MTS Help Center

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 ท่ามกลางตลาดที่กำลังจับตาวิธีการผลักดัน 2 เรื่องสำคัญ

1) แผนต่อสู้ Covid

2) แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญ

ประวัติศาสตร์ประธานาธิบดี vs ดัชนี S&P500

นายจอห์น เอฟ. แคนเนดี้ ก็เห็นดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ 8.8% เป็นอีกหนึ่งปีที่ดีที่สุด

ตามมาด้วยการรับตำแหน่งของ จอมพล ดไวต์ เดวิด ไอก์ ไอเซนฮาวร์ ที่ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ 6.3%

ยุคนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเห็นดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ 6.2%

สำหรับ “นายไบเดน” เริ่มก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยการทำให้ตลาดหุ้นช่วงก่อนวันเลือกตั้ง ปรับขึ้นได้ประมาณ 13%

ข้อมูลจาก CFRA มองว่า ดัชนี S&P500 ทำระดับที่ดีที่สุดในช่วงระหว่างเลือกตั้งและพิธีสาบานตนของประธานาธิบดียุคก่อนๆ นับตั้งแต่ที่มีการเก็บข้อมูลไม่น้อยกว่าปี 1952

จะเห็นได้ว่านายไบเดน ยังรับช่วงการขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯได้เป็นอย่างดี ซึ่งตั้งแต่ที่มีการเก็บค่าเฉลี่ยการที่พรรคเดโมแครตครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงปีแรกได้หนุนตลาดหุ้นไปร้อยละ 11.3%

นายไบเดนให้สัญญาจะผลักดันแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ คือ หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดให้การจับตามองว่าจะได้รับชัยชนะในการผ่านร่างจากสภาคองเกรสหรือไม่?

สัปดาห์นี้เริ่มต้นกันที่ในวันจันทร์เปิดสัปดาห์ด้วยวันหยุดของสหรัฐฯ Martin Luther King Jr. Day holiday แต่ในเวลาเดียวกันช่วงเริ่มต้นตลาดก็มีการประกาศผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มของดัชนี S&P500 ไม่ว่าจะเป็น Bank of America, Goldman Sachs และ Procter & Gamble รวมทั้งบริษัทรายใหญ่อื่นๆที่นับรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 12 แห่ง

มาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ VS ตลาดหุ้น

ตลาดต่างๆยังคงจับตาด้วยท่าทีระมัดระวังว่านายไบเดนจะสามารถเชื่อมความแตกต่างและไม่ลงรอยกันระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้หรือไม่ ท่ามกลางเสียงที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยในสภาคองเกรส

- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายการลงทุนจาก CFRA มองว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้เป็นเรื่องที่ดี และน่าจะนำมาซึ่ง “การประนีประนอมครั้งใหญ่”

- นักกลยุทธ์ในทางการเมือง คาดว่า นายไบเดน จะได้รับ “การอนุมัติ” ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจของเขา

นายเอ็ด มิลล์ นักวิเคราะห์ฝ่ายนโยบายสหรัฐฯ ประจำ Raymond James กล่าวว่า แพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดน อาจถูกปรับลดเหลือเพียง 1 ล้านล้านเหรียญ จึงจะผ่านร่างกฎหมายของสภาคองเกรสได้

อย่างไรก็ดี ภาพรวมช่วง 100 วันแรกอขงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เชื่อว่าดัชนี S&P500 น่าจะตอบรับได้ดีราว 3.5% เช่นเดียวกับการรับตำแหน่งของประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตในปี 1952 ขณะที่พรรครีพับลิกันดูจะมีค่าเฉลี่ยที่หนุนตลาดหุ้นได้เพียง 0.5%

เมื่อย้อนไปช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ดัชนี S&P500 โดยเฉลี่ยช่วง 1 ปีแรกของการที่พรรคเดโมแครตดำรงตำแหน่งจะอยู่ที่ร้อยละ 11.3% แต่ในยุคของรีพับลิกันจะเทียบได้ว่าอยู่ที่ระดับราว 5.7% เท่านั้น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีแนวโน้มจะจับตาไปยัง “ตลาดพันธบัตร” หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นเหนือ 1.18% ได้ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่เดือนมี.ค. ก่อนจะอ่อนตัวลงมาราว 1.08% จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญของตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้

วันจันทร์

- วันหยุดประจำชาติเนื่องในวัน Martin Luther King Jr. Day

- ตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการ

วันอังคาร

- รายงานผลประกอบการภาคบริษัทต่างๆ ได้แก่
Bank of America
Goldman Sachs
Netflix
Charles Schwab
Comerica
Halliburton
State Street
Interactive Brokers
J.B. Hunt
Zions Bancorp
FNB

- 20.30น. ผลสำรวจผู้นำภาคธุรกิจ a.m. Business leaders survey

- 04.00น. (วันพุธเช้า) ข้อมูลการค้าสหรัฐฯ TIC

วันพุธ

- ไบเดน เข้าสู่พิธีสาบานตนรับมอบตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

- รายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆ ได้แก่
Procter & Gamble
U.S. Bancorp
Citizens Financial
Bank of NY Mellon
Fastenal
United Airlines
Alcoa
Discover Financial

- 22.00น. ผลสำรวจ NAHB (ภาคอสังหาริมทรัพย์)

วันพฤหัสบดี

- รายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆ ได้แก่
Intel
IBM
Travelers
Baker Hughes
CSX
PPG Industries
Intuitive Surgical
Northern Trust
Union Pacific
Truist Financial
Fifth Third
KeyCorp

- 20.30น. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ, ข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านใหม่ และ ข้อมูลผลสำวจภาคธุรกิจประจำเขตฟิลาเดเฟีย

วันศุกร์

- รายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆ ได้แก่
Regions Financial
Schlumberger
Ally Financial
Huntington Bancshares
Kansas City Southern

- 21.45น. รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการ

- 22.00น. ยอดขายบ้านมือสอง

ที่มา: CNBC