MTS Help Center

ทองคำทรงตัว นักลงทุนจับกระแสมาตรการเศรษฐกิจสหรัฐฯ-การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบริเวณ 1,854.84 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด +0.6% ที่ระดับ 1,854.90 เหรียญ

·         ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางปัจจัยสำคัญ

 - ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นตามคาดที่ 0.4%  เดิม 0.2% ในเดือนพ.ย.
- คาดการณ์การเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯภายใต้การบริหารของนายไบเดน
- ตลาดหวังการดำเนินงานของทีมบริหารไบเดนจะเป็นตัวผลักดันเงินเฟ้อ
- ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปิดใกล้ระดับสุงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน
- WGC รายงานกองทุน ETF ลดการถือครองทองคำต่อเนื่อง 2 เดือนในเดือนที่ 2 แต่ภาพรวมมีการเข้าซื้อได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนในปี 2020

·         กองทุนทองคำ SPDR เทขายทองคำออก 10.5 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,171.21 ตัน

·         นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำค่อนข้างมีโอกาสขึ้นได้ต่อจากกระแส Blue Wave แต่ก็มีผลต่อการแกว่งของทองคำเนื่องจากมีผลให้เกิดอุปทานในตลาดพันธบัตรเพิ่มมากขึ้น

·         นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จะทำการเผยแผนงบประมาณล้านล้านเหรียญในวันนี้ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯและชาวอเมริกาในการต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา

·         ราคาซิลเวอร์ปิด -0.5% ที่ระดับ 25.45 เหรียญ

·         ราคาแพลทินัมปิด +2.2% ที่ระดับ 1,099.55 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด +0.2% ที่ระดับ 2,396.71 เหรียญ

  

·         หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดหุ้นจาก Goldman Sachs  ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ปรับตัวสูงขึ้น  เป็นหนึ่งใน “ความเสี่ยงด้านการลงทุนปี 2021”

 

·         ความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐฯดำเนินต่อไป หลังจากที่นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ยอมใช้อำนาจตามบทบัญญัติแก้ไขฉบับที่ 25 จึงนำไปสู่การเริ่มฟ้องร้องเพื่อถอดถอนนายทรัมป์ของสภาผู้แทนราษฎรในคืนที่ผ่านมาเพื่อผลักดันให้นายทรัมป์พ้นจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุความรุนแรงในอาคารรัฐสภาที่เกิดขึ้น

 

·         ทรัมป์ประณามเหตุความรุนแรงในรัฐสภา ขณะที่เขาเผชิญกับการฟ้องร้องครั้งที่ 2

 

·         “ทรัมป์” กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่ถูกฟ้องถึง 2 ครั้ง จากเดโมแครตและรีพับลิกันในข้อหาหลักสนับสนุนการก่อจลาจลในรัฐสภา

โดยทางสภาผู้แทนราษฎรโหวตฟ้องทรัมป์ด้วยคะแนนเสียง 232-197 ซึ่งในการลงมติเห็นชอบครั้งนี้รวมสมาชิกพรรครีพับลิกันด้วยจำนวน 10 คน ส่งผลให้สภาฯโหวตผ่านมาตรา 4 ในการฟ้องร้องถอดถอนประธานาธิบดีคนดังในเวลานี้

อย่างไรก็ดี สภาคองเกรสอาจไม่มีเวลาเพียงพอที่จะผลักดันมติเพื่อถอดถอนนายทรัมป์ก่อนสัปดาห์หน้า แม้ว่าพรรครีพันลิกันในวุฒิสภาจะพิจารณาว่านายทรัมป์กระทำความผิดจริง ขณะที่การดำเนินการดังกล่าวอาจยืดเยื้อจนถึงวาระการดำรงตำแหน่งของนายไบเดน

 

·         “มิทช์ แมคคอนเนล” ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภา ชี้ วุฒิสภาไม่มีโอกาสพิจารณาบทลงโทษทรัมป์ได้ทันก่อน “ไบเดน” เข้าพิธีสาบานตน

 

·         “นายชูมเมอร์ส” ผู้นำเสียงข้างน้อยของวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุว่า วุฒิสภาสหรัฐฯอาจมีการโหวตไม่ให้นายทรัมป์มีสิทธิดำรงตำแหน่งอีกครั้งได้

 

·         ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงประจำทีมบริหารของนายไบเดน กล่าวว่า แผนเศรษฐกิจของนายไบเดนจะมุ่งเน้นไปยังการเยียวยาจากวิกฤต Covid-19 เป็นสำคัญผ่านมาตรการฟื้นฟูโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐาน

