• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 มกราคม 2564

    18 มกราคม 2564 | Gold News


ราคาทองคำปิดปรับตัวลงกว่า 1จากดอลลาร์กลับมาแข็งค่า!

·         ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลงกว่า 1% ในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางภาพรวมทองคำปิดรายสัปดาห์แดนลบต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ท่ามกลางดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่า และทองคำถูกใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อของสหรัฐฯจากการใช้มารกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -1ที่ระดับ 1,827.90 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดปรับตัวลงไปกว่า 1.3%

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -1.2ที่ระดับ 1,829.90 เหรียญ

 

·         ราคาซิลเวอร์ปิด -3.5% ที่ 24.63 เหรียญ โดยช่วงต้นสัปดาห์ปรับตัวลดลงไปกว่า 3.8%

 

·         ราคาแพลทินัมปิด -3.9% ที่ 1,074.63 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดดิ่งลึกกว่า 4.4%

 

·         ราคาแพลทินัมปิด -0.8ที่ 2,389.88 เหรียญ

 

·         SPDR ซื้อเพิ่ม 16.63 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,177.63 ตัน

 

·         จับตากลุ่มผู้ขายบริเวณแนว 1,800 เหรียญ ท่ามกลางสัญญาณที่ผสมผสานกัน

 

ราคาทองคำเคลื่อนไหวแถว 1,820 เหรียญ หลังจากที่เช้านี้ร่วงไปแนว 1,804 เหรียญในตลาดเอเชีย แม้ว่าตลาดจะมีสภาวะ Risk-Off ที่ยังทำให้ดอลลาร์ยังเป็นที่น่าสนใจอยู่ และภาพรวมตลาดยังขาดปราศจากปัจจัยหลักใหม่ๆ ท่มกลางสัญญาณที่ผสมผสานกัน

 

 


FXStreet วิเคราะห์ทองคำทางเทคนิค ค่อนข้างชัดเจนว่าหากทองคำหลุดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันของ SMA ลงมาก็อาจยิ่งทำให้กลุ่มผู้ขายที่รอปิดสถานะทำกำไรปิดสถานะได้ และการปิดสถานะที่ตามมาอาจก่อให้เกิดแรงซื้อกลับและมีโอกาสเห็นทองคำผ่านเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 200 วันบริเวณ 1,846 เหรียญได้ และนี่อาจเพิ่มความท้าทายให้แก่ระดับสูงสุดสัปดาห์ที่แล้วที่ 1,865 เหรียญ

 

 

·         ค่าเงินดอลลาร์สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับแข็งค่าขึ้นได้มากสุดตั้งแต่ต.ค. ปี 2020 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับเคลื่อนไหวใกล้สูงสุดรอบ 10 เดือนในช่วงต้นสัปดาห์ จึงกดดันความต้องการทองคำ

 

 

·         นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered กล่าวว่า ดอลลาร์แข็งค่า ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงกระตุ้นให้ระยะสั้นทองคำกลับสู่สภาวะปรับฐาน แต่ภาพระยะยาวยังมีสัญญาณซื้อกลับจากแนวโน้ม “การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ” และแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะก่อให้เกิด “แรงเทขายในดอลลาร์” ประกอบกับตลาดมีพันธบัตรมีภาวะกดดันจากโอกาสที่เฟดจะลด QE

 

·         หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการซื้อขายทองคำจาก BMO มองว่า ทีมบริหารนายไบเดนมีโอกาสจะสนับสนุนทางการเงินได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ระยะสั้นดอลลาร์และความกังวลของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มสูงขึ้นถือเป็นปัจจัยหลักที่กดดันทองคำ

 

 

·         หัวหน้าเทรดเดอร์จาก  U.S. Global Investors กล่าวว่า ในทางเทคนิค ทองคำจะมีแนวรับแข็งแกร่งที่ 1,775 เหรียญ ที่หากปรับลงมามีโอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อกลับเข้าสู่ตลาดได้อีกครั้ง

 

·         ทองคำทางเทคนิคกลับสู่ภาวะ “ขาลง”

นักวิเคราะห์จาก FXStreet วิเคราะห์ว่า ทองคำมีสัญญาณกลับมาเป็นขาลงอีกครั้งหลังจากไม่สามารถกลับไปทำสูงสุดมากสุดในรอบกว่า 9 ปี เหนือ 2,000 เหรียญที่เคยทำไว้ในเดือนส.ค. ปี 2020 ได้ ทำให้ภาพทางเทคนิคขาขึ้นไม่สดใส และภาพรวมตลาดกลับมาเป็นขาลงอีกครั้งหนึ่ง และจะเห็นได้ว่าตลอดช่วง 2 สัปดาห์ ทองคำปรับตัวลดลงจาก 1,950 เหรียญ ลงมาที่ 1,825 เหรียญ

