• “ไอเอ็มเอฟ” ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลก แต่เตือนถึง Covid สายพันธุ์ใหม่อาจเป็นอุปสรรค

    27 มกราคม 2564 | Economic News
   

ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและญี่ปุ่น ประกอบกับประชาชนหลายๆประเทศทั่วโลกที่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจสร้างความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจได้

รายงาน World Economic Outlook ล่าสุดของไอเอ็มเอฟ คาดการณ์จีดีพีโลกไว้ ดังนี้

ปี 2021 จะโตได้ 5.5% (สูงกว่าคาดการณ์เดิมประมาณ 0.3%)

ปี 2022 จะโตได้ประมาณ 4.2%



สถานการณ์ทั้งหมดนี้ จะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ต้องแข่งกันระหว่าง “การกลายพันธุ์ของไวรัส” กับ “วัคซีน” เพื่อยุติการระบาด รวมไปถึง “ความสามารถในการดำเนินนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนเพียงพอจนกว่าจะยุติการระบาดได้

ทั้งนี้ จำนวนยอดติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วง 2-3 เดือนมานี้ อันเนื่องจากการระบาดที่รวดเร็วขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตรุนแรงกส่าสายพันธุ์ดั้งเดิม และผลที่ตามมาคือทำให้หลายๆประเทศมีการใช้มาตรการคุมเข้มทางสังคมเพิ่มมากขึ้น จึงยิ่งสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟมีการหั่นคาดการณ์จีดีพียูโรโซนลงประมาณ 1% ทำให้ภาพรวมคาดจะเห็นจีดีพีโตได้ 4.2% ในปีนี้ โดยที่ประเทศเยอรมนี, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน ที่เป็น 4 ประเทศเศรษฐกิจหลักก็ถูกปรับลดจีดีพีลงในปีนี้ ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภูมิภาคยูโรโซนชะลอตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว จึงคาดว่าน่าจะมีผลต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2021 แต่ภาพรวมไอเอ็มเอฟก็ไม่ได้คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะกลับมาโตได้เท่าช่วงสิ้นปี 2019 ภายในช่วงก่อนสิ้นปี 2022



ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ

ไอเอ็มเอฟ มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯถูกคาดว่าจะเติบโตได้มากขึ้นในปีนี้ จึงปรับเพิ่มคาดการณ์ขึ้นมาอีก 2% สู่ระดับ 5.1% ในปี 2021 นี้ อันเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้วที่มีความแข็งแกร่งขึ้นควบคู่กับการเพิ่มมาตรการสนับสนุนทางการเงิน โดยสภาคองเกรสมีการผ่านงบประมาณฉบับใหม่ในเดือนธ.ค. วงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ และ นายไบเดนกำลังผลักดันร่างงบประมาณช่วยเหลือรอบใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นในเร็วๆนี้

สำหรับตลาดเกิดใหม่ จีนมีแนวโน้มจะเติบโตได้เหนือ 8% ในปีนี้ เนื่องจากจีนกลับมาโตได้เทียบเท่าช่วงก่อนการระบาดตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2020 จึงจะเป็น “ประเทศเศรษฐกิจหลัก” ที่นำประเทศต่างๆ ขณะที่สหรัฐฯ เชื่อว่าน่าจะกลับมาโตได้เท่าช่วงก่อนการระบาดภายในปีนี้ แซงหน้ายูโรโซน



อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟมีการกล่าวย้ำว่า รัฐบาลต่างๆจำเป็นต้องให้การสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศพวกเขาต่อไป เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นการเติบโต

ดังนัน นโยบายการเงินจึงเป็นเรื่องที่จะสร้างความมั่นใจประสิทธิภาพในการสนับสนุน จนกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาโตได้ตามแนวทางเดิม โดยหลักสำคัญคือ “การเพิ่มกำลังการผลิต” ที่จะเป็นตัวรับประกันการเติบโตว่าได้รับอานิสงส์จากทุกด้าน รวมไปถึงการเร่งลดการใช้ก๊าซคาร์บอน

ไอเอ็มเอฟลดคาดการณ์จีดีพีอังกฤษโตได้ 4.5% โดยลดลงจากคาดการณ์เดิมเดือนต.ค. ที่อยู่ที่ 5.9% (ปรับลดลงไป 1.4%) ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัว แต่การเร่งกระจายวัคซีนอาจเป็นตัวช่วยพยุงการเติบโตของอังกฤษได้ ซึ่งไอเอ็มเอฟก็ยังไม่คาดว่าการดำเนินการด้านวัคซีนจะเห็นผลในการสนับสนุนทางเศรษฐกิจของอังกฤษจนกว่าจะเข้าสู่ปี 2022 จึงคาดจีดีพีปี 2022 น่าจะโตได้ 5% (ปรับเพิ่มขึ้นมา 1.8%)

สำหรับปีที่แล้วจีดีพีอังกฤษหดตัวลงไป -10% ซึ่งเป็นการหดตัวลงมากที่สุดในกลุ่มประเทศ G7



ที่มา: CNBC, The Economic Times, IMF

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com