· ดอลลาร์อ่อนค่าลงจากสูงสุดรอบ 1 เดือนจากนักลงทุนจับตานโยบายค่าเงินของไบเดน
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ท่ามกลางตลาดมีท่าทีระมัดระวังและให้ความสำคัญกับ
1) ถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯในคืนนี้
2) การดำเนินนโยบายค่าเงินของทีมบริหารไบเดน
ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตลาดเอเชียวันนี้ ส่งผลให้เกิดแรงหนุนในความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่กดดันค่าเงินในกลุ่ม Safe-Haven อย่างดอลลาร์และเยนแทน
เมื่อวานนี้ ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงประมาณ 0.1% หลังจากช่วงต้นตลาดไต่ขึ้นสู่ระดับ 90.94 จุด ซึ่งเป็นระดับสุงสุดครั้งแรกตั้งแต่ 21 ธ.ค. หลังจากที่ Wall Street Journal รายงานถ้อยแถลงของนางเยลเลน เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายค่าเงินต่อวุฒิสภาเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งดูจะมี "แนวทางที่แตกต่างจากนายทรัมป์" และเป็นปัจจัยที่ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า
นักวิเคราะห์หลายๆรายคาดว่า ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อในปีนี้
หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก CMC Markets ชี้ว่า ถ้อยแถลงของนางเยลเลน เป็นการสะท้อนว่า "ไม่ต้องการเห็นดอลลาร์อ่อนค่า" แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโดยองค์รวมจะไม่ส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของเฟด ที่ต้องการให้ "ดอลลาร์อ่อนค่า" ดังนั้น ดอลลาร์ที่ปรับขึ้นเล็กน้อยในช่วงนี้ จึงมีแนวโน้มจะอ่อนค่าต่อในองค์รวม
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากความผันผวนของตลาด ขณะที่ Hedge Funds มีการเพิ่มปิดสถานะ Short ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่พ.ค. ปี 2011 ในสัปดาห์ก่อน
ค่าเงินยูโรวันนี้แข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ 1.2095 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ร่วงลงไปแตะ 1.2054 ดอลลาร์/ยูโรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 2 ธ.ค. เมื่อวานนี้ ท่ามกลางตลาดสหรัฐฯที่ปิดทำการในวัน Martin Luther King Jr. Day
ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ปรับปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% หลังจากที่อ่อนค่าลงไป 0.2% เมื่อคืนนี้
ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นราว 0.3% บริเวณ 104.05 เยน/ดอลลาร์ และภาพรวมเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากที่อ่อนค่าไปทำสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ 104.40 เยน/ดอลลาร์
· ค่าเงินยูโรมีโอกาสทดสอบ 1.2100 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางดอลลาร์ถูกเทขาย - รอข้อมูล ZEW - เยลเลน
- ยูโรมีโอกาสแข็งค่ากลับ จากสภาวะแข็งค่าของดอลลาร์ที่ต้องระมัดระวัง
- ความเชื่อมั่นในตลาดเป็น Risk-On กดดันดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญต่อไปคือ "ZEW เผยข้อมูลเชื่อมั่นในเยอรมนี" และ "ถ้อยแถลงเยลเลน"
ForexCrunch รายงานว่า ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวใกล้ 1.2100 ดอลลาร์/ยูโรในช่วงตลาดยุโรปเปิดทำการ อันเป็นผลจากความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และคาดการณ์เกี่ยวกับการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่กดดัน "ดอลลาร์" ที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
FXStreet วิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิค
ค่าเงินยูโรมีโอกาสแข็งค่าต่อหากผ่าน 1.2100 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งอาจเห็น 1.2116 ดอลลาร์/ยูโร และน่าจะทำให้เกิดแรงเข้าซื้อกลับในยูโรอีกครั้ง ดังนั้น จึงต้องจับตาจุดสูงสุดใหม่ในรอบหลายเดือนเหนือ 1.2349 ดอลลาร์/ยูโร
อย่างไรก็ดี ยูโรอาจอ่อนค่าลงได้หากหลุดแนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณ 1.2045 - 1.2040 ดอลลาร์/ยูโรลงมา
· พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ "นายไบเดน" และทีมบริหารสหรัฐฯชุดใหม่
พิธีสาบานตนถูกกำหนดไว้ทุกวันที่ 20 ม.ค. เวลา 12.00น. เป็นต้นไป (ตามเวลไทยประมาณเที่ยงคืน) ซึ่งจะเป็นวันสำคัญที่ผู้ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีและทีมงานของเขาเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าพิธีสาบานตนเป็นคนแรก ตามมาด้วยประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ต่อหน้าคณะทำงาน 4 บทบาทสำคัญ ณ สภาคองเกรส โดยมีสักขีพยานที่เข้าร่วมพิธีการในครั้งนี้ คือ "คณะกรรมาธิการกำกับดูแลร่วมรัฐสภา" และจากนั้นจะเป็นการเดินขบวนพาเหรดในรัฐเพนซิลเวเนีย
วาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯและรองประธานาธิบดีคนใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ 12.00น. ในวันนั้น ณ รัฐวอชิงตัน ดี.ซี.
