• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 ธันวาคม 2563

    22 ธันวาคม 2563 | Gold News

ราคาทองคำอ่อนตัวลง แม้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะเป็นปัจจัยกดดันตลาด


·         ราคาทองคำปรับตัวลดลงวานนี้ แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มาสร้างความผันผวนของตลาด แต่นักลงทุนก็เลือกถือครอง “ดอลลาร์” ในฐานะ Safe-Haven แทน แต่ข่าวเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ดูจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนตลาดได้

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.2ที่ 1,877.83 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดทำระดับสูงสุดตั้งแต่ 9 พ.ย. ที่ระดับ 1,906.46 เหรียญ หรือปรับขึ้นช่วงต้นตลาดกว่า 1% รับข่าวแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯวงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ

 

แต่แล้วราคาทองคำก็ปรับร่วงลงมากว่า 1.3จากดัชนีดอลลาร์ที่รีบาวน์กลับจากต่ำสุดรอบหลายปี และไปทำสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ หลังความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข้ากดดันค่าเงินปอนด์และยูโรให้อ่อนค่าลง

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -0.3% ที่ระดับ 1,882.80 เหรียญ




 

·         นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า เทรดเดอร์ตลาดทองคำกำลังรอดูการตัดสินใจของวุฒิสภาสหรัฐฯกับบทสรุปข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯที่คาดว่าจะผ่านได้ในช่วงเวลาประมาณ 12.00น. ตามเวลาประเทศไทยในวันนี้

ภาพรวมเชื่อว่าทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ภาพรวมตลาดก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการระบาดสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯในแดนลบด้วย


·         นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำในวันนี้เผชิญภาวะ Panic Selling แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำ แต่การรีบาวน์ของดอลลาร์ระยะสั้นก็เป็นปัจจัยที่กดดันทองคำ

อย่างไรก็ดี ทิศทางขาขึ้นของทองคำยังมีอยู่ แต่อาจเผชิญกับความผันผวนได้หากดอลลาร์กลับมาแข็งค่าในช่วง 2-3 วันนี้



·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเข้าซื้อทองคำ 2.04 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,169.86 ตัน


·         WGC เผย กองทุนทองคำ ETFs ขายทองคำออกครั้งแรกมากสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2020

รายงานจากข้อมูลสภาทองคำโลกหรือ WGC เปิดเผยว่า กองทุนทองคำ ETFs มีการขายทองคำออกมามากถึง 107 ตันในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับรายเดือนที่มีการขายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยในช่วง 11 เดือนแรก ภาพรวมสถานะยังเป็นการเข้าซื้อรวม 916 ตัน ปัจจุบันทั่วโลกมีการสำรองทองคำที่ระดับ 3,793 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2.15 แสนล้านเหรียญ

กองทุน ETFs ระบุว่า ทาง North America มีการขายทองในเดือนพ.ย. ออก 62.3 ตัน ขณะที่ในยุโรปลดการถือครองที่ 42.4 ตัน

นอกจากนี้ WGC ยังระบุว่า การปรับตัวลงดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงด้วย ท่ามกลางสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

 

·         ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่นักลงทุนจับตาในวันนี้ คือ

22.30น. ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภค

22.30น. ยอดขายบ้านมือสอง

·         ราคาซิลเวอร์ปิด +1.5ที่ระดับ 26.16 เหรียญ โดยช่วงต้นตลาดทำสูงสุดตั้งแต่ 16 ก.ย. บริเวณ 27.38 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด -2.2ที่ 2,309.77 เหรียญ

·         ราคาแพลทินัมปิด -2.3% ที่ 1,012.39 เหรียญ

 

·         Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ กดดันตลาดหุ้น-น้ำมัน 

โดยเมื่อวานนี้จะเห็นได้ชัดจากการปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นทั่วโลก รวมถึงราคาน้ำมัน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ จึงบดบังมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการใช้งานวัคซีนที่จะมาหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ภาพรวมหุ้นสหรัฐฯผันผวนหนัก โดยดัชนีมาตรวัดความผันผวน หรือ Cboe Volatility Index ปรับขึ้นมากสุดในรอบหนึ่งวัน นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา

 

·         ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกล่าสุดรวม 77.68 ล้านราย เพิ่มขึ้นในช่วงหนึ่งวันสูงกว่า 510,379 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 1.7 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย



 

ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯล่าสุดอยู่ที่ 18.45 ล้านราย โดยยอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มกว่า 177,00 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 326,626 ราย

 

ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 382 ราย รวมสะสม 5,289 ราย


ทั้งนี้ จากการการค้นหาเชิงรุกพบว่ากว่า 360 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 14 ราย เชื่อมโยงกับตลาดกุ้งสมุทรสาคร 12 ราย ได้แก่ นครปฐม 2 ราย สมุทรปราการ 3 ราย สมุทรสาคร 5 ราย กรงุเทพมหานคร 2 ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นชาวอยุธยา เดินทางมาจากเชียงใหม่ และชาวเมียนมาพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตใน จ.ตาก 1 ราย ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ทุกรายเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) มีจำนวนทั้งสิ้น 8 ราย ณ ขณะนี้



 


·         สภาคองเกรสเตรียมโหวตมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 9 แสนล้านเหรียญหลังบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในวันอาทิตย์ และคาดว่าจะเกิดการลงมติกันในคืนนี้ หรือเวลา 12.00น. ตามเวลาไทย

ข่าวเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษดูจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเปิดแดนลบ ขณะที่หลายๆประเทศจำกัดการเดินทางไปยังอังกฤษ ขณะที่ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เรียกร้องให้สภาคองเกรสดำเนินการด้วยมาตรการเดียวกัน

ผู้เชี่ยวชาญหลายรายจาก WHO กล่าวว่า วัคซีนจากบริษัท Pfizer และ Moderna อาจมีแนวโน้มจะมีประสิทธิภาพในการต่อกรกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงไวรัสโคโรนาตัวแรกที่มีอัตราการแพร่เชื้อช้ากว่าไวรัสไข้หวัด

 

·         สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯส่วนใหญ่ค่อนข้างชัดเจนในการโหวตร่างกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคในการอนุมัติอยู่บ้างก็ตาม โดยคาดว่าวันนี้อาจมีการลงนามร่างงบประมาณ 2 ฉบับวงเงิน 1.4 ล้านล้านเหรียญ  สำหรับมาตรการหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ในภาครัฐบาล

ภาพรวมสภาคองเกรสดูจะเร่งผลักดดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ได้ก่อนกำหนดเส้นตาย  โดยที่เจ้าหน้าที่จากทำเนียบขาวจะมีงบสนับสนุนการจ่ายเงินชาวหรัฐฯ 600 เหรียญ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการการว่างงานช่วง Covid-19 ขณะที่ในวันเสาร์นี้หลายๆโครงการขนาดใหญ่มีกำหนดจะหมดอายุลง


·         สภาผู้แทนราษฎรรสหรัฐฯ คาดลงมติได้ก่อนเที่ยงวันนี้

นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า แม้ว่าจะล่าช้าแต่ทุกอย่างต้องจบลงภายในคืนนี้ พร้อมให้คำมั่นผ่านรายการ Fox News ว่า เขาจะผลักดันการปกป้องข้อกฎหมายภาคบริษัทในการช่วยเหลือร่างงบประมาณไวรัสโคโรนา ภายใต้การบริหารงานของนายโจ ไบเดน ที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า

การช่วยเหลือยังดำเนินต่อไป

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสทำการพิจารณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เขาสามารถลงนามเป็นข้อกฎหมายได้ในช่วงการเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า

อย่างไรก็ดี หากคืนนี้ยังปราศจากการดำเนินการใดๆของสภาคองเกรส ก็จะส่งผลให้หน่วยงานรัฐไม่มีงบประมาณในการจัดสรร และทำให้คนว่างงานขาดแคลนเงินสนับสนุน และอีกหลายๆมาตรการจะหมดอายุลงในเร็วๆนี้

 

·         สภาคองเกดสเห็นพ้องวงเงินช่วงเหลือ Covid-19 ที่ระดับ 900 ล้านเหรียญ

โดยการตกลงกันได้จะเป็นแพ็คเกจช่วยเหลือ 9 แสนล้านเหรียญ เพื่อฟื้นฟูระบบสุขภาพและเศรษฐกิจ และร่างกฎหมายงบประมาณช่วยเหลือจะรวมถึงวงเงินการช่วยเหลือภาคครัวเรือนครั้งใหม่, ภาคธุรกิจขนาดเล็ก และการเตรียมการทางการแพทย์ รวมทั้งจะมีการเตรียมงบ 1.4 ล้านล้านเหรียญสำหรับรัฐบาลในการขยายเวลาออกไปจนถึง 30 ก.ย. โดยทุกอย่างจะมีการลงมติเที่ยงคืนวานนี้ หรือประมาณ 12.00น. ตามเวลาไทย

จากนั้น จะส่งเรื่องต่อไปให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในเวลานี้ลงนามรับรองร่างกฎหมาย