ดังนั้น คาดว่า นายไบเดน น่าจะมีการเปิดเผยแผนเศรษฐกิจประมาณ 2 ฉบับ

ฉบับแรกคือ “Rescue Bucket” ที่จะประกอบไปด้วย  เช็คกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2,000 เหรียญ ตามที่เขาต้องการไม่ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะดีขึ้นหรือไม่ก็ตาม

อีกฉบับคือ แผน Build Back Better ซึ่งเป็นแผนการฟื้นฟูระยะยาวในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

อย่างไรก็ดี วัตถุประสงค์ต่างๆ จะประกอบที่การจ่ายเช็คโดยตรงเป็นสำคัญ, การอัดฉีดเงินในโรงการฉีดวัคซีน, การทดสอบ และการติดตามหาผู้ติดเชื้อ รวมทั้งงบประมาณให้แก่สถานศึกษาโดยส่วนใหญ่ให้กลับมาเปิดทำการได้ชั่วคราว

 

·         มุมมองสมาชิกเฟดส่วนใหญ่กับความจำเป็นเรื่อง QE

แม้จะมีมุมมองเชิงบวกด้านวัคซีน Covid-19 แต่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ยังจำเป็นต้องมีการสนับสนุนด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มภายใต้การบริหารงานของทีมไบเดน

ขณะที่เฟดเองยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินฉบับพิเศษ ท่ามกลางสมาชิกเฟดที่ค่อนข้างส่งสัญญาณกันด้วยความชัดเจนมากขึ้น

** นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในเจ้าหน้าที่บอร์ดของเฟด กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายที่เฟดวางเอาไว้ ทั้งในเรื่องการจ้างงานและเงินเฟ้อ จึงคาดว่า การเข้าซื้อสินทรัพย์หรือ QE ยังจำเป็นอยู่ในบางเวลา ซึ่งเฟดอาจมีการเพิ่มวงเงินสินทรัพย์หากเราพิจารณาถึงความจำเป็นและความต้องการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แต่เมื่อทิศทางเศรษฐกิจเป็นไปตามแนวโน้มเชิงบวกก็อาจมีการระงับการใช้ QE

 

** นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า การกลับมาฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ของตลาดแรงงานยังคงต้องใช้เวลา

 

** นายริชาร์ด แคลริดาร์ รองประธานเฟด กล่าวว่า เฟดไม่ต้องการขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะเห็นเงินเฟ้อขยับถึง 2%  และแสดงความมั่นใจว่าว่าตลาดจะเชื่อในคำมั่นต่อการเห็นเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

 

** นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน ชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯยังเผชิญกับความอ่อนแอตลอด 2-3 เดือนนี้ จนกว่าวัคซีนจะกระจายได้วงกว้าง ขณะที่โอกาสของวัคซีนและการจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้การบริหารของนายไบเดน ดูจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจในนระยะยาวได้ และหนุนตลาดแรงงานได้

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา ทั่วโลกติดเชื้อใหม่เพิ่ม 724,609 ราย รวมสะสม 92.73 ราย  ด้านยอดเสียชีวิตสะสมใกล้แตะ 2 ล้านราย ล่าสุดอยู่ที่ 1.98 ล้านราย

ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯทะลุ 23.59 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 393,624 ราย

ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯจะเป็นประเทศเดียวที่มียอดติดเชื้ออยู่ในหลักแสน แต่หลายๆประเทศก็มียอดติดเชื้อใหม่รายวันที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้ง อาทิ บราซิล ที่พบยอดติดเชื้อสูงกว่า 60,000 ราย อินเดีย พบยอดติดเชื้อรายวันเพิ่ม 17,000 ราย ทางด้านรัสเซียพบยอดติดเชื้อใหม่เพิ่ม 22,850 ราย และอังกฤษก็พบยอดติดเชื้อใหม่รายวันแถว 50,000 ราย

ขณะที่สเปนพบยอดติดเชื้อรายวันพุ่งใกล้ 40,000 ราย และเยอรมนีพบยอดติดเชื้อใหม่รายวันที่ 23,294 ราย

 

ไทยพบยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่ม 157 ราย เฉียด 1.1 หมื่นราย  โดยพบยอดติดเชื้อสะสมรวมที่ 10,991 ราย

สถานการณ์เช้านี้ไทยรัฐ รายงานว่า “มหาชัย” พุ่งพรวด เจออีก 208 คน “โควิด-19” รอบใหม่ ทะลักแล้ว 60 จังหวัด โดยพบผู้ติดเชื้อที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นชายอายุ 30 ปี เป็นพนักงานขับรถขนส่งสินค้า  ระยองเจอป่วยใหม่ 12 คน สมุทรสาครพุ่งอีก 208 ราย

กรณีที่พบเด็ก 3 เดือนติดเชื้อเป็นการติดเชื้อในครอบครัวรวม 3 คน เป็นแม่อายุ 40 ปี ลูกชาย 2 คน อายุ 7 ขวบ และ 3 เดือน อยู่ในพื้นที่เขตบางบอนใกล้สมุทรสาคร

