ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลดลงในวันทำการแรกของปี 2021 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกและผลการเลือกตั้งผู้แทนวุฒิสภาสหรัฐฯจากรัฐจอร์เจีย ที่จะทราบผลในวันนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้พรรคเดโมแครตกลับมาครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้อีกครั้ง
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -382.59 จุด หรือ -1.3% ที่ 30,223.89 จุด โดยช่วงต้นตลาดทรุดลงไปกว่า 700 จุด ถือเป็นการเริ่มต้นวันทำการแรกในแดนลบนับตั้งแต่ที่เคยปิดลบวันแรกในปี 2016
ดัชนี S&P500 ปิด -1.5% ที่ 3,700.65 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิด -1.5% ที่ 12,698.45 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ก่อนที่จะอ่อนตัวลงจากแรงเทขาย เรียกได้ว่าเป็นระยะเวลาเพียงหนึ่งวันที่เกิดแรงเทขายหนักที่สุดนับตั้งแต่ 28 ต.ค. ขณะที่ Nasdaq ถือเป็นการปรับตัวลงรายวันที่แย่ที่สุดตั้งแต่ 9 ธ.ค.
หุ้นบริษัท Coca-Cola ปิด -3.8% และ Boeing ปรับ -5.3% เป็น 2 ตัวที่ดิ่งลงหนักฉุดดัชนีดาวโจนส์
หุ้นกลุ่ม Real estate ทรุดลง -3.2% กดดันดัชนี S&P 500 ปรับลง
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแดนลบจากข่าวเกี่ยวกับจำนวนยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น หวั่นสร้างผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
สถานการณ์ในอังกฤษล่าสุด นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีคำสั่ง Lockdown อังกฤษเป็นเวลานานขึ้นเพื่อจำกัดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนสามารถออกจากบ้านได้ในกรณีจำเป็นหรือทำงานเท่านั้นแต่ไม่สามารถออกจากบ้านหรือออกกำลังกายได้ ขณะที่โรงเรียนโดยส่วนใหญ่จะมีการเปลี่ยนระบบการศึกษามาเป็นออนไลน์มากขึ้น รวมไปถึงการเรียนของมหาวิทยาลัยด้วย
CIO จากสถาบัน Glenmede ระบุว่า ในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกรัฐจอร์เจีย หากพรรครีพับลิกันได้ไป 1 ที่นั่งก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความยากลำบากให้แก่ นายโจ ไบเดนมากขึ้น แต่หากพรรคเดโมแครตกวาดได้ 2 ที่นั่งก็อาจทำให้การดำเนินนโยบายเป็นไปโดยง่ายขึ้น
หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการลงทุนของ Oppeneheimer กล่าวว่า ดัชนี S&P500 อาจร่วงลงไปราว 10% หากสมาชิกพรรคเดโมแครตได้ชัยชนะในรัฐดังกล่าวจริง เพราะจะสะท้อนถึงการที่เดโมแครตอาจครอบครองเสียงข้างมากได้ทั้งสองสภา และจะเป็นผลลบต่อภาคธุรกิจจากแผนการปรับขึ้นภาษีบริษัท