• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 มกราคม 2564

    4 มกราคม 2564 | Gold News


image.jpeg

FXStreet ชี้ ทองฝ่าแนวต้านสำคัญ 1,900 เหรียญ ส่งสัญญาณตลาดขาขึ้นต่อปี 2021

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เกือบ 30% ในปี 2020 โดยมีแรงซื้อต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดมีแรงบวกจากข่าวการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางและการอ่อนค่าของดอลลาร์ ที่หนุนทองคำให้ปรับตัวขึ้นต่อ และสะท้อนถึงภาวะขาขึ้นต่อในปี 2021 นี้

ขณะที่การพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนาและการเพิ่มขึ้นของจำนวนยอดผู้ติดเชื้อ ประกอบกับภาวะทางการเมืองของสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสำคัญ

ทองคำเปิด Gap เช้านี้เหนือ 1,900 เหรียญแถวระดับ 1,908 เหรียญ และทำสูงสุดที่ 1,918 เหรียญโดยประมาณ

ภาพรวมตลาดยังคงจับตาการเลือกตั้งรัฐจอร์เจียที่อาจสร้างความผิดหวังให้แก่เดโมแครตในการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯได้


คาดการณ์ทองคำปี 2021 ปรับขึ้นต่อจากปีที่แล้วท่ามกลางธนาคารกลางต่างๆดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน - มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ

ประกอบกับข้อตกลงการค้า Brexit ที่ดูจะหนุนความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในตลาดยุโรปได้ ข๘ณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของทิศทางความสัมพันธ์

ในทางเทคนิคทองคำฝ่าระดับสำคัญ SMA 100 วันบริเวณ 1,894 เหรียญมาได้ จึงมองโอกาสเห็นทองคำกลับทดสอบสูงสุดเดิมเมื่อช่วงต้นเดือนส.ค. ปี 2020 บริเวณ 2,075 เหรียญได้ ซึ่งจากกราฟราคาทองคำรายสัปดาห์ทองคำจะมีโอกาสปรับขึ้นไปได้ถึง 2,160 เหรียญ

ภาพรวมทองคำเป็นขาขึ้นตั้งแต่ที่ปรับขึ้นได้จากต่ำสุดที่ทำไว้บริเวณ 1,450 เหรียญ สะท้อนถึงการสร้างขาของภาวะขาขึ้น และระยะยาวภาพรวมทองคำยังเป็นขาขึ้น


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาสะสมทั่วโลกทะลุ 85.48 ล้านราย โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายวันที่ 504,398 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมรวมที่ 1.85 ล้านราย



ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดล่าสุดทะลุ 21.11 ล้านราย โดยมียอดติดเชื้อรายวันใหม่เพิ่มขึ้นที่ 191,700 ราย และมียอดเสียชีวิตสะสมรวม 360,071 ราย


Covid-19 สายพันธุ์ใหม่บุกสหรัฐฯ ช่วงสิ้นปีผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ยืนยัน การตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ตัวเดียวกับที่ระบาดในอังกฤษแล้ว


การฉีดวัคซีนของสหรัฐฯในปี 2020 ไม่ถึงเป้า 20 ล้านคนที่รัฐบาลหวัง

โดยรายงานส่าสุดพบจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 2.8 ล้านราย


ยอดติดเชื้อในไทยก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยเมื่อวานนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 315 ราย รวมสะสม 7,694 ราย โดยแบ่งเป็นคนไทยติดเชื้อในประเทศ 274 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 64 ราย

ขณะที่รายงานช่วงเย็นวานนี้พบสมุทรสาครติดเชื้อโควิดเพิ่ม 541 ราย คนไทย 86 ต่างด้าว 455

รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมนับตั้งแต่มีการระบาดรอบใหม่อยู่ที่ 2,401 ราย เป็นการพบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 1,945 ราย เป็นคนไทย 160 ราย





รายงานล่าสุดจากไทยรัฐ ระบุว่า ไทยเริ่มผลิตวัคซีน "Covid-19" ในประเทศ รอบที่ 2 แล้ว

กระทรวงสาธารณสุข เผยไทยเริ่มผลิตวัคซีน " Covid-19" ในประเทศแล้ว โดยเป็นวัคซีนที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากมหาวิทยาลัย Oxford และบริษัท AstraZeneca