แนวโน้มทองคำอยู่ภายใต้แรงกดดัน และอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันของเส้น SMA


ทั้งนี้ เส้นค่าเฉลี่ย MACD ก็ยังสะท้อนถึงภาวะขาลง ดังนั้น ในทางเทคนิคภาพรวมของทองคำจึงเป็นขาลงในภาพรายวัน

ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA ราย 12 วัน เคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 26 วัน จึงยิ่งเพิ่มโอกาสขาลงให้แก่ทองคำมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี หากทองคำปิดเหนือแนว 1,820 เหรียญ ก็อาจเพิ่มแรงกระตุ้นให้เกิดการซื้อกลับของทองคำได้ ก็อาจมีแรงหนุนเพียงพอที่จะทำให้ทองคำปรับขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย 1,900 เหรียญ


·         COVID-19 กดดันยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลการผลิตยังสดใส

ข้อมูลค้าปลีกสหรัฐฯร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนธ.ค. อันเป็นผลจากมาตรการจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้เกิดคนว่างงานที่มากขึ้น และเป็นหลักฐานที่สะท้อนถึงบาดแผลทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสิ้นปี 2020




ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่ออกมาแย่กว่าที่คาด แตะ -0.7%  ในเดือนธ.ค. ปิดปีแดนลบ ขณะที่ข้อมูลค้าปลีกที่ไม่รวมกับกลุ่มยานยนต์, น้ำมัน, วัสดุอุปกรณ์การก่อสร้าง และภาคบริการอาหาร ปรับตัวลงมา -1.4% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ข้อมูลเดือนก่อนหน้าถูกปรับทบทวนดิ่งลงมาที่ -1.3%

กลุ่มผู้บริโภคมีการปรับลดค่าใช้จ่ายในกลุ่ม อุปกรณ์กีฬา, งานอดิเรก, อุปกรณ์ดนตรี และร้านหนังสือ ควบคู่กับสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่ม จึงบดบังการปรับขึ้นของยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 1.9% ขณะที่ความต้องการเสื้อผ้ายังเพิ่มสูงขึ้น 2.4%

 

·         นางเจเน็ต เยลเลน” ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯไม่จำเป็นต้องทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า

รายงานจาก The Wall Street Journal ระบุว่า นางเจเน็ต เยลเลน ผู้ที่มาเข้ารับตำแหน่งว่าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯคนต่อไป แสดงท่าทีที่ค่อนข้างชัดเจนว่า สหรัฐฯไม่ต้องการลดค่าเงินดอลลาร์ และมูลค่าของดอลลาร์กับค่าเงินอื่นๆอาจเป็นผลจากตลาดที่ปรับมูลค่าตามทิศทางเศรษฐกิจของประเทศและเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี เราควรต่อต้านความพยายามของประเทศอื่นๆที่จะทำการแทรกแซงค่าเงิน

 

·         นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดน พร้อมมองว่าเป็นเรื่องที่ “เหมาะสม” ในเวลานี้

 

·         Goldman Sachs ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯปี 2021 โดยมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นคาดปีนี้จะโตขึ้นได้อีก 0.5สู่ระดับ 6.4จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.9อันเป็นผลจากความพยายามของพรรคเดโมแครตในการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้  แม้ว่าจำนวนยอดติดเชื้อไวรัสจะเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก และเป็นปัจจัยเสี่ยงขาลงทางเศรษฐกิจก็ตาม

นอกจากนี้  Goldman Sachs ยังคาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านเหรียญ จะรวมด้วยเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับคนว่างงานเพิ่มขึ้นในวงเงิน 3 แสนล้านเหรียญ

ขณะเดียวกัน Goldman Sachs มองอัตราว่างงานสหรัฐฯอาจลดต่ำลงแตะ 4.8ได้ในปีนี้ และที่ระดับ 4.3ในปี 2022

และในปี 2023 คาดจะอยู่ที่ 3.9ขณะที่ปี 2024 อาจลงต่อมาที่ 3.6%

 

·         CORONAVIRUS UPDATES:

ยอดติดเชื้อทั่วโลกรายวันวานนี้เพิ่มขึ้นกว่า 518,000 ราย ส่งผลให้ภาพรวมทั่วโลกมียอดติดเชื้อสะสม 95.45 ล้านราย  และยอดเสียชีวิตรวมสะสมทะลุ 2 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ที่ระดับ 2.03 ล้านราย