ข้อตกลงที่เกิดขึ้นจะถือเป็นวงเงินการช่วยเหลือครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ ที่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับยุควิกฤตครั้งนี้

 

·         “มนูชิน” ชี้ ชาวสหรัฐฯจะได้รับเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วสุดในสัปดาห์หน้า

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวรว่า ชาวอเมริการจะได้รับการอัดฉีดเงินโดยตรงภายใต้งบประมาณช่วยเหลือครั้งใหม่ที่อาจได้รับภายในไม่กี่วันนี้ ภายใต้ร่างวงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ หลังจากที่ CARES Act ฉบับแรกในเดือนมี.ค. มีวงเงิน 2.2 ล้านล้านเหรียญ

 

·         หน่วยงานองค์กรทางแพทย์ยุโรป (EMA) อนุมัติใช้วัคซีน Pfizer เพื่อใช้ในสหภาพยุโรปแล้ว

 

·         สหรัฐฯเตรียมศึกษาอาการแพ้จากผู้ใช้วัคซีน Covid-19 ของบริษัท Pfizer

 

·         นายไบเดน” รับการฉีดวัคซีนผ่านการถ่ายทอดสด เพื่อเสริมความมั่นใจให้ผู้ได้รับการฉีดวัคซีน

 


 

·         WHO กล่าวว่า ไวรัสโคโรนามีลักษณะการระบาดด้วยอัตราเร็วน้อยกว่าไข้หวัด แต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษระบาดรวดเร็วกว่าเดิม

 

·         รายงานจาก BBC ระบุว่า อังกฤษ-ฝรั่งเศส อาจบรรลุข้อตกลงการกลับมาเปิดพรมแดนได้ในวันนี้

·         อังกฤษตรึงกำหนดเส้นตาย Brexit คงเดิม 31 ธ.ค. ท่ามกลางบรรดาสมาชิกอียูยังไม่ตกลงเรื่อง Red Line

(Red Line คือ สถานะของสินค้ามีความผิดปกติ ต้องทำการเปิดตรวจ หรือ X-ray โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อน ถึงจะสามารถดำเนินต่อไปได้)


·         นักบริหารการเงินไทย มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-30.15 บาท/ดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 29.79 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 ปี ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในตลาดโลกและไทยถูกสหรัฐฯ จับตาเรื่องการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่เงินบาทแข็งค่าทะลุระดับสำคัญทางจิตวิทยาส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเร่งขายดอลลาร์ออกมา ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 8.6 พันล้านบาท และ 3.6 พันล้านบาท ตามลำดับ

นักลงทุนจะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและการปิดเมืองในยุโรป การกลายพันธุ์ของเชื้อในอังกฤษ รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit ขณะที่การเปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุนอาจถูกจำกัด แม้มีข่าวเชิงบวกหลังสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการกระตุ้นทางด้านการคลังมูลค่า 9 แสนล้านเหรียญ ด้านเฟดมีมติคงดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมระบุว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดต่อไป จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรอย่างน้อย 8 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน และหลักทรัพย์ที่มีหน่วยงานค้ำประกัน (Agency Mortgage-backed Securities) อย่างน้อย 4 หมื่นล้านเหรียญ/เดือนต่อไป

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 23 ธ.ค. แต่ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยจะฉุดรั้งการใช้จ่ายช่วงเทศกาล โดยความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูงได้เพิ่มความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจ ขณะที่เงินบาทต้นสัปดาห์นี้อ่อนค่าลง หลังไทยพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนกรณีที่ไทยถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จัดอยู่ใน Monitoring List ของประเทศที่บิดเบือนค่าเงินเพื่อสร้างได้เปรียบทางการค้านั้นทางการระบุว่าจะไม่กระทบการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน


·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอเวลาอีก 7 วัน เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบนี้ก่อน ว่าจะอนุมัติให้จัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่ยังดำเนินมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม แต่ก็ยังเกิดรอยรั่ว เนื่องจากมีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านกว่า 2,500 กม.

- ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 64 ทั้งมาตรการกระตุ้นการลงทุนปี 64 สำหรับโครงการที่มีการลงทุนจริง 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงการขยายผลมาตรการส่งเสริมการลงทุนในขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ 10 จังหวัด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาค

- นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่า 80 จุด เกือบหลุดระดับ 1,400 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลต่อการระบาดรอบใหม่ของโควิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ตลท.ยังไม่มีมาตรการพิเศษเข้ามาดูแลตลาดหุ้น เนื่องจากมองว่าเป็นสถานการณ์ระยะสั้น

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com