ราคาทองคำอ่อนตัวลง แม้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะเป็นปัจจัยกดดันตลาด
· ราคาทองคำปรับตัวลดลงวานนี้ แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มาสร้างความผันผวนของตลาด แต่นักลงทุนก็เลือกถือครอง “ดอลลาร์” ในฐานะ Safe-Haven แทน แต่ข่าวเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ดูจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนตลาดได้
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.2% ที่ 1,877.83 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดทำระดับสูงสุดตั้งแต่ 9 พ.ย. ที่ระดับ 1,906.46 เหรียญ หรือปรับขึ้นช่วงต้นตลาดกว่า 1% รับข่าวแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯวงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ
แต่แล้วราคาทองคำก็ปรับร่วงลงมากว่า 1.3% จากดัชนีดอลลาร์ที่รีบาวน์กลับจากต่ำสุดรอบหลายปี และไปทำสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ หลังความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข้ากดดันค่าเงินปอนด์และยูโรให้อ่อนค่าลง
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -0.3% ที่ระดับ 1,882.80 เหรียญ
· นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า เทรดเดอร์ตลาดทองคำกำลังรอดูการตัดสินใจของวุฒิสภาสหรัฐฯกับบทสรุปข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯที่คาดว่าจะผ่านได้ในช่วงเวลาประมาณ 12.00น. ตามเวลาประเทศไทยในวันนี้
ภาพรวมเชื่อว่าทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ภาพรวมตลาดก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการระบาดสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯในแดนลบด้วย
· นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำในวันนี้เผชิญภาวะ Panic Selling แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำ แต่การรีบาวน์ของดอลลาร์ระยะสั้นก็เป็นปัจจัยที่กดดันทองคำ
อย่างไรก็ดี ทิศทางขาขึ้นของทองคำยังมีอยู่ แต่อาจเผชิญกับความผันผวนได้หากดอลลาร์กลับมาแข็งค่าในช่วง 2-3 วันนี้
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเข้าซื้อทองคำ 2.04 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,169.86 ตัน
· WGC เผย กองทุนทองคำ ETFs ขายทองคำออกครั้งแรกมากสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2020
รายงานจากข้อมูลสภาทองคำโลกหรือ WGC เปิดเผยว่า กองทุนทองคำ ETFs มีการขายทองคำออกมามากถึง 107 ตันในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับรายเดือนที่มีการขายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยในช่วง 11 เดือนแรก ภาพรวมสถานะยังเป็นการเข้าซื้อรวม 916 ตัน ปัจจุบันทั่วโลกมีการสำรองทองคำที่ระดับ 3,793 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2.15 แสนล้านเหรียญ
กองทุน ETFs ระบุว่า ทาง North America มีการขายทองในเดือนพ.ย. ออก 62.3 ตัน ขณะที่ในยุโรปลดการถือครองที่ 42.4 ตัน
นอกจากนี้ WGC ยังระบุว่า การปรับตัวลงดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงด้วย ท่ามกลางสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
· ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่นักลงทุนจับตาในวันนี้ คือ
22.30น. ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภค
22.30น. ยอดขายบ้านมือสอง
· ราคาซิลเวอร์ปิด +1.5% ที่ระดับ 26.16 เหรียญ โดยช่วงต้นตลาดทำสูงสุดตั้งแต่ 16 ก.ย. บริเวณ 27.38 เหรียญ
· ราคาพลาเดียมปิด -2.2% ที่ 2,309.77 เหรียญ
· ราคาแพลทินัมปิด -2.3% ที่ 1,012.39 เหรียญ
· Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ กดดันตลาดหุ้น-น้ำมัน
โดยเมื่อวานนี้จะเห็นได้ชัดจากการปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นทั่วโลก รวมถึงราคาน้ำมัน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ จึงบดบังมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการใช้งานวัคซีนที่จะมาหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ภาพรวมหุ้นสหรัฐฯผันผวนหนัก โดยดัชนีมาตรวัดความผันผวน หรือ Cboe Volatility Index ปรับขึ้นมากสุดในรอบหนึ่งวัน นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา
· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกล่าสุดรวม 77.68 ล้านราย เพิ่มขึ้นในช่วงหนึ่งวันสูงกว่า 510,379 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 1.7 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย
ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯล่าสุดอยู่ที่ 18.45 ล้านราย โดยยอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มกว่า 177,00 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 326,626 ราย
ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 382 ราย รวมสะสม 5,289 ราย
· สภาคองเกรสเตรียมโหวตมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 9 แสนล้านเหรียญหลังบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในวันอาทิตย์ และคาดว่าจะเกิดการลงมติกันในคืนนี้ หรือเวลา 12.00น. ตามเวลาไทย
ข่าวเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษดูจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเปิดแดนลบ ขณะที่หลายๆประเทศจำกัดการเดินทางไปยังอังกฤษ ขณะที่ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เรียกร้องให้สภาคองเกรสดำเนินการด้วยมาตรการเดียวกัน
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายจาก WHO กล่าวว่า วัคซีนจากบริษัท Pfizer และ Moderna อาจมีแนวโน้มจะมีประสิทธิภาพในการต่อกรกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงไวรัสโคโรนาตัวแรกที่มีอัตราการแพร่เชื้อช้ากว่าไวรัสไข้หวัด
· สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯส่วนใหญ่ค่อนข้างชัดเจนในการโหวตร่างกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะมีอุปสรรคในการอนุมัติอยู่บ้างก็ตาม โดยคาดว่าวันนี้อาจมีการลงนามร่างงบประมาณ 2 ฉบับวงเงิน 1.4 ล้านล้านเหรียญ สำหรับมาตรการหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ในภาครัฐบาล
ภาพรวมสภาคองเกรสดูจะเร่งผลักดดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ได้ก่อนกำหนดเส้นตาย โดยที่เจ้าหน้าที่จากทำเนียบขาวจะมีงบสนับสนุนการจ่ายเงินชาวหรัฐฯ 600 เหรียญ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการการว่างงานช่วง Covid-19 ขณะที่ในวันเสาร์นี้หลายๆโครงการขนาดใหญ่มีกำหนดจะหมดอายุลง
· สภาผู้แทนราษฎรรสหรัฐฯ คาดลงมติได้ก่อนเที่ยงวันนี้
นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า แม้ว่าจะล่าช้าแต่ทุกอย่างต้องจบลงภายในคืนนี้ พร้อมให้คำมั่นผ่านรายการ Fox News ว่า เขาจะผลักดันการปกป้องข้อกฎหมายภาคบริษัทในการช่วยเหลือร่างงบประมาณไวรัสโคโรนา ภายใต้การบริหารงานของนายโจ ไบเดน ที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า
การช่วยเหลือยังดำเนินต่อไป
นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสทำการพิจารณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เขาสามารถลงนามเป็นข้อกฎหมายได้ในช่วงการเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า
อย่างไรก็ดี หากคืนนี้ยังปราศจากการดำเนินการใดๆของสภาคองเกรส ก็จะส่งผลให้หน่วยงานรัฐไม่มีงบประมาณในการจัดสรร และทำให้คนว่างงานขาดแคลนเงินสนับสนุน และอีกหลายๆมาตรการจะหมดอายุลงในเร็วๆนี้
· สภาคองเกดสเห็นพ้องวงเงินช่วงเหลือ Covid-19 ที่ระดับ 900 ล้านเหรียญ
โดยการตกลงกันได้จะเป็นแพ็คเกจช่วยเหลือ 9 แสนล้านเหรียญ เพื่อฟื้นฟูระบบสุขภาพและเศรษฐกิจ และร่างกฎหมายงบประมาณช่วยเหลือจะรวมถึงวงเงินการช่วยเหลือภาคครัวเรือนครั้งใหม่, ภาคธุรกิจขนาดเล็ก และการเตรียมการทางการแพทย์ รวมทั้งจะมีการเตรียมงบ 1.4 ล้านล้านเหรียญสำหรับรัฐบาลในการขยายเวลาออกไปจนถึง 30 ก.ย. โดยทุกอย่างจะมีการลงมติเที่ยงคืนวานนี้ หรือประมาณ 12.00น. ตามเวลาไทย
จากนั้น จะส่งเรื่องต่อไปให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในเวลานี้ลงนามรับรองร่างกฎหมาย
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นจะถือเป็นวงเงินการช่วยเหลือครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ ที่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับยุควิกฤตครั้งนี้
· “มนูชิน” ชี้ ชาวสหรัฐฯจะได้รับเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วสุดในสัปดาห์หน้า
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวรว่า ชาวอเมริการจะได้รับการอัดฉีดเงินโดยตรงภายใต้งบประมาณช่วยเหลือครั้งใหม่ที่อาจได้รับภายในไม่กี่วันนี้ ภายใต้ร่างวงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ หลังจากที่ CARES Act ฉบับแรกในเดือนมี.ค. มีวงเงิน 2.2 ล้านล้านเหรียญ
