น้ำมันดิบปิดลงกว่า 2% กังวลไวรัสสายพันธุ์ใหม่กดดันอุปสงค์น้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงกว่า 2% จากการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ส่งผลให้หลายๆพื้นที่ในอังกฤษต้องเกิดการ Shutdown และนำไปสู่การใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในยุโรป และจุดประกายความกังวลเรื่องอุปสงค์พลังงาน
น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.85 เหรียญ หรือ -3.5% ที่ 50.41 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ปิด -1.36 เหรียญ หรือ -2.77% ที่ 47.74 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -1.83 เหรียญ หรือ -3.7% ที่ 47.41 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดดในช่วงต้นตลาดปรับตัวลดลงไปกว่า 3 เหรียญ และมีการปรับตัวลงรายวันที่มากที่สุดในรอบ 6 เดือน
น้ำมันดิบ Brent กลับมาปิดเหนือ 50 เหรียญได้ในสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากวัคซีน Covid-19
แต่แล้วการมาของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกว่า 70% เมื่อเทียบกับไวรัสต้นกำเนิด และความกังวลครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วโลกมียอดเสียชีวิตสะสมรวมกว่า 1.7 ล้านราย
หลายๆประเทศสั่งปิดพรมแดนกับทางอังกฤษเพิ่มมากขึ้น และนี่อาจเป็นสาเหตุให้อังกฤษอาจประสบภาวะขาดแคลนอาหารได้
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพบว่าประเทศออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เป็นที่เรียบร้อย
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานรัสเซีย กล่าวว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และทำให้การฟื้นตัวของตลาดน้ำมันทั่วโลก “ช้ากว่า” ที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจใช้เวลามากขึ้น 2-3 ปี
ปัจจัยลบดังกล่าวรกดดันมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการแพร่หลายของวัคซีนในสหรัฐฯ และความคืบห้าข้อตกลงการกระตุ้นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯด้วยเช่นกัน รวมไปถึงข่าวที่ทางยุโรปมีการอนุมัติใช้วัคซีน Covid-19 เป็นกรณีฉุกเฉินของบริษัท Pfizer ซึ่งการอนุมัติดังกล่าวจะส่งผลให้ยุโรปสามารถเริ่มต้นฉีดวัคซีนได้ในสัปดาห์นี้
ที่มา: CNBC