และข่าวดีที่เกิดขึ้น 2-3 วันที่ผ่านมา คือ บริษัทซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) จะนำวัคซีน 2 แสนโดส เข้ามาไทยในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน ปลายเดือนมีนาคม อีก 8 แสนโดส และปลายเดือนเมษายน อีก 1 ล้านโดส รวมทั้งหมดเป็น 2 ล้านโดส


รองโฆษกรัฐบาล’ เผยวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกถึงไทยแน่เดือนหน้า

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกอย่างแน่นอน โดยรัฐบาลวางแผนจะฉีดให้ประชาชนฟรีอย่างน้อย 50%


"หมอยง" ชี้ไทยพบโควิดสายพันธุ์อังกฤษ กักผู้ป่วยกันเชื้อกระจาย

ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ได้ถอดรหัสสายพันธุ์ พบเป็นสายพันธุ์อังกฤษหรือที่เรียกว่า “สายพันธุ์อังกฤษที่กลายพันธุ์ B.1.1.7” ได้ในประเทศไทย เป็นครอบครัวชาวอังกฤษ 4 คน พ่อ แม่ ลูก 2 คน ติดเชื้อทั้ง 4 คน โดยที่แม่และลูกเป็นก่อน พ่อเป็นทีหลัง มาจากเมือง Kent ประเทศอังกฤษ และอยู่ใน ASQ โรงพยาบาลเอกชน และเราควบคุมอย่างดีไม่ให้แพร่กระจายออกไป


ราชกิจจาฯ ประกาศ ‘พื้นที่ควบคุมสูงสุด’ 28 จังหวัด เริ่มมีผลวันนี้

ราชกิจจานุเบกษาประกาศคำสั่ง ศบค. กำหนด “พื้นที่ควบคุมสูงสุด” 28 จังหวัดทั่วประเทศ รวมกรุงเทพฯ สกัดไวรัสโควิด-19 เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 4 มกราคม 2564


เวียดนามเจอป่วย ‘Covid-19 กลายพันธุ์’ รายแรกในประเทศ


อังกฤษเข้มงวดเพิ่ม หลังยอดติดเชื้อใหม่ในประเทศยังพุ่งสูง และพบการระบาดของไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ทั่วประเทศอังกฤษ

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ประกาศยกระดับมาตรการเข้มงวดขั้นเด็ดขาดสู่ระดับ 4 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


จีนมีรายงานการพบการติดเชื้อไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ ตัวเดียวกับที่ระบาดในอังกฤษในหญิงชาวจีนอายุ 23 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับประเทศ


อินเดียอนุมัติใช้วัคซีน AstraZeneca และบริษัทภายในประเทศ คาดใช้งานได้ในเร็วๆนี้


· แนวโน้มเงินเฟ้อพุ่งขึ้นปี 2021 แต่อาจไม่ขึ้นเป็นเวลานาน

เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจโตได้รวดเร็วในปี 2021 แต่นักลงทุนส่วนใหญ่อาจต้องเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งเหล่าเทรดเดอร์ของตลาดพันธบัตรและผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้นสหรัฐฯ ณ ปัจจุบันมองเห็นสัญญาณการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ ที่บางทีอาจสูงกว่าเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2%

ปัจจัยที่จะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ

- การกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ

- ชาวอเมริกาได้รับวัคซีนมากขึ้น

- ภาคอุตสาหกรรมกลับมาทรงตัวได้ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา


· เช็คกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2,000 เหรียญ มีแนวโน้มไม่สดใส หลัง “แมคคอนเนล” ปฏิเสธแยกร่างนี้ออกจากสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับที่นายทรัมป์ร้องขอ


· “แนนซี เพโลซี” ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งโฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯอีกครั้ง


· จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯออกมาลดลงต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 2 โดยล่าสุดลดลงเกินคาด 19,000 รายสู่ระดับ 787,000 ราย


ขณะที่สัปดาห์ก่อนหน้าปรับทบทวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3,000 ราย ที่ 806,000 ราย


