หุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ผันผวนในคืนวันศุกร์ จากการที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯหาทางเชื่อมความต่างของข้อตกลงการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างกัน
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -124.32 จุด หรือ -0.4% ที่ระดับ 30,179.05 จุด โดยระหว่างวันปรับตัวลงไปกว่า 270 จุด
ดัชนี S&P 500 ปิด -0.4% ที่ระดับ 3,709.41 จุด โดยปิดลบหลังปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 วันทำการ
ดัชนี Nasdaq Composite ปิด -0.1% ที่ระดับ 12,755.64 จุด
อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นตลาด 3 ดัชนีหลักต่างก็มีการเคลื่อนไหวใกล้ระดับปิดสูงสุดประวัติการณ์ที่ทำไว้ในวันก่อนหน้า
รายงานจาก CNBC ระบุว่า ในช่วงปลายตลาดมีรายงานถึงบรรดาผู้นำของสภาคองเกรสมีการเข้าใกล้การตกลงกันได้กับวงเงินช่วยเหลือที่ 9 แสนล้านเหรียญ ท่ามกลางงบประมาณรัฐบาลที่จะหมดอายุในช่วงเที่ยงคืน หนึ่งนาทีของวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.
ปริมาณการซื้อขายครั้งใหญ่ (Big volume)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างมีปริมาณการซื้อขายคืนวันศุกร์ค่อนข้างหนาแน่น จากการที่บริษัท Tesla เข้าสู่หนึ่งในดัชนีของกระดานซื้อขาย S&P500 และจะเริ่มซื้อขายได้ในวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค.นี้เป็นวันแรก
ตลาดหุ้นมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดประมาณ 6 แสนล้านเหรียญ หลังจากที่ปรับขึ้นมากกว่า 700% ในปีนี้ รวมถึงการที่บริษัท Tesla ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ก้าวสู่ 1 ใน 7 บริษัทชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในดัชนี S&P500 และนี่ทำให้เกิดการปรับสมดุลตลาดครั้งประวัติศาสตร์ ขณะที่ภาพรวมตลาดคาดว่าอาจมีแรงซื้อดัชนีบริษัท Tesla มากกว่า 8.5หมื่นล้านเหรียญ และมีการขายออกมากว่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญ
หุ้นบริษัท Tesla ปรับขึ้นทำ All-Time High ต่อเนื่อง ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างผันผวน
3 ดัชนีหลักปิดสัปดาห์ที่ดีที่สุด
แม้คืนวันศุกร์ 3 ดัชนีหลักของสหรัฐฯจะปิดแดนลบ แต่ภาพรวมรายสัปดาห์จะเห็นได้ว่า
ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.4% , ดัชนี S&P500 ปิด +1.3% ถือเป็นการปิดแดนบวก 4 สัปดาห์ต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด +3.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาขานรับข่าวเชิงบวกของข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กับการเริ่มใช้งานวัคซีน ขณะที่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา FDA มีการอนุมัติใช้วัคซีนฉุกเฉินของบริษัท Moderna
กลุ่มนักลงทุนกำลังไม่มั่นใจเกี่ยวกับบยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาอย่างน่าผิดหวัง ที่ดูจะยิ่งกดดันให้สภาคองเกรสต้องยิ่งหาทางเกิดข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ โดยเฉพาะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ออกมาทำสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. และยอดค้าปลีกสหรัฐฯร่วงลงกว่าคาดในเดือนพ.ย.
หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก Commonwealth Financial Network กล่าวว่า ข่าวร้ายต่างๆในสัปดาห์นี้ดูจะเป็นผลมาจาก Third Wave ที่สถานการณ์ดูจะเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหาย และการระบาดยังไม่หยุดยั้ง
ในด้านข่าวดี ดูจะมีเพียงแค่แนวทางการเริ่มต้นหาทางใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจำกัดการระบาดของไวรัส ขณะที่แนวโน้มการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ ทั้งหมดนี้ก็ยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อตลาด
อย่างไรก็ดี กลุ่มนักลงทุนอาจคาดการณ์ถึงความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆมากขึ้น จากความคืบหน้าวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับสู่การเติบโตอีกครั้งในปี 2021 ซึ่งหากวัคซีนพร้อมใช้งานมากขึ้น ตลาดดูจะตอบรับถึงการที่อาจเห็นการสิ้นสุดการระบาดของไวรัสจะเริ่มต้นขึ้น
ที่มา: CNBC