• ดาวโจนส์ปิดปรับลงกว่า 100 จุด จากการที่บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสเข้าใกล้บรรลุข้อตกลงในช่วงเวลาสุดท้าย

    21 ธันวาคม 2563 | SET News
 

ดาวโจนส์ปิดปรับลงกว่า 100 จุด จากการที่บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสเข้าใกล้บรรลุข้อตกลงในช่วงเวลาสุดท้าย


หุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ผันผวนในคืนวันศุกร์ จากการที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯหาทางเชื่อมความต่างของข้อตกลงการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างกัน

ดัชนีดาวโจนส์ปิด -124.32 จุด หรือ -0.4% ที่ระดับ 30,179.05 จุด โดยระหว่างวันปรับตัวลงไปกว่า 270 จุด

ดัชนี S&P 500 ปิด -0.4% ที่ระดับ 3,709.41 จุด โดยปิดลบหลังปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 วันทำการ

ดัชนี Nasdaq Composite ปิด -0.1% ที่ระดับ 12,755.64 จุด

อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นตลาด 3 ดัชนีหลักต่างก็มีการเคลื่อนไหวใกล้ระดับปิดสูงสุดประวัติการณ์ที่ทำไว้ในวันก่อนหน้า

รายงานจาก CNBC ระบุว่า ในช่วงปลายตลาดมีรายงานถึงบรรดาผู้นำของสภาคองเกรสมีการเข้าใกล้การตกลงกันได้กับวงเงินช่วยเหลือที่ 9 แสนล้านเหรียญ ท่ามกลางงบประมาณรัฐบาลที่จะหมดอายุในช่วงเที่ยงคืน หนึ่งนาทีของวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.


ปริมาณการซื้อขายครั้งใหญ่ (Big volume)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างมีปริมาณการซื้อขายคืนวันศุกร์ค่อนข้างหนาแน่น จากการที่บริษัท Tesla เข้าสู่หนึ่งในดัชนีของกระดานซื้อขาย S&P500 และจะเริ่มซื้อขายได้ในวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค.นี้เป็นวันแรก

ตลาดหุ้นมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดประมาณ 6 แสนล้านเหรียญ หลังจากที่ปรับขึ้นมากกว่า 700% ในปีนี้ รวมถึงการที่บริษัท Tesla ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ก้าวสู่ 1 ใน 7 บริษัทชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในดัชนี S&P500 และนี่ทำให้เกิดการปรับสมดุลตลาดครั้งประวัติศาสตร์ ขณะที่ภาพรวมตลาดคาดว่าอาจมีแรงซื้อดัชนีบริษัท Tesla มากกว่า 8.5หมื่นล้านเหรียญ และมีการขายออกมากว่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญ

หุ้นบริษัท Tesla ปรับขึ้นทำ All-Time High ต่อเนื่อง ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างผันผวน


3 ดัชนีหลักปิดสัปดาห์ที่ดีที่สุด

แม้คืนวันศุกร์ 3 ดัชนีหลักของสหรัฐฯจะปิดแดนลบ แต่ภาพรวมรายสัปดาห์จะเห็นได้ว่
ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.4% , ดัชนี S&P500 ปิด +1.3% ถือเป็นการปิดแดนบวก 4 สัปดาห์ต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด +3.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาขานรับข่าวเชิงบวกของข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กับการเริ่มใช้งานวัคซีน ขณะที่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา FDA มีการอนุมัติใช้วัคซีนฉุกเฉินของบริษัท Moderna

กลุ่มนักลงทุนกำลังไม่มั่นใจเกี่ยวกับบยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาอย่างน่าผิดหวัง ที่ดูจะยิ่งกดดันให้สภาคองเกรสต้องยิ่งหาทางเกิดข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ โดยเฉพาะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ออกมาทำสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. และยอดค้าปลีกสหรัฐฯร่วงลงกว่าคาดในเดือนพ.ย.

หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก Commonwealth Financial Network กล่าวว่า ข่าวร้ายต่างๆในสัปดาห์นี้ดูจะเป็นผลมาจาก Third Wave ที่สถานการณ์ดูจะเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหาย และการระบาดยังไม่หยุดยั้ง

ในด้านข่าวดี ดูจะมีเพียงแค่แนวทางการเริ่มต้นหาทางใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจำกัดการระบาดของไวรัส ขณะที่แนวโน้มการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ ทั้งหมดนี้ก็ยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อตลาด

อย่างไรก็ดี กลุ่มนักลงทุนอาจคาดการณ์ถึงความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆมากขึ้น จากความคืบหน้าวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับสู่การเติบโตอีกครั้งในปี 2021 ซึ่งหากวัคซีนพร้อมใช้งานมากขึ้น ตลาดดูจะตอบรับถึงการที่อาจเห็นการสิ้นสุดการระบาดของไวรัสจะเริ่มต้นขึ้น


ที่มา: CNBC    

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com