ทองคำปรับขึ้นต่อจากดอลลาร์อ่อน - ตลาดจับตาเลือกตั้งรัฐจอร์เจีย
· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำสูงสุดรอบ 2 เดือน โดยตลาดได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่มีการทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดตั้งแต่เม.ย. ปี 2018 และความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของ Covid-19 ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางนักลงทุนส่วนใหญ่ที่รอคอยผลเลือกตั้งรัฐจอร์เจียที่อาจส่งผลต่อแนวทางการเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
· ราคาทองคำตลาดโลกปิดปรับขึ้น 0.4% ที่ 1,949.59 เหรียญ โดยระหว่างวันทำสูงสุดตั้งแต่ 9 พ.ย. บริเวณ 1,952.36 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด +0.4% ที่ระดับ 1,954.40 เหรียญ
.png)
· SPDR เมื่อวานนี้ทำการขายออกมา 1.17 ตัน โดยปัจจุบันถือครองที่ระดับ 1,186.78 ตัน
· ประธานการลงทุนตลาดโลกจาก TIAA Bank กล่าวว่า ยังมีความเสี่ยงอยู่มากในเรื่องของไวรัสในระยะสั้นๆนี้ จึงทำให้เราเห็นถึงเม็ดเงินที่ไหลเพิ่มมากขึ้นเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ปลอดภัย ประกอบกับการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่เป็นปัจจัยหลักในการขึ้นของทองคำตลอดช่วง 2-3 วันทำการแรกของปี
· อังกฤษเข้าสู่การ Lockdown รอบใหม่จากยอดติดเชื้อไวรัสที่พุ่งสูงขึ้น โดยวานนี้มียอดติดเชื้อรายวันสูงกว่า 60,916 ราย รวมสะสมที่ 2.774 ล้านราย ขณะที่รัฐนิวยอร์กประกาสพบผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 สายพันธ์ใหม่รายแรก
· นักลงทุนระมัดระวังต่อผลการเลือกตั้งรัฐจอร์เจียว่าจะสะท้อนถึงพรรคไหนจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ
· หัวหน้าฝ่ายการซื้อขายจาก U.S. Global Investors กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกจะหารือเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำอยู่
· ซิลเวอร์ปิด +1.1% ที่ระดับ 27.50 เหรียญ
· พลาเดียมปิด +3.9% ที่ 2,465.18 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดพุ่งขึ้นกว่า 6%
· แพลทินัมปิด +3.5% ที่ 1,107.25 เหรียญ ปรับขึ้นมากสุดกว่า 4.1% ในช่วงต้นตลาด
· CNBC รายงานว่า ใกล้ทราบผลเลือกตั้งผู้แทนวุฒิสมาชิกรัฐจอร์เจียแล้ว
· Exit Poll ชี้คะแนนสูสี ลุ้นการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่เดโมแครตอาจพลิกมาครองเสียงข้างมากและจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายและข้อกฎหมายของนายไบเดน
· ผลการเลือกตั้งที่เข้มงวดในจอร์เจีย วุฒิสภาเสียงข้างมากอาจเป็นของฝ่าย "ไบเดน" ภายใต้การควบคุมโดยวุฒิสภา
ผลรวมคะแนนเสียงเลือกตั้ง ของสองวุฒิสภา ในจอร์เจีย จะบ่งชี้ว่าพรรคใดจะควบคุมสภาได้ และอาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นพรรคเดโมแครต ภายใต้การบริหารของว่าที่ประธานาธิบดี นายโจ ไบเดน
โดยผู้ลงสมัครการเลือกตั้ง ของพรรครีพับลิกัน ได้แก่ นายเดวิด เพอดู และ นายเคลลี่ ลอฟเฟอร์ ซึ่งท้าชิงด้วยผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต นายจอน ออสซอฟ และนาย แรฟเฟล วาร์น็อค
ทั้งนี้หนึ่งชั่วโมงหลังจากปิดการลงคะแนนเวลา 19.00 น. ผลคะแนนเลือกตั้งออกมาว่านายแรฟเฟล วอร์น็อค นำ นายเคลลี่ ลอฟเฟอร์ อยู่ 6.2 คะแนน ในขณะที่นายจอน ออสซอฟ นำหน้านายเดวิด เพอดู 5.6 คะแนน
· นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกเรียกร้องให้มีการปรับปรุงระบบการเงินของสหรัฐฯ หรือมีการยกเครื่องและมีข้อกำหนดใหม่เพื่อรองรับกับแนวทางการใช้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ดี เขามองว่าการที่เงินเฟ้อจะปรับขึ้น 3% ไม่ถือเป็นเรื่องที่เลวร้าย เนื่องจากดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะประเมินถึงการควบคุมดอกเบี้ย แม้ว่าระดับหนี้สาธารณะจะอยู่ในระดับสูงและมีการอัดฉีดทางการเงินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาสะสมทั่วโลกทะลุ 86.80 ล้านราย โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายวันที่ 667,394 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมรวมที่ 1.87 ล้านราย
ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯสะสมล่าสุดเหนือ 21.57 ล้านราย โดยมียอดติดเชื้อรายวันใหม่เพิ่มขึ้นที่ 222,009 ราย และมียอดเสียชีวิตสะสมรวม 365,584 ราย
ยอดติดเชื้อในไทยก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 527 ราย รวมสะสม 8,966 ราย โดยแบ่งเป็นคนไทยติดเชื้อในประเทศ 82 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 65 ราย และ ณ ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายงานใน 57 จังหวัด ซึ่งที่เพิ่มมาใหม่คืออ่างทอง
· The Guardian รายงานว่า การกระจายวัคซีนในอังกฤษไม่ถึงเป้าที่กำหนดไว้สำหรับช่วง 2 สัปดาห์
· อังกฤษ เผย วัคซีนโควิดเปิดตัวช้ากว่าที่คาดการณ์
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศล็อคดาวน์อังกฤษ รวมถึงมาตรการ Stay-at-home เพื่อควบคุมไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งผู้นำสก็อตแลนด์ได้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้อังกฤษเริ่มเปิดตัววัคซีน Oxford-AstraZeneca เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากเริ่มเปิดตัววัคซีน Pfizer-BioNTech เมื่อเดือนธ.ค.ไปแล้ว เพื่อปกป้องประชากรให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยรัฐบาลอังกฤษได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการล่าช้าเป็นเวลา 12 สัปดาห์ระหว่างการให้วัคซีนครั้งแรกและครั้งที่สองของทั้งวัคซีน Pfizer-BioNTech และ Oxford-AstraZeneca อย่างไรก็ดี ความล่าช้าดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยสมาคมการแพทย์ของอังกฤษ
· การ Lockdown ของอังกฤษเป็นชนวนให้ยอดขายรถยนต์มือหนึ่งร่วงลงหนักนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปรับตัวลงไปเกือบ 30% ในปีที่แล้ว ถือเป็นการร่วงลงมากสุดตั้งแต่ปี 1943
· WTO ผิดหวังที่จีนไม่ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมโครงการสู้ Covid-19
· อิสราเอลประกาศ Lockdown ที่เข้มงวดขึ้นรอบใหม่ โดยถือเป็น “ความพยายามครั้งสุดท้าย” ท่ามกลางการกระจายวัคซีน
· รายงานยอดขายรถยนต์สหรัฐฯพุ่งขึ้น หนุนแนวโน้มอุตสาหกรรมสหรัฐฯแข็งแกร่งในปี 2021
· NYSE กลับลำในการลบรายชื่อบริษัทจีนออกจากกระดานซื้อขาย ท่ามกลางความตึงเครียดและสับสนในการดำเนินนโยบาย เนื่องจากมองว่าการลบชื่อบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนล่าสุดภายใต้การดำเนินนโยบายของทีมบริหารนายทรัมป์มีความสับสนต่อกฎเกณฑ์ ท่ามกลางความตึงเครียดในการดำเนินนโยบายของทั้งสหรัฐฯ-จีนเวลานี้
· “มนูชิน” ชี้ ผู้อำนวยการ NYSE ไม่เห็นด้วยกับแผนการถอนรายชื่อบริษัทจีน
· Eurasia เผย สงครามระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจจะลามไปถึงพื้นที่สีเขียว ในปี 2021
การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯและจีน อาจรวมถึงการแย่งชิงพื้นที่ใหม่ในปีนี้ ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดที่ถูกคุกคามโดยเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้แหล่งศักยภาพแห่งใหม่ คือ เทคโนโลยีสีเขียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดี นายโจ ไบเดน ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค ได้ระบุว่าการจัดการกับสภาพแวดล้อมใหม่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความสำคัญที่ต้องแก้ปัญหา
