภาคการท่องเที่ยวและพักผ่อนร่วงลง 1.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มสุขภาพเพิ่มขึ้น 0.3%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ปิดเช้าลบ 5.09 จุด นลท.ขายทำกำไร-รับแรงกดดันจากฟุตซี่ลดน้ำหนักหุ้นไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,478.80 จุด ลดลง 5.09 จุด (-0.34%) มูลค่าการซื้อขายราว 60,575 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,489.78 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,475.01 จุด
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ แต่จะอิงลบมากกว่า จากแรงขายทำกำไรที่ออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ดี ให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้ามา
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 23 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการฯจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตามเดิม
เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยยังมีสัญญาณทยอยฟื้นตัว และน่าจะได้รับ
อานิสงส์ต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและประคองกำลังซื้อของภาครัฐ หลังจากที่ล่าสุด ได้มีการขยายเวลาสำหรับโครงการคนละ
- ม.หอการค้าไทย ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ดีขึ้นเป็น -6.3%,ปี 64 คาดโต 2.8%
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ม.หอการค้าไทย ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ใหม่ โดยปรับประมาณการเศรษฐกิจเหลือ -6.3% จากเดิมเคยคาดการณ์ไว้ในช่วงเดือน ส.ค.ที่ -9.4% หลังปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ภาครัฐออกมาตรการเยียวยา กระตุ้น และฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง, การลงทุนของภาครัฐมีโอกาสเร่งตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ
- สมุทรสาครพบติดโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย เป็นคนในครอบครัวรายแรก มารดา 95 ปี พี่สาว 73 ปี น้องสะใภ้ 57 ปี
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงผลการสอบสวนโรคเบื้องต้นผู้ป่วยโควิด-19 เพศหญิงสัญชาติไทย อายุ 67 ปี อาชีพค้าขาย จ.สมุทรสาครว่า จากการติดตามของทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)สมุทรสาคร รพ.สมุทรสาคร และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี เบื้องต้นมีผู้สัมผัสรวม 165 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 26 ราย