ดัชนีดาวโจนส์ปิด +400 จุด ทำสูงสุดประวัติการณ์ จากผลเลือกตั้งรัฐจอร์เจีย และเหตุตึงเครียดจากการก่อจลาจลที่สภาคองเกรส
ดาวโจนส์ปิด +437.80 จุด หรือ +1.4% ที่ 30,829.40 จุด เป็นการปิดสูงสุดประวัติการณ์ ขณะที่ช่วงต้นตลาดปรับขึ้นแรงกว่า 600 จุด ทำ All-Time High ต่อเนื่อง
ดัชนี S&P500 ปิด +0.6% ที่ 3,748.14 จุด และทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้เช่นกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดอ่อนตัวลง 0.6%
นักลงทุนตอบรับมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มเติมจากผลเลือกตั้งรัฐจอร์เจียปลุกกระแส Blue Wave มากขึ้น
ขณะที่ในช่วงดัชนีปรับขึ้นทำสูงสุดมาตรวัดความกลัวของนักลงทุนหรือ CBOE Volatility Index ก็พุ่งปิดสูงขึ้นด้วยจากเหตุจลาจลในสภาคองเกรสเพื่อรับรองผลเลือกตั้ง “นายไบเดน” ให้เป็นฝ่ายชนะนายทรัมป์
ไม่เพียงแต่ดัชนีสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับขึ้นตาม แต่สินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวลดลง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นกว่า 1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มี.ค. ก่อนจะปิดแถว 1.03%
นายราฟาเอล วอนอร์ค ผู้แทนจากพรรคเดโมแครต เอาชนะนางเคลลี ลอฟเฟอร์ จากพรรครีพับลิกัน และนายจอน ออสซอป เอาชนะผู้แทนจากรีพับลิกันได้เช่นกัน
หากพรรคเดโมแครตชนะได้ทั้งคู่จะทำให้มีที่นั่งเพิ่มในวุฒิสภาแบบเท่าเทียมกันที่ 50 ต่อ 50
และนักลงทุนประเมินว่า ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจง่ายต่อการผลักดันให้มาตรการ Covid-19 ผ่านสภา และหวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวได้
Goldman Sachs คาด อาจเห็นการผลักดันการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพิ่มเติมมูลค่ากว่า 6 แสนล้านเหรียญในระยะสั้นหากเดโมแครตคว้าชัยเลือกตั้งครั้งนี้ได้
ที่มา: CNBC