• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 มกราคม 2564

    27 มกราคม 2564 | Gold News

ทองคำปิดร่วงจากกังวล “กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ” แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์จำกัดกการปรับลง

·         ราคาทองคำปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐฯวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญที่นายไบเดนเคยได้กล่าวไว้ ขณะที่การอ่อนค่าของดอลลาร์เมื่อคืนนี้ได้ช่วยจำกัดการตกของราคาทองคำ ขณะเดียวกันนักลงทุนดูจะจับตาผลประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.2ที่ 1,851.26 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -0.2ที่ 1,850.90 เหรียญ





อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ของตลาด Comex จะหมดอายุลงในวันที่ 28 ม.ค. ขณะที่สัญญาถัดไปจะเป็นของเดือนเม.ย.



·         SPDR เมื่อวานนี้ทำการขายออก 0.87 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ 1,172.38 ตัน


·         หัวหน้านักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดนจะไปในทิศทางใด และยังไม่มีความชัดเจนต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด ความไม่แน่นอนทั้งหมดในเวลานี้ดูจะเป็นอุปสรรคต่อราคาทองคำ


·         นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank กล่าวว่า หากสภาคองเกรสบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยวงเงินที่ลดลงจากที่คาดหวังไว้ก็น่าจะส่งผลลบต่อตลาด


นอกจากดอลลาร์จะกลับมาอ่อนค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯก็ปรับตัวลดลง จึงเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนในทองคำ


·         รายงานการนำเข้าทองคำของจีนจากฮ่องกงในเดือนธ.ค. พบว่า ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แม้ว่าภาพรวมการนำเข้าทองคำรายปีจะร่วงลงไป 85จากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระทบต่อความต้องการทองคำของกลุ่มผู้บริโภคก็ตาม

·         ราคาซิลเวอร์ปิด +0.7ที่ 25.48 เหรียญ

·         ราคาแพลทินัมปิด -0.6ที่ 1,092.15 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด -0.7ที่ 2,317.83 เหรียญ

 

·         ดอลลาร์อ่อนค่าลงจากกลุ่มเทรดเดอร์ที่หันไปถือครองค่าเงินสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นจากความกังวลเรื่องการกระจายวัคซีน ที่มาบดบังความไม่แน่นอนเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯทีเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.22แตะ 90.143 จุด หลังจากที่ทำสูงสุดตั้งแต่ 20 ม.ค. ที่ระดับ 90.614 จุดในช่วงต้นตลาดวานี้

 

·         สำหรับข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนม.ค. วานนี้ปรับขึ้นได้ปานกลาง อันเนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่ราคาบ้านในสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

·         นักบริหารการเงิน ระบุว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาด"แข็งค่า"ที่ระดับ 29.96 บาท/ดอลลาร์ ประเมินกรอบเงินบาทระหว่างวัน 29.85-30.05 บาท/ดอลลาร์

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทช่วงนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบเนื่องจากธุรกรรมในตลาดมีอยู่เพียงเบาบาง และหลายบริษัทอยู่ในโหมดล็อกดาวน์ ขณะที่นักลงทุนสถาบันก็มีทั้งซื้อและขายเงินดอลลาร์ผสมผสานกันไป คาดว่าต้องรอให้ผ่านช่วงการประชุม FOMC ไปก่อนตลาดเงินถึงจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุด:

ภาพรวมยอดติดเชื้อทั่วโลกสะสมล่าสุด 100.80 ล้านราย โดยยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 517,516 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตรวมสะสมอยู่ที่ระดับ 2.16 ล้านราย

 




สหรัฐฯมียอดติดเชื้อทะลุ 26 ล้านราย หลังจากที่ผ่าน 25 ล้านรายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
โดยล่าสุดพบยอดติดเชื้อใหม่ 143,808 ราย รวมสะสมในประเทศ 26 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสม 435,314 ราย

 

สำหรับประเทศบราซิลพบยอดติดเชื้อสะสมใกล้แตะ 9 ล้านราย ทางด้านรัสเซียพุ่งแตะ 3.75 ล้านราย ตามมาด้วยอังกฤษที่มียอดติดเชื้อสะสมรวม 3.68 ล้านราย และล่าสุดฝรั่งเศสยอดติดเชื้อสะสมล่าสุดที่ 3.07 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย

 

สถานการณ์ในฝั่งเอเชีย

ญี่ปุ่นติดเชื้อสะสมล่าสุดที่ 368,143 ราย และมียอดเสียชีวิตรวม 3,330 ราย

จีนกลับมาพบยอดติดเชื้อรายวันลดลงจากหลักร้อย ล่าสุดที่ 82 ราย ทำให้ยอดรวมสะสมที่ 89,197 ราย ขณะที่เกาหลีใต้ติดเชื้อสะสมทะลุ 75,875 รายเป็นที่เรียบร้อย

 

