MTS Help Center

เฟดยังมีการตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในกรอบ 0-0.25% ตามคาด รวมถึงการคงการเข้าซื้อสินทรัพย์อย่างน้อย 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน ท่ามกลางการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นปานกลางในเดือนที่แล้ว ในขณะที่ภาคส่วนอื่นๆโดยส่วนใหญ่ยังเผชิญผลกระทบจากการระบาดของไวรัส

แถลงการณ์หลังประชุมเฟดยังตอกย้ำว่า Covid-19 ส่งผลอย่างหนักต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์และเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐฯ และทั่วทุกมุมโลก จึงทำให้เฟดยังไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบาย แต่เพิ่มมุมมองทางเศรษฐกิจว่าจะขึ้นอยู่กับการระบาดของไวรัส และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ เฟดจะไม่เริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าจะเห็นเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมายหรือเพิ่มสูงกว่า 2% ที่เฟดกำหนดได้บ้าง

สรุปถ้อยแถลง นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด

- เศรษฐกิจยังต้องมีการสนับสนุนผ่านนโยบายการเงินต่อไป

- เงินเฟ้อยังไม่บรรลุเป้าหมาย และมีแนวโน้มว่าจะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อบรรลุเป้าหมาย

- เฟดจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

- การจะถอน QE ได้ เฟดจะมีการเตรียมสัญญาณชีนำ รวมไปถึงเฟดต้องการเห็นความมีเสถียรภาพหรือความคืบหน้าตามเป้าหมายที่เฟดกำหนด ก่อนจะทำการปรับสัญญาณการเข้าซื้อสินทรัพย์

- เร็วเกินไปที่จะคุยเรื่องการลด QE

- ย้ำเน้นการให้ความสำคัญของความก้าวหน้าที่เฟดจำเป็นจะต้องเห็นเสียก่อน

- ให้คำมั่นว่าตลาดจะได้รับสัญญาณชี้นำก่อนเกิดการลด QE

- มุ่งเน้นด้านการสื่อสาร เพื่อไม่ให้มีใครตกใจหรือประหลาดใจเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี ตลาดค่อนข้างสนใจว่าจะเห็นถ้อยแถลงของเฟดเกี่ยวกับแนวทางในอนาคตหรือมีนัยยะต่อเรื่องการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือ QE หรือไม่ โดยนับตั้งแต่เริ่มวิกฤไวรัสโคโรนา เฟดขยายงบดุล (Balance Sheet) เพิ่ม 3 ล้านล้านเหรียญ และทำให้มียอดงบดุลเพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 7.5 ล้านล้านเหรียญ

และถึงแม้เงินเฟ้อจะต่ำ แต่นักลงทุนยังกังวลเรื่องการจะเริ่มต้นเลิก QE ของเฟด

อย่างไรก็ดี ภายใต้การดำเนินนโยบายที่เหมาะสม อาจทำให้เฟดไม่ใช้เวลามากเกินไปในการปรับขึ้นดอกเบี้ยหากคาดการณ์เงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้น และเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาอัตราว่างงานจะปรับตัวลงเมื่อการจ้างงานมีความก้าวหน้าเต็มรูปแบบ และเฟดจะเลือกขึ้นดอกเบี้ยเพื่อหยุดเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันสะท้อนว่ามีความขัดแย้งกับเงินเฟ้อ โดยราคาบ้านในตลาดและวัสดุอุปกรณ์ต่างมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่บริการเงินเฟ้อปรับตัวลง

ที่มา: CNBC