· หน่วยงานองค์กรทางแพทย์ยุโรป (EMA) อนุมัติใช้วัคซีน Pfizer เพื่อใช้ในสหภาพยุโรปแล้ว
· สหรัฐฯเตรียมศึกษาอาการแพ้จากผู้ใช้วัคซีน Covid-19 ของบริษัท Pfizer
· “นายไบเดน” รับการฉีดวัคซีนผ่านการถ่ายทอดสด เพื่อเสริมความมั่นใจให้ผู้ได้รับการฉีดวัคซีน
· WHO กล่าวว่า ไวรัสโคโรนามีลักษณะการระบาดด้วยอัตราเร็วน้อยกว่าไข้หวัด แต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษระบาดรวดเร็วกว่าเดิม
· รายงานจาก BBC ระบุว่า อังกฤษ-ฝรั่งเศส อาจบรรลุข้อตกลงการกลับมาเปิดพรมแดนได้ในวันนี้
· อังกฤษตรึงกำหนดเส้นตาย Brexit คงเดิม 31 ธ.ค. ท่ามกลางบรรดาสมาชิกอียูยังไม่ตกลงเรื่อง Red Line
(Red Line คือ สถานะของสินค้ามีความผิดปกติ ต้องทำการเปิดตรวจ หรือ X-ray โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อน ถึงจะสามารถดำเนินต่อไปได้)
· นักบริหารการเงินไทย มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-30.15 บาท/ดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 29.79 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 ปี ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในตลาดโลกและไทยถูกสหรัฐฯ จับตาเรื่องการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่เงินบาทแข็งค่าทะลุระดับสำคัญทางจิตวิทยาส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเร่งขายดอลลาร์ออกมา ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 8.6 พันล้านบาท และ 3.6 พันล้านบาท ตามลำดับ
นักลงทุนจะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและการปิดเมืองในยุโรป การกลายพันธุ์ของเชื้อในอังกฤษ รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit ขณะที่การเปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุนอาจถูกจำกัด แม้มีข่าวเชิงบวกหลังสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการกระตุ้นทางด้านการคลังมูลค่า 9 แสนล้านเหรียญ ด้านเฟดมีมติคงดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมระบุว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดต่อไป จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรอย่างน้อย 8 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน และหลักทรัพย์ที่มีหน่วยงานค้ำประกัน (Agency Mortgage-backed Securities) อย่างน้อย 4 หมื่นล้านเหรียญ/เดือนต่อไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 23 ธ.ค. แต่ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยจะฉุดรั้งการใช้จ่ายช่วงเทศกาล โดยความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูงได้เพิ่มความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจ ขณะที่เงินบาทต้นสัปดาห์นี้อ่อนค่าลง หลังไทยพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนกรณีที่ไทยถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จัดอยู่ใน Monitoring List ของประเทศที่บิดเบือนค่าเงินเพื่อสร้างได้เปรียบทางการค้านั้นทางการระบุว่าจะไม่กระทบการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอเวลาอีก 7 วัน เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบนี้ก่อน ว่าจะอนุมัติให้จัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่ยังดำเนินมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม แต่ก็ยังเกิดรอยรั่ว เนื่องจากมีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านกว่า 2,500 กม.
- ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 64 ทั้งมาตรการกระตุ้นการลงทุนปี 64 สำหรับโครงการที่มีการลงทุนจริง 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงการขยายผลมาตรการส่งเสริมการลงทุนในขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ 10 จังหวัด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาค
- นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่า 80 จุด เกือบหลุดระดับ 1,400 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลต่อการระบาดรอบใหม่ของโควิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ตลท.ยังไม่มีมาตรการพิเศษเข้ามาดูแลตลาดหุ้น เนื่องจากมองว่าเป็นสถานการณ์ระยะสั้น