· จีนปรับทบทวนจีดีพี 2019 ลดลงจาก 6.1% สู่ระดับ 6.0%


· จีน ระบุว่า จะหามาตรการตอบโต้ที่จำเป็นเพื่อตอบโต้การที่ NYSE ลบ 3 บริษัทจีนออกจากตลาด

จีนประกาศจะทำการตอบโต้การลบ 3 บริษัทด้านสื่อสารคมนาคมจาก New York Stock Exchange ภายใต้การลงนามคำสั่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีผลในวันที่ 11 ม.ค. ซึ่งเป็น 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่
China Telecom Corp. Limited
China Mobile Limited
China Unicom Hong Kong Limited


· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระหว่าง 29.80-30.15 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกและในไทย รายงานนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ จีน ยูโรโซน และอังกฤษ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนธ.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย.

สำหรับในปี 63 เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 29.76-33.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทเริ่มทยอยอ่อนค่าลงตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนม.ค. 63 ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากโควิด-19 รอบแรก ซึ่งมีการระบาดออกไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ในช่วงเวลานั้น นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิ ทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัญญาณถดถอยของเศรษฐกิจโลกกระตุ้นแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ในฐานะที่เป็นสกุลเงินปลอดภัย

อย่างไรก็ดี เงินบาทสามารถลดช่วงอ่อนค่าและกลับมาปรับตัวในกรอบที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินแบบไม่จำกัดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 รอบแรกที่เริ่มคลี่คลายลง และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของนายโจ ไบเดนก็เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินในฝั่งเอเชีย รวมถึงเงินบาท นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องและหนุนให้ค่าเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงเดือนธ.ค.63 คือ การที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Monitoring List ในรายงานการประเมินนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ทางการไทยอาจต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังมากขึ้นในการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และแม้เงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าในช่วงปลายปี แต่สัญญาณที่เสี่ยงมากขึ้นของการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ก็จำกัดกรอบการแข็งค่าไว้บางส่วน

· อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ


- ‘กรุงศรี’ คาดปี 64 เงินต่างชาติทะลักเข้าไทยดัน บาทแข็ง แตะ 29.25 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดเงินของไทยในปี 2564 จะยังมีแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทย ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 63 เป็นต้นไปโดยคาดค่าเงินบาทสิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ 29.25 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากสิ้นปี 2563 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 30.00 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่เงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงด้วย ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ จึงแนะผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงจากค่าเงินเพื่อบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้น


- SCBS คาด ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น SCBS มองว่าในช่วงที่เหลือของปี 2020 การลงทุนมีโอกาสชะลอตัวลงแต่ไม่รุนแรงนัก

ขณะที่ความเป็นไปได้ว่าในการระบาดรอบใหม่ของไทยครั้งนี้ หากรัฐบาลประกาศมาตรการปิดเมืองที่เข้มงวดขึ้นใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว รัฐบาลน่าจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2020 ต่อเนื่องไตรมาส 1/2021 หดตัวเท่ากับที่เราเคยคาดที่ประมาณ -8% และ -1% ตามลำดับ และทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2020-21 หดตัวที่ประมาณ -7% และฟื้นตัวที่ +3% ตามลำดับ


· อ้างอิงจากสำนักข่าว ฐานเศรษฐกิจ

ซีไอเอ็มบี ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 64 จาก 4.1% เป็น 2.6% เผยปัจจัยหลัก จาก การระบาดโควิด -19 รอบ 2 รวมไปถึงปัญหาการเมือง และการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะต้องชะลอออกไปอีก


· อ้างอิงจากสำนักข่าว ข่าวสดออนไลน์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ และอดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจปี 64 ระบุว่า การคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 64 น่าเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจไทยจะยิ่งย่ำแย่เสื่อมถอยกว่าปีที่แล้วที่ว่าแย่แล้ว ทั้งนี้เพราะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาถึงปีนี้ได้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลได้ประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่กรุงเทพและอีก 8 จังหวัด

และอาจจะต้องล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และไม่แน่ใจว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ถ้าหากยาวนานและหากไวรัสเกิดกลายพันธ์ุก็จะย่ิงสร้างความลำบากให้กับประชาชนมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบที่คาดกันว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้บ้างในปีนี้ก็อาจจะไม่ฟื้นเลยก็เป็นได้


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com