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่จะจับตาดูขบวนพาเหรดที่ตั้งแถวที่ทำเนียบขาวและเดินผ่านประชาชนนับพันราย ขณะที่ประชาชนหลายๆคนก็เฝ้ารอชมพิธีการผ่านทางโทรทัศน์ หรือรับฟังผ่านทางวิทยุ
อย่างไรก็ดี พิธีการดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นใน 3 รัฐฯ และ 1 เขตสำคัญรัฐบาล และจะมีผลให้ในพื้นที่ดังกล่าวมีการปิดสถานศึกษาและภาคธุรกิจส่วนใหญ่ปิดทำการ
· ที่ปรึกษาด้าน Covid-19 ของทีมบริหารไบเดน เผชิญ "ความท้าทาย" จากการที่ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กส่งจดหมายขอซื้อวัคซีนโดยตรงจากบริษัท Pfizer
ดร.ซีลีน กอนเดอร์ หนึ่งในสมาชิกที่ปรึกษาด้าน Covid ของทีมบริหารนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิ ทีมบริหารนายไบเดน ที่ตอบสนองต่อการจัดการด้าน Covid-19 เพียงเล็กน้อย และแจกจ่ายให้แต่ละรัฐอย่างไม่ทั่วถึง จึงเกิดการแย่งชิงวัคซีนที่ทุกฝ่ายต่างต้องการ
วันศุกร์ที่ผ่านมา นายแอนดรูว์ คูโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า รัฐบาลมีการจัดส่งวัคซีนให้เพียงเล็กน้อยจำนวน 50,000 โดส ซึ่งน้อยลงกว่าสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางหน่วยงานศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติ (CDC) เพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค.
เมื่อวานนี้ นายคูโม มีการส่งจดหมายหาบริษัท Pfizer เพื่อร้องขอการจัดซื้อวัคซีนโดยตรงจากบริษัท ขณะที่สัปดาห์ก่อน นายเกร็ทเชน วิธเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ก็มีการทำแบบเดียวกันในการร้องของจาก นายอเล็กซ์ อาซาร์ โฆษกการบริการด้านสุขภาพและทางสังคม
ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ นายกอนเดอร์ กล่าวตำหนิว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นการแก้ปัญหามากกว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ นายคูโม ที่ถือเป็นหนึ่งในสมาชิกจากรรคเดโมแครต ยังกล่าว ทีมบริหารของนายทรัมป์มีการจัดส่งวัคซีนแก่รัฐนิวยอร์กของเขาไม่เพียงพอจากที่ควรจะได้รับ 250,000 โดส กลับได้เพียง 50,000 โดสในสัปดาห์ก่อน
· ไบเดน "เมิน" ทรัมป์คลายการเดินทางจากอังกฤษ, ยุโรป และบราซิล ลั่นไม่ยกเลิกมาตรการ พร้อมเข้มงวดต่อสู้ Covid-19
· เยลเลน เรียกร้อง "คองเกรส" ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้กับภาวะการระบาดที่จะเลวร้ายลง
· COVID-19 ระบาดระลอกใหม่ในจีน นับว่าเลวร้ายที่สุดตั้งแต่เดือน มี.ค. 2020
จีนต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 โดยในแต่ละมณฑลมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในแต่ละวัน ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบการระบาดทั่วโลกกล่าวว่าจีนอาจดำเนินการอย่างเข้มงวดมากขึ้นเพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิดในเบื้องต้น
ทั้งนี้หน่วยงานด้านสุขภาพแห่งชาติรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดมากกว่า 100 ราย ติดต่อกันเป็นวันที่เจ็ดในวันนี้ และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 118 ราย เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 109 รายต่อวัน
โดยกรุงปักกิ่งรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ขณะที่เฮยหลงเจียงทางตอนเหนือรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27 ราย
· องค์กรอิสระของจีนมีการปรับมาตรการทางด้านสุขภาพในเดือนม.ค.นี้ เพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะเดียวกันก็มีการ "วิจารณ์ WHO" ที่ไม่ประกาศให้ชัดเจนถึงภาวะการระบาดฉุกเฉินระดับโลก จนถึง 30 ม.ค.
