• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 มกราคม 2564

    12 มกราคม 2564 | Economic News
  

· ดอลลาร์แข็งค่าต่อจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯพุ่งจากโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯรอบใหม่

ดอลลาร์แข็งค่าต่อ 4 วันทำการเมื่อเทียบกับสกุลหลักส่วนใหญ่ท่ามกลางโอกาสการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มที่เป็นปัจจัยบวกต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นายไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ธ.ค. และมีโอกาสหนุนค่าใช้จ่ายแพ็คเกจ Covid-19 ที่สูงกว่าล้านล้านเหรียญ

อัตราผลตอบแทนพันธบตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นครั้งแรกเหนือ 1.148%

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 90.578 จุด หลังจากที่ทำสูงสุดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ 21 ธ.ค. บริเวณ 90.73 จุด

นักกลยุทธ์ค่าเงิน G10 จาก Citigroup Global Markets กล่าวว่า ค่อนข้างมีความผสมผานกันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯกับดอลลาร์ แต่โอกาสหนุนการเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจช่วยหนุนตลาดหุ้น และดอลลาร์น่าจะอ่อนค่าลงได้อีก โดยระยะกลาง *ดอลลาร์ยังเป็นทิศทางอ่อนค่า*

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 104.305 เยน/ดอลลาร์ หลังทำสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ 104.40 เยน/ดอลลาร์

ยูโรทรงตัวที่ 1.21425 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อ่อนค่าลงแตะ 1.21320 ดอลลาร์/ยูโรเป็นครั้งแรกตั้งแต่ 21 ธ.ค.

ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ ท่ามกลาง "ควาต้องการเงินสดที่เพิ่มขึ้นก่อนเทศกาลตรุษจีน* โดยหยวนเปิด 6.4770 หยวน/ดอลลาร์ ก่อนจะทรงตัวที่ 6.4712 หยวน/ดอลลาร์

Bitcoin ทรงตัวที่ 35,186 เหรียญ โดยร่วงลงหลังทำสูงสุดตั้งแต่ 8 พ.ย. ที่ระดับ 42,000 เหรียญ


· นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาโดสที่ 2 เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดยระยะเวลาห่างจากโดสแรกเป็นเวลา 4 สัปดาห์

ซึ่งเป็นวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเนวาร์ค รัฐเดลาแวร์ โดยนายไบเดนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดสแรกเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา


· Moderna ไม่คิดว่าข้อมูลวัคซีน Covid-19 สำหรับเด็กจะพร้อมใช้จนถึงปี 2022 โดยกระบวนการศึกษากลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 1 - 11 ปี ยังอยู่ในกระบวนการที่คาดจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ดังนั้นจึงไม่มีแนวโน้มจะเห็นผลในปีนี้ แต่มีแนวโน้มจะเห็นผลมากขึ้นในปี 2022


· CEO ของ Rite Aid คาดว่ากลุ่มค้าปลีกอาจได้รับวัคซีน Covid-19 เร็วกว่าที่คาด


· WHO เตือน ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจกลายมาเป็น "ปัญหาใหญ่" หลังปรากฏจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่มากขึ้น และทำให้สถานการณ์ในสถานพยาบาลต่างๆอยู่ภายใต้แรงกดดัน


· เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพระดับสูงใน LA เผย Covid-19 สังหารประชาชนในทุกๆ 8 นาที

ผู้อำนวยการด้านสาธารณสุข กล่าวว่า ไวรัสโคโรนาได้ทำการสังหารประชาชนในรัฐลอสแองเจลลิสทุกๆ 8 นาที ทำให้มีรายงานยอดเสียชีวิตในพื้นที่สูงกว่า 1,500 รายเป็นที่เรียบร้อย และมีการพบยอดติดเชื้อไวรัสเพิ่มเกือบ 900% นับตั้งแต่ 1 พ.ย. จนถึงช่วงวันหยุดเทศกาล และทุกๆนาทีจะพบว่ามีไม่น้อยกว่า 10% ที่เข้าถึงสถานพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อ

ซึ่งสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกพบในอังกฤษและแอฟริกาใต้ เริ่มถูกพบในประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดถูกตรวจพบในญี่ปุ่น


· สหรัฐฯเสียชีวิตสูงกว่า 375,000 รายจาก Covid-19 ขณะที่บราซิลเสียชีวิตสะสมทะลุ 200,000 ราย


· นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า อาจมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในจังหวัดโอซากา เกียวโต และเฮียวโงะในสัปดาห์นี้ เพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยจำนวนผู้ติดเชื้อจากไวรัสดังกล่าวทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามจังหวัดเตรียมแผนประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยจะมีขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินออกไปอีกจนถึง 7 ก.พ. นี้


· กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย ระบุว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่เพิ่มอีก 12,584 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 167 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 10,479,179 ราย และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 151,327 ราย

สำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังได้รับการรักษาจนหายดีแล้วอยู่ที่ 10,111,294 ราย ส่วนผู้ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมีจำนวน 216,558 ราย


· ด่วน! ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 287 ราย ติดเชื้อในประเทศ 278 ราย

ศบค. แถลง "ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้" ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 287 ราย เป็นติดเชื้อภายในประเทศ 278 คน ยอดผู้ป่วยสะสม 10,834 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 64 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันว่า ประเทศไทยพบจำนวน ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 287 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 278 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 9 ราย

รวมยอดผู้ป่วยสะสม 10,834 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 67 คน ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 6,732 ราย และผู้ป่วยที่รักษาอยู่ 4,035 ราย


· พรรคเดโมแครตจะ ฟ้องร้อง ทรัมป์ หลังจากเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์โจมตีรัฐสภา

ทั้งนี้พรรคเดโมแครตให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้ายต่อนายทรัมป์ ในวันนี้ ถึงการลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของทรัมป์จะสิ้นสุดลง หากไม่เป็นเช่นนั้น นายทรัมป์อาจต้องเผชิญกับการฟ้องร้องครั้งที่สองเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รัฐโดยผู้สนับสนุนของทรัมป์เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา

โดยสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครตวางแผนลงคะแนนเสียงทันทีในวันพรุ่งนี้ ถึงการประพฤติตัวไม่เหมาะสมของนายทรัมป์ หรือดำเนินการตามบทบัญญัติตามกฎหมาย เว้นแต่นายทรัมป์จะลาออก หรือรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายไมค์ เพนซ์ จะทำการขับไล่นายทรัมป์ ภายใต้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ


· Deutsche Bank เผย จะไม่ทำธุรกิจ ร่วมกับ ทรัมป์ ในอนาคต

Deutsche Bank จะไม่ทำธุรกิจร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ หรือกลุ่มบริษัทของนายทรัมป์ หลังจากที่ผู้สนับสนุนของทรัมป์ได้เข้าทำร้ายร่างกายหน่วยงานของรัฐในสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ Deutsche Bank เป็นผู้ให้กู้รายสำคัญที่สุด ของ นายทรัมป์ โดยมีเงินกู้ประมาณ 340 ล้านเหรียญที่ค้างอยู่ให้กับองค์กรทรัมป์ ซึ่งปัจจุบันดูแลโดยลูกชายทั้งสองของทรัมป์

อย่างไรก็ตาม Deutsche Bank กำลังมองหาทางยุติความสัมพันธ์กับนายทรัมป์ หลังนายโจ ไบเดน ดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนถัดไป


· การคาดการณ์ของราคาสินค้าในญี่ปุ่นลดลง เนื่องจากวิกฤตโควิด ส่งผลให้เงินฝืด

ผลสำรวจของธนาคารกลาง เผยว่า อัตราเงินเฟ้อของครัวเรือนญี่ปุ่นแตะระดับต่ำสุดในรอบแปดปี ในช่วงสามเดือนก่อนธ.ค. เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ได้เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะเงินฝืดในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

โดยผลลัพธ์ดังกล่าวสร้างความท้าทายให้ธนาคารญี่ปุ่นเป็นอย่างมากในการผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นไปสู่เป้าหมาย 2% และต้องสนับสนุนเศรษฐกิจภายใต้ภาวะฉุกเฉินเพื่อสู้กับวิกฤตโควิดในครั้งนี้

ทั้งนี้การสำรวจรายไตรมาสของ BOJ เกี่ยวกับครัวเรือน แสดงให้เห็น อัตราส่วนของภาคครัวเรือนที่คาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นในแต่ละปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 60% ในเดือนธ.ค. ลดลงจาก 63.3% ในเดือนก.ย.และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2012 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแรงภาวะเงินฝืดกำลังทวีสูงขึ้น และอัตราส่วนของผู้ที่คิดว่าราคาเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ลดลงเหลือ 60.5% ในเดือนธ.ค.จาก 65.9% ในเดือนก.ย.


· ผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงทางการเมือง ชี้ "ไบเดน" อาจต่อสู้กับปัญหาใต้หวันที่อาจสั่นคลอนปัญหาความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน


· เกมอันตราย-อิหร่านท้าทาย "ไบเดน" เร่งเพิ่มกำลังผลิตนิวเคลียร์

การเพิ่มกำลังการผลิตด้วยแร่ยูเรเนียม 20% หมายถึงอะไร?

การเสริมประสิทธิภาพแร่ยูเรเนียม 20% ในการใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อทดแทนการเสริมสมรรถนะในระหว่างปี 2010 - 2013

เนื่องจากข้อกำหนดฉบับเดิมมีการอนุญาตใช้แร่ U-235 ที่ระดับ 3.67% ในการดำเนินการการแตกตัวของนิวเคลียสของอะตอมเป็นนิวเคลียสของอะตอมที่เบากว่า และมีการปล่อยพลังงานออก

ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และนักเฉพาะทางด้านนิวเคลียร์จากมหาวิทยาลัย Cardiff University กล่าวว่า อิหร่านพยายามที่จะขยายเพดานการใช้แร่ให้มากที่สุด ท่ามกลางความหวังของนายไบเดนที่อยากจะกลับมาทำข้อตกลงร่วมกันอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่อาวุโสจาก Foundation for Defense of Democracies เผยว่า การเพิ่มความสามารถด้านนิวเคลียร์นั้น อิหร่านหวังให้เกิดเป็นการสร้างวิกฤต วิกฤตที่จะทำให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร

การผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะมีการใช้แร่ยูเรเนียมขั้นต่ำ 400 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 20% ของ U-235

แต่การอัพเกรดอาวุธด้วยยูโรเนียม 90% สำหรับ U-235 และการทยอยเพิ่มแร่เพื่ออัพเกรดก็ดูจะยิ่งเพิ่มความเร็วในการให้เกิดการผ่อนปรนขึ้นมาด้วย

"ไบเดน" แสดงท่าทีต้องการกลับเข้าสู่ข้อตกลงอาวุธนิวเคลีร์อิหร่านฉบับปี 2015 โดยเจ้าหน้าที่นโยบายการต่างประเทศระดับสูงของนายไบเดนบางราย แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯต้องการกลับสู่การเจรจาข้อตกลงต้นฉบับตามเดิม แต่อิหร่านไม่มีแนวโน้มว่า "จะยอมง่ายๆ"ท่ามกลางการเรียกร้องข้อชดเชยสำหรับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรและสัมปทานอื่นๆของสหรัฐฯในช่วงไม่กี่ปีมานี้

ทั้งหมดนี้ จึงถือเป็น "ดาบสองคม" สำหรับทั้งฝั่งอิหร่านและสหรัฐฯเอง โดยที่อิหร่านก็ต้องการให้กลับมาสู่โต๊ะเจรจาให้ได้โดยเร็ว ขณะที่ไบเดนกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากในการตัดสินใจผ่อนปรนหรือสร้างแรงกดดันเพิ่ม โดยเฉพาะการวิจารณ์เกี่ยวกับข้อตกลงในอดีตที่ผ่านมา

ความตึงเครียดมากขึ้นหลังจากที่อิหร่านมีการจับกุมเรือเกาหลีใต้ไว้ ซึ่งอิหร่านเต้องการย้ำถึงการเจรจาทางนานาประเทศ โดยเฉพาะทีมบริหารไบเดน


· เกิดเหตุประท้วงในอินเดีย หลังศาลศุงสุดอินเดียระงับกฎหมายการเกษตรฉบับใหม่ชั่วคราว ที่อนุญาตให้เกษตรกรสามารถขายผลิตผลได้ทุกแห่ง


· ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นจากกระแสคาดการณ์การปรับลดลงของสต็อกน้ำมันดิบ ขณะที่การระบาดของไวรัสโคโรนากดดันการเพิ่มขึ้นของราคา

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ห้า แต่นักลงทุนก็ยังคงมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังคงมีอยู่ทั่วโลก

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 55.88 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WIT เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ 52.50 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com