อย่างไรก็ดี สงครามระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะช่วงชิงพลังงานสีเขียวกันมากขึ้น และนี่อาจเป็นการเริ่มต้นแนวรบครั้งใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนภายใต้การบริหารงานสี่ปีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
· แม้จะมีแรงกดดันจากนายทรัมป์ แต่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯจะไม่ทำการแทรกแซงการนับผลคะแนนการเลือกตั้ง
· ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือกล่าวว่าแผนเศรษฐกิจล้มเหลว จึงจะเริ่มต้นหารือกันในสภาคองเกรส
· เกาหลีใต้เรียกร้องให้อิหร่านปล่อยเรือบรรทุกน้ำมันของประเทศที่ถูกจับกุม
· สมาชิกเฟด เผยว่า รัสเซีย หรือ จีน น่าจะอยู่เบื้องหลังการแฮ็ก SolarWinds ที่ละเมิดเครือข่ายของรัฐบาล
· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 29.80-30.00 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทปรับอ่อนค่าเล็กน้อย หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ให้นิติบุคคลต่างประเทศสามารถทำธุรกรรมเงินบาทกับสถาบันการเงินในประเทศได้คล่องตัวขึ้น ภายใต้โครงการ NRQC โดยระหว่างวันอ่อนค่าไปแตะระดับ 30.05 บาท/ดอลลาร์ แต่ก็เริ่มกลับขึ้นมา และเชื่อว่าแนวโน้มเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อ เพียงแต่เชื่อว่าตลาดคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ธปท.จะออกมาตรการอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธปท.ผ่อนคลายให้นิติบุคคลต่างประเทศทำธุรกรรมเงินบาทในประเทศคล่องตัวขึ้น
ธปท.ผ่อนคลายให้นิติบุคคลต่างประเทศสามารถทำธุรกรรมเงินบาทกับสถาบันการเงินในประเทศ (onshore) ได้คล่องตัวขึ้น ภายใต้โครงการ Non-resident Qualified Company (NRQC) โดยนิติบุคคลต่างประเทศต้องมีภาระการรับหรือจ่ายเงินบาทจากการค้าและการลงทุนโดยตรงในประเทศไทย และไม่ประกอบธุรกิจด้านการเงินและทองคำ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์ ดังนี้
1. สามารถบริหารความเสี่ยงค่าเงินบาทได้สะดวกและคล่องตัวขึ้น โดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐาน และมีขอบเขตการทำธุรกรรมที่กว้างขึ้น เช่น การทำธุรกรรม Swap หรือ Forward ด้วยการใช้ประมาณการรายรับรายจ่ายในอนาคต หรือใช้งบการเงินโดยรวม (balance sheet hedging)
2. สามารถบริหารสภาพคล่องเงินบาทได้คล่องตัว โดยไม่จำกัดยอดคงค้างบัญชีเงินบาทสำหรับผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (Non-resident Baht Account : NRBA) จากเดิมจำกัดยอดคงค้างไว้ไม่เกิน 200 ล้านบาท
- กระทรวงพาณิชย์ เผยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 63 ลดลง -0.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแม้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีจะติดลบ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นภาวะเงินฝืด เนื่องจากราคาสินค้าหลายรายการยังเพิ่มขึ้น และดัชนีเศรษฐกิจหลายตัวยังมีแนวโน้มดี ขณะที่คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 64 จะกลับมาขยายตัวได้ในช่วง 0.7-1.7% แต่ยังต้องจับตาปัจจัยการระบาดของไวรัสโควิด, การเข้าถึงวัคซีน และราคาน้ำมัน
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการณ์การส่งออกไทยปี 2564 ว่าจะเติบโตได้ 3-4% โดยได้รับปัจจัยบวกจากสินค้ากลุ่มอาหาร และกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ ถุงมือยาง และกลุ่มสินค้า work from home ที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงทั่วโลกอีกครั้ง ส่วนการส่งออกไทยในปี 63 คาดว่าหดตัวในช่วง -7 ถึง -6%
Thai
Eng