อินโดนีเซีย หนึ่งใน 4 ประเทศหลักที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ล่าสุดมียอดติดเชื้อ Covid-19 ทะลุหลักล้าน

 

ภาพรวมประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 959 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 14,646 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงยอดเสียชีวิตสะสมเท่า 75 ราย ล่าสุดติดเชื้อแล้วรวม 72 จังหวัด

 


 

·         ประธานคณะกรรมาธิการอียู เรียกร้องให้ผู้ผลิตวัคซีนปฏิบัติตามข้อตกลง ขณะที่ผู้จัดหาดูเหมือนจะมีความไม่แน่นอนในการจัดหาวัคซีนนับล้านโดส

 

·         ทีมบริหารไบเดนสั่งซื้อวัคซีน Covid-19 เพิ่ม 200 โดส และอาจทำให้มีวัคซีนเพียงพอต่อชาวสหรัฐฯเกือบทุกคนในการฉีดครบโดสตามกำหนดภายในช่วงสิ้นฤดูร้อน หรือราวๆสิ้นเดือนส.ค.

โดยคำสั่งซื้อใหม่เป็นการสั่งซื้อเพิ่มจากบริษัท Pfizer 100 ล้านโดส และจาก Moderna อีก 100 ล้านโดส ก็จะมีผลให้มีวัคซีนในประเทศเพิ่มเป็น 400 ล้านโดส ร่วมกับบริษัทอื่นๆที่เตรียมส่งมอบให้แก่สหรัฐฯ

 

·         “นายชัค ชูมเมอร์ส” ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภา เผย เดโมแครตอาจผลักดันมาตรการช่วยเหลือ Covid-19 โดยปราศจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกัน “หากจำเป็น”

 

·         มาตรการสำคัญอีกหนึ่งสิ่ง “ไบเดน” ให้คำมั่นจะแก้ไขปัญหาการแบ่งแยกทางเชื้อชาติของชาวสหรัฐฯ

 

·         “เยลเลน-ไรซ์” กุญแจสำคัญด้านเศรษฐกิจมุ่งเน้นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของสหรัฐฯ

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ดูจะมุ่งเน้นไปยังการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเร่งสร้างงานให้แก่ทุกๆคน  ขณะที่ นางซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาระดับสูงด้านการดำเนินนโยบายภายในประเทศของนายไบเดน ค่อนข้างชัดเจนว่าจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เป็นหัวใจหลักของการเติบทางเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ

 

·         ไอเอ็มเอฟ” ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลก แต่เตือนถึง Covid สายพันธุ์ใหม่อาจเป็นอุปสรรค

ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ท่ามกลางประชาชนหลายๆประเทศทั่วโลกที่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจสร้างความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจได้

รายงาน World Economic Outlook ล่าสุดของไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่าการเศรษฐกิจโลกจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของสหรัฐฯและญี่ปุ่น โดยคาดจีดีพีโลกไว้ ดังนี้

ปี 2021 จะโตได้ 5.5% (สูงกว่าคาดการณ์เดิมประมาณ 0.3%)

ปี 2022 จะโตได้ประมาณ 4.2%


 

·         เฟดอาจจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจต่อตลาดในการไม่ลดการสนับสนุนทางการเงินเร็วๆนี้

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ค่อนข้างมีความกังวลเล็กน้อย ต่อการตอบรับของตลาด หากเฟดจะเริ่มพิจารณาปรับลดการดำเนินนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจ และประเด็นหลักที่ตลาดรอคอยอยู่ที่เรื่อง “การลดการสนับสนุน QE ที่เฟดมีการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนเพื่อช่วยพยุงระบบการเงินให้ยังมีสภาพคล่องและทำให้นักลงทุนยังลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แม้ว่ามูลค่าในตลาดหุ้นจะอยู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่เคยเกิดภาวะ Dot-Come Bubble ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21

อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดส่วนใหญ่ ยังเชื่อว่าเฟดน่าจะยังคงอัดฉีดเม็ดเงินและมีการการเข้าซื้อพันธบัตรต่อไป

 

·         ประธานวุฒิสภาที่ได้รับมอบหมายการไต่สวนทรัมป์ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลวานนี้

 

·         ผลประกอบการบริษัทไมโครซอร์ฟโต 17% แตะ 4.308 หมื่นล้านเหรียญสูงกว่าคาด อาจช่วยเร่งการเติบโตของภาคธุรกิจได้ โดยผลประกอบการต่อหุ้นอยู่ที่ 2.03 เหรียญ สูงกว่าคาดที่ 1.64 เหรียญ

 

·         รายงานยอดค้าปลีกอังกฤษดิ่งหนัก ภาพรายปีร่วงลงมากสุดตั้งแต่พ.ค.ปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากการเดินหน้าใช้มาตรการ Lockdown ประเทศ โดยค่าเฉลี่ยราคาร่วงลงไป 2.2ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com