ส่วนโครงการแจกเงินเยียวยาประชาชน “เราชนะ” กระทรวงการคลังยังกั๊กจ่ายเงินแค่ 28 จังหวัดที่ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและอาจจ่ายผ่านแอปไม่ต้องจับเงินสด ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือแรงงานในระบบประกันสังคม ไม่มีสิทธิร่วมโครงการ

สำหรับข้อกังวลถึงประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวกซ์ ประเทศจีน ที่จะนำเข้ามาปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังผลการทดลองระยะ 3 ในบราซิล ให้ประสิทธิภาพเพียง 50.4% เรื่องนี้ทำให้ล่าสุด อย.ไทย ได้ขอข้อมูลข้อเท็จจริงโดยตรงจากซิโนแวกซ์ไปใหม่ เพราะในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน ซิโนแวกซ์ ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นด้วย ในหลักการ อย.เน้นการพิจารณาใน 3 เรื่อง คือ คุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ

 

·         สหรัฐฯเผชิญการเสียชีวิตรายวันทะลุสูงสุดประวัติการณ์ที่ 4,327 รายในวันเดียว หรือพเมขึ้น 26% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน และมีการประกาศพบผู้ติดเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่จำนวน 2 ราย ในรัฐโอไฮโอ

อย่างไรก็ดี การตรวจพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังเป็นตัวเดียวกับที่พบในประเทศอังกฤษที่ส่งผลให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานวัคซีน

 

·         CEO บริษัท Moderna ชี้ ไวรัสโคโรนาจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต

·         ข้อมูลการทดสอบวัคซีน Covid-19 ของ บริษัท Johnson & Johnson  (J&J) พบว่า การใช้วัคซีนจำนวน 1 โดส มีความปลอดภัยและพบการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

ดร.พอล สตอฟเฟล หัวหน้าเจ้าหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ประจำ J&J ระบุว่า ข้อมูลการทดสอบวัคซีนในเฟสที่ 1 และ 2 พบว่า การใช้วัคซีนทำให้กระบวนการทำงานของแอนตี้บอดี้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกันทางบริษัทก็เชื่อว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงมากพอที่จะต้านไวรัส

 

·         ผลการศึกษาของอังกฤษพบว่า การติดเชื้อ Covid-19 จะช่วยให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันไวรัสตัวนี้อย่างน้อย 5 เดือน

 

·         สหรัฐฯประกาศแบนสินค้าคอตตอน และมะเขือเทศจากจีนทั้งหมด

 

·         อังกฤษประกาศไม่สนับสนุนตลาดแรงงานจีนที่มาจากเมืองซินเจียง พร้อมตำหนิเป็นการเป็นการทรมานและป่าเถื่อน ละเมิดสิทธิมนุษยชน

 

·         รัฐบาลอิตาลีเผชิญวิกฤต หลังอดีตนายกฯ ถอนการสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาล

·         นักบริหารการเงิน ชี้ เงินบาทแข็งค่า ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยภาพรวมอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางเงินหยวน และสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่กรอบการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ จำกัดลงบางส่วน ตามสัญญาณที่ย้ำการเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายของเฟด ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามประเด็นทางการเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้คาดไว้ที่ 29.90-30.20 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังคงรอติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์โควิดทั่วโลก ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และข้อมูลการส่งออกเดือนธ.ค. ของจีน

สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 124.47 ล้านบาท แต่ยังคงขายสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่องที่ 2,402 ล้านบาท

 

·         อ้างอิงจาก The Bangkok Insight

‘เราชนะ’ เปิด 2 กลุ่มรับเงินเยียวยา 7,000 บาทเลย ไม่ต้องลงทะเบียน!

เราชนะ เปิด 2 กลุ่มเตรียมรับเงินเยียวยา 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือนเลย โดยไม่ต้องลงทะเบียน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาสัปดาห์หน้า “รมว.คลัง” ยันรัฐบาลมีเงินเพียงพอ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับประชาชนจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด – 19 รอบใหม่ว่า เป็นมาตรการ ที่ออกมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในภาพรวมจะช่วยในการประคองเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการป้องกันการระบาด ไม่ให้ขยายวงกว้าง

โดยในส่วนของมาตรการ “เราชนะ” จะเป็นการช่วยเหลือ ในกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการดูแล ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่นอกระบบ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า ผู้ขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง คาดว่า มีอยู่ราว 30 – 35 ล้านคน ที่มีสิทธิจะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งกระทรวงการคลัง จะนำเสนอรายละเอียดต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งก่อนเปิดให้ลงทะเบียน