· NHK รายงานว่า จังหวัดชิซุโอกะของญี่ปุ่นส่งสัญญาณเตือน "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ" หลังพบผู้ติดเชื้อที่ไม่มีประวัติการเดินทางไปยังอังกฤษ
· นางแครี่ แลม ผู้บริหารสูงสุดแห่งเกาะฮ่องกง ประกาศขยายเวลามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หลังยอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 107 ราย วานนี้ ซี่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 1 เดือน จุดประกายความกังวลของการติดเชื้อระลอกใหม่ ท่ามกลางภาคธุกิจที่พร้อมรับมือกับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น
· บราซิลเริ่มฉีดวัคซีน ขณะที่ประเทศอื่นยังเผชิญปัญหาขาดแคลนส่วนผสมของวัคซีน
โดยบราซิลเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิดทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ โดยใช้วัคซีนจาก Sinovac Biotech ของจีนตามการอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะขึ้นอยู่กับการนำเข้าที่ล่าช้า
· ศบค.เผย ไทยป่วย Covid-19 รอบใหม่ ลดลงเหลือ 171 ราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยรวมสะสม 12,594 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 10,292 ราย ไม่มีตายเพิ่ม
ด้าน รพ.ศิริราช ยืนยันบุคลากร 6 คน ติดเชื้อ COVID-19 ไม่ใช่ส่วนดูแลคนป่วย
เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดจาก 1 คนรับเชื้อมาจากข้างนอก ทั้งหมดนี้เป็นบุคลากรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย แต่เป็นอาคารที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและญาติ รวมถึงผู้เข้ามาติดต่อในโรงพยาบาลศิริราช ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
* สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล
* งดการเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ในกรณีต้องเฝ้าไข้ ขอให้ผู้มาเฝ้าไข้ สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล
* ผู้มารับบริการหากมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
สำหรับบุคลากรในศิริราช หากพบอาการลักษณะโรคระบบทางเดินหายใจจะให้ตรวจหาเชื้อทันที ซึ่งผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย ส่วนในชุมชนนั้น กทม.จะเข้าไปดำเนินการสอบสวนโรค
· นาย โรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้แสดงความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยของวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัท Pfizer และบริษัท BioNTech พร้อมกล่าวปกป้องการตัดสินใจของรัฐบาลในการสั่งซื้อวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาจากจีน แม้ว่าจะมีรายงานในนอร์เวย์ว่ามีผู้สูงอายุที่อ่อนแอเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนลงก็ตาม
· "ทรัมป์" ไม่จบ ลงนามคำสั่งฉุกเฉิน เพื่อสั่งตรงหน่วยงานสหรัฐฯประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงจากโดรนที่มีการผลิตในจีน
พร้อมกับสั่งให้กองเรือรบของสหรัฐฯทำการตรวจสอบและจัดแนวทางการถอนโดรนดังกล่าวออกจากประเทศ ซึ่งมีผลให้บริษัทผลิตโดรนในจีน เข้าอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถือเป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐฯ อย่าง รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ
· ผลสำรวจ Reuters ชี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแคนาดาชะลอตัว ท่ามกลางมาตรการคุมเข้ม Covid-19 รอบใหม่ ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 2021 ก่อนที่แนวโน้มจะกลับมาเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 ซึ่งภาพรวมนักเศรษฐศาสตร์คาดอาจเห็นจีดีพีปรับขึ้นได้ก่อนช่วงการระบาดภายในปีนี้
· เยอรมนีแสดงความเสียใจที่สหรัฐฯตัดสินใจคว่ำบาตรรัสเซียเกี่ยวกับกรณีท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ซึ่งโครงการดังกล่าวมีการส่งต่อน้ำมันตั้งแต่รัสเซียจนถึงเยอรมนี
· นักลงทุนต่างประเทศเพิ่มเม็ดเงินลงทุนสู่ตลาดจีน ท่ามกลางทั่วโลกที่เผชิญกับวิกฤตไวรัสโคโรนา
ต่างชาติลงทุนตรงกับจีน หนุนเม็ดเงินเพิ่มเป็นประวัติการณ์
กลุ่มธุรกิจมีการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในประเทศจีนตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ท่ามกลางมาตรการผลักดันการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศ โดยจะเห็นได้ว่าในเดือนพ.ย. มีการลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติในปี 2020 ทะลุ 1.2947 แสนล้านเหรียญ ทีเรียกได้ว่าเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อน
จีนมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติในปี 2019 ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.3813 แสนล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่อยู่ที่ระดับ 1.35 แสนล้านเหรียญ และคาดปี 2020 จะเห็นการปรับตัวขึ้นอีก
สำหรับภาพรวมตลาดการเงิน จะเห็นว่านักลงทุนต่างชาติมีการพเิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรจีนมากเป็นเท่าตัวทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่ 1.1 พันล้านหยวน ในปีที่ผ่านมา
· จีนจะทำการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเพิ่มจากพฤติกรรมที่ปฏิบัติต่อไต้หวัน
นางหัว ชุนหยิง โฆษกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน รายงานว่า จีนจะทำการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่ใช้วิธีสกปรกในการประพฤติปฏิบัติต่อทางไต้หวัน หลังจากท่ี่ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะไม่สร้างข้อจำกัดในการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่และคู่สัญญาไต้หวันของพวกเขาอีกต่อไป จึงเป็นที่มาที่จีนจะทำการตอบโต้
· Reuters Poll คาด บีโอเจจะปรับทบทวนแนวทางการดำเนินนโยบายการเข้าซื้อสินทรัพย์ใน ETF ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจสะท้อนว่ามีความกังวลทางเศรษฐกิจมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ มองว่า มีการปรับลดคาดการณ์ทางเศรษฐกิจสำหรับช่วงสิ้นปีงบประมาณในเดือนมี.ค. จากคาดการณ์เกี่ยวกับยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็อาจชะลอตัวมากขึ้นจากการใช้มาตรการควบคุมการระบาด และบีโอเจมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มแนวทางผลักดันเป้าหมายเงินเฟ้อให้ถึง 2% ประกอบกับการระบาดรอบใหม่ที่อาจบังคับให้ต้องมีการใช้นโยบายกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ยาวนานมากขึ้น
บีโอเจ ระบุ ในการประชุมเดือนที่แล้วว่า อาจมีการปรับเป้าหมายการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและการใช้นโยบาย QE เพื่อให้เกิดความประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นที่คาดว่าจะถูกเปิดเผยในเดือนมี.ค. นี้ ขณะที่ประมาณการณ์จีดีพีรอบใหม่คาดจะถูกเปิดเผยในการประชุมระหว่าง 20-21 ม.ค.นี้