 


สหรัฐฯครองแชมป์ติดเชื้อสูงสุดล่าสุดใกล้แตะ 25 ล้านราย โดยรวมสะสมที่ 24.47 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตทะลุ 407,000 ราย

 

ด้านบราซิลมียอดติดเชื้อสะสมขยับใกล้ทะลุ 9 ล้านราย ด้านรัสเซียจ่อ 4 ล้านรายในเร็วๆนี้ ขณะที่อังกฤษพุ่งนำมาที่ 3.39 ล้านราย

 

สำหรับฝรั่งเศสพบยอดติดเชื้อใกล้แตะ 3 ล้านราย โดยมียอดติดเชื้อรายวันที่ 16,642 ราย รวมสะสมที่ 2.91 ล้านราย

 

สถานการณ์ในฝั่งเอเชีย

- ญี่ปุ่นติดเชื้อสะสมทะลุ 300,000 ราย รวมสะสมล่าสุดที่ 322,296 ราย และมียอดเสียชีวิตรวม 4,446 ราย

- จีนยังมียอดติดเชื้อรายวันหลักร้อย โดยล่าสุดรวมสะสมที่ 88,227 ราย ขณะที่เกาหลีใต้ติดเชื้อสะสมทะลุ 72,000 รายเป็นที่เรียบร้อย

 

ไทยมียอดติดเชื้อพุ่งเหนือ 12,000 ราย พบยอดสะสมล่าสุดแตะ 12,054 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงที่ 70 ราย

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ม.ค. ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 188 ราย
ในวันเสาร์ที่ 16 ม.ค. พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 230 ราย
และวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 374 ราย

รวม วันทำการมียอดติดเชื้อเพิ่มกว่า 792 รายและพบยอดติดเชื้อในประเทศรวม 61 จังหวัด โดยจังหวัดสมุทรสาครยังคงพุ่งไม่หยุดจากการค้นหาเชิงรุก




ขณะที่จังหวัดที่ 61 ที่ติด Covid-19 เพิ่ม ได้แก่ “พัทลุง” จากการตรวจหาเชิงรุก

จังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 16 จังหวัด คือ
1.ศรีสะเกษ              2.ยโสธร                 3.บึงกาฬ                 4.กาฬสินธุ์             

5.สกลนคร               6.นครพนม              7.มุกดาหาร             8.แพร่

9.พะเยา                  10.เชียงราย             11.แม่ฮ่องสอน         12.อุทัยธานี

13.พังงา                 14.ชุมพร                 15.ปัตตานี               16.ยะลา

 

กระทรวงสาธรณสุขไทย เตือน แพร่เชื้อในครอบครัวจากผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่แสดงอาการ ขณะเดียวกันล่าสุดตรวจพบแรงงานต่างด้าวลามใต้ จึงกำลังเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวเริ่มพบติด Covid-19 ภาคใต้

 

 

·         ไบเดน” เริ่มผลักดันงบวัคซีน สายพันธุ์ใหม่อังกฤษเตรียมระบาดในสหรัฐฯ มี.ค.



ผู้ว่าการรัฐซานฟรานซิสโก ประกาศแผนกระจายวัคซีนที่จะประกอบไปด้วย 3 พื้นที่ใหญ่ ควบคู่กับแผนการสื่อสารทั่วพื้นที่ดังกล่าวที่รองรับทั้งทางเว็บไซต์และแอพลิเคชันทางโทรศัพท์ โดยทุกอย่างจะเริ่มในสัปดาห์นี้จากที่ได้รับวัคซีนแล้ว

 

WHO ชี้ วัคซีนไม่ใช่ทุกอย่างในการจัดการกับ Covid-19 และการหวังพึ่งพาวัคซีนเพียงอย่างเดียวจะยิ่งสร้างความเสียหายแก่ประชาชน

ทั้งนี้ WHO ระบุว่า วัคซีนไม่ใช่สิ่งเดียวในการแก้ไขปัญหา และอาจเห็นสถานการณ์เลวร้ายลงหากมีการเข้าควบคุมมาตรการต่างๆ

 

·         CDC ระบุว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษ (B.1.1.7) อาจระบาดในสหรัฐฯ อาจระบาดลุกลามแรงทั่วสหรัฐฯ ประมาณช่วงมี.ค.

