ที่ปรึกษาอาวุโสจาก Center for Strategic and International Studies กล่าวว่า สหรัฐฯ และจีน มีความตึงเครียดระหว่างกันก่อนที่นายทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และน่าจะลามต่อมายังยุคการบริหารงานของนายไบเดน ประธานาธิบดีปัจจุบัน
มุมมองของ "ทรัมป์" - มองว่าทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้าย และจีนกับสหรัฐฯก็เริ่มที่จะแยกตัวออกจากกันมาตั้งแต่ก่อนยุคของนายทรัมป์ ขณะที่ "การมาของนายไบเดน" ดูจะไม่ต้องการให้เกิดการแยกกันของภาคบริษัทต่างๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะสนับสนุนให้แต่ละฝ่ายจะสนับสนุนให้บริษัทสัญชาติตนเองอยู่ในพื้นที่กลุ่มนั้น
ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์ก็ผ่อนคลายลงไปจากการมีข้อตกลงเฟสแรกที่ลงนามกันไปในช่วงเดือนม.ค. ปี 2020 และความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายกำลังลุกลามไปสู่ด้าน "เทคโนโลยี" และ "การเงิน" ที่นำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับสองประเทศอาจจะแยกตัวจากกันได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ อาจส่งผลให้ บริษัทสัญชาตสหรัฐฯทั้งหมดหาวิธีการจัดการในจีนได้ยากยิ่งขึ้น ท่ามกลางกรุงดาวอสที่มีกำหนดการจัดประชุม World Economic Forum ประจำปี 2021
วิธีทางการทูต
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจาก Tsinghua University มองว่า สถานการณ์ของไต้หวันในเวลานี้ ยังไม่เป็นสัญญาณเตือนแบบเฉพาะกาล และเชื่อว่าการเจรจาทางการทูครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้น ก่อนการเจรจาอาจมองเห็นภาพรวมทางทัศนคติได้มากขึ้น
CSIS' Reinsch มองว่า จีนขึ้นชื่อเรื่องการทดสอบผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ ไม่เพียงแต่สถานการณ์บริเวณโดยรอบไต้หวันเท่านั้น โดยประวัติศาสตร์ระยะยาว บ่งชี้ว่า *จีนมักนิยมทดสอบท่าทีผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ด้วยหลากหลายวิธี* อาทิ การเดินเรือใกล้น่านน้ำระหว่างสองประเทศ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในเวลานี้ไม่คิดว่าสหรัฐฯจะรับมือด้วยวิธีบีบบังคับเท่ากับยุคประธานาธิบดีคนก่อนๆ
ที่มา: CNBC