 

·         อังกฤษคุมเข้มแนวพรมแดน หวังจำกัดการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ และป้องกันการลักลอบเข้าพรมแดนจากหลายๆประเทศที่ไม่ยอมกักตัว

 

·         Pfizer ชะลอการผลิตวัคซีนส่งออกไปยังยุโรป หลังพบการเสียชีวิตของผู้ที่ได้รับวัคซีนของบริษัท Pfizer ในประเทศนอร์เวย์ จำนวน 23 ราย  โดยพบว่าจำนวน 13 รายที่รักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นกลุ่มอายุไม่น้อยกว่า 80 ปี

กระทรวงสาธารณสุขประเทศนอร์เวย์ ประกาศ ลดการนำเข้าวัคซีนของบริษัทยาดังกล่าวตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป และทำให้บริษัทได้รับผลกระทบทางด้านการขนส่งวัคซีนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค. ถึงต้นเดือนก.พ. แต่ก็จะเตรียมความพร้อมสำหรับการเพิ่มจำนนวโดสในการใช้รักษาผู้ป่วยระหว่างช่วงปลายก.พ. และมี.ค. ต่อไป

 

·         อินเดียเริ่มฉีดวัคซีน Covid-19 ด้วยจำนวนที่มากที่สุดของโลก

รัฐบาลอินเดียหวังฉีดได้ครบกับจำนวนประชากร 300 ล้านคน โดยแบ่งกลุ่มการฉีด ที่ไม่รวมกลุ่มเด็กเล็ก 26 ล้านคน ดังนี้

กลุ่มบุคคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานประเภท Front-Line จำนวน 30 ล้านคน

กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส 270 ล้านคน

โดสแรกเข้าถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานด้านสุขภาพที่ประจำการที่ All Indian Institute of Medical Sciences ณ กรุงนิวเดลี ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ

ขณะที่ นายโมดี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียให้ความสำคัญกับประชาชนทุกชนชั้นทั่วประเทศ และจะเริ่มฉีดโดสแรกให้ประชาชนกลุ่มแรก ตั้งแต่ฝั่งเทือกเขาหิมาลัย จนถึงเกาะอันดามันในอ่าวเบงกอล

 

·         อินเดียเตรียมพิพาทสหรัฐฯ จากแผนการซื้อระบบป้องกันของ S-400 ของรัสเซีย โดยสหรัฐฯจ่อคว่ำบาตรอินเดีย ด้วยการที่จะไม่ละเว้นค่าธรรมเนียมหากอินเดียมีการซื้อระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซีย ภายใต้กฎหมายคว่ำบาตรสหรัฐฯฉบับปี 2017 ที่อาจส่งผลต่อข้อตกลงการค้าด้วย ขณะที่อินเดียชี้แจงว่าการซื้อดังกล่าวเพื่อเป็นการป้องกันการคุกคามจากทางจีน

ทั้งนี้ จีนและอินเดียเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งบริเวณพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยตั้งแต่เม.ย. ปีที่ผ่านมา สร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในรอบกว่า 10 ปี

 

·         จีนจะเผยข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสที่4/2020 คาดฟื้นตัวรวดเร็ว และอาจช่วยหนุนการเติบโตปี 2021 ต่อเนื่อง  โดยบรรดานักวิเคราะห์คาดว่า จีดีพีจีนจะโตได้ 6.1ในไตรมาสที่ 4/2020 จากไตรมาสที่ 3 ที่โตได้ 4.9และอาจทำให้จีดีพีปี 2021 นี้ มีแนวโน้มขยายตัวได้ 2.1%

 


·         จีดีพีจีนปี 2020 โตได้ 2.3% แต่การใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง

 

ข้อมูลจีดีพีจีนในปี 2020 โตได้ 2.3% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะโตเพียงได้ 2% ท่ามกลางจีดีพีทั่วโลกที่ยังถูกกดดันจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

 

ขณะที่ข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้บริโภคจีนหดตัวลง -3.9% ในปีที่แล้ว

ข้อมูลค้าปลีกไตรมาสที่ 4 ขยายตัวได้ 4.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

จีดีพีไตรมาสที่ 4/2020 ของจีน โตได้ 6.5%  เมื่อเทียบรายปี

 

·         สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯพิจารณาความล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าของหน่วยความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองที่ปล่อยให้เกิดเหตุจลาจลในอาคารรัฐสภาเมื่อ ม.ค. ที่ผ่านมา

 

·         พรรค CDU ของนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเลือก นายอาร์มิน แลสเช็ท” มาดำรงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ และจะท้าชิงเก้าอี้นายกฯคนต่อไปในศึกเลือกตั้งช่วงปลายปีนี้

 

อย่างไรก็ดี นายแลสเช็ท มีแนวทางการดำเนินงานที่สานต่อจากนางแมร์เคล โดยเขามุ่งเน้นมากขึ้นในเรื่อง นโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และหัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม

 

·         มาเลเซียยื่นเรื่องต่อ WTO ดำเนินการทางกฎหมายต่ออียูเพื่อจำกัดพลังงานจากปาล์ม


·         รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่ประกาศลาอกกจากเหตุอื้อฉาวเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์โครงการ Childcare


·         สัปดาห์นี้เน้นติดตามรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารและ Netflix ที่จะสะท้อนแนวโน้มบริษัทเป็นผู้นำด้านธุรกิจ กับภาคส่วนทางการเงิน


·         อ้างอิงจากสำนักข่าว “ข่าวสด”

เงินบาททรงตัวในกรอบแคบ ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวลงตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน



ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่29.80-30.20 บาท/ดอลลาร์

ติดตามปัจจัยสำคัญ ได้แก่

- สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐ ซึ่งมีจุดสนใจอยู่ที่พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ (20 ม.ค.)
- สัญญาณการระบาดของ
 Covid-19
ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่น

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่
- ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย
- ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟียเดือนม.ค.
- ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค.
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตาม
- ตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค.63 ของไทย
- ผลสำรวจ 
PMI เบื้องต้นของสหรัฐ ยูโรโซน และอังกฤษในเดือนม.ค.
- ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/2020 และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ เดือนธ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

 

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย



หุ้นไทยร่วงลงช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,519.13 จุด ลดลง 1.13% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 97,857.15 ล้านบาท ลดลง 17.52% จากสัปดาห์ก่อน

หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ ระหว่างประเมินสถานการณ์ Covid-19 ทั้งในและต่างประเทศ ก่อนจะทยอยปรับตัวขึ้นในช่วงต่อมาขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพื่อเยียวยาผลกระทบของ Covid-19

อย่างไรก็ดี หุ้นไทยร่วงลงในเวลาต่อมาตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการทบทวนหลักเกณฑ์ฟรีโฟลท ประกอบกับมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน เข้ามาลดทอนแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของนายโจ ไบเดน ในช่วงปลายสัปดาห์

 

สำหรับสัปดาห์นี้ คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,500 และ 1,485 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,535 และ 1,550 จุด ตามลำดับ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- สถานการณ์
 Covid-19
มาตรการเยียวยาผลกระทบ Coivd-19
ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2563 ของบจ. ไทยโดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่
- ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค.
- ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.
- ดัชนี 
PMI Composite เดือนม.ค.

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่
- ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 
4/2020 ของจีน
- การประชุม 
BOJ
- การประชุม 
ECB
- ดัชนี 
PMI Composite เดือนม.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดเพื่อตรวจสอบบ่อน-แรงงานเถื่อน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง

- สภาฯ เข้มมาตรการสกัดโควิด-19 รองรับกลับมาเปิดประชุม 20-22 ม.ค.นี้

- พรรคร่วมฝ่ายค้านเคาะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นรายบุคคล 25 ม.ค.นี้

ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคาะวันเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล-นายกเทศมนตรี 28 มี.ค.64

- สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เตรียมส่งเรื่อง STEC ขอลด-งดค่าปรับให้กรมบัญชีกลางพิจารณา

นายกฯไทย สั่งปราบปรามบ่อนพนัน-ยาเสพติด ชี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

EOD ตรวจเหตุบึ้มหน้าจามจุรีสแควร์พบเป็นระเบิดปิงปอง เชื่อหวังผลทางการเมือง

กรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณเมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ด้านหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ ฝั่งถนนพระราม ใกล้แยกสามย่านวานนี้ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิด คนว่า จากการเข้าตรวจสอบของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือ อีโอดี พบเป็น วัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบประทัดปิงปอง

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวยืนยันว่าการชุมนุมเป็นสิทธิ แต่ขณะนี้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และแจ้งการจัดชุมนุมไม่ได้ เนื่องจากขัดพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ ทำให้การดูแลการชุมนุมสาธารณะของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งการดูแลสถานที่ ความปลอดภัยทำได้ไม่ง่ายนัก จึงเป็นเหตุให้เกิดการแทรกซึมของบุคคลที่ 3 ที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบมีความเป้นไปได้ อย่างไรก็ตามทางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ส่งทีมสืบสวนจากทุกส่วนเข้าคลี่คลายในเรื่องนี้อยู่

 

- ม็อบราษฎร ประณามการใช้ความรุนแรงจับการ์ดปลดแอก จี้ตำรวจปล่อยตัว

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com