• หุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้นเกือบ 3% ท่ามกลางตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดแดนบวก แม้ข้อมูลการผลิตจีนโตช้าลงในเดือนม.ค.
ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้น ขณะที่ราคาซิลเวอร์ก็พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ปิด +2.7% ที่ 3,056.53 จุด เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทไบโอฟามาเซติคัลอย่าง Celtrion ที่พุ่งขึ้นกว่า 14.51%
ดัชนี HSI ของฮ่องกงก็ปรับขึ้นกว่า 2.2% ในชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด
หุ้นจีนก็ปรับขึ้น ทั้งเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตที่ปิด +0.64% และเสิ่นเจิ้นปิด +1.365%
ผลสำรวจภาคการผลิตจีนชะลอตัวลงในเดือนม.ค. โดย Caixin/Markit เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตออกมาที่ 51.5 จุด และการยืนเหนือ 50 จุดได้อยู่ก็ยังเป็นสัญญาณที่ดี
ดัชนี S&P/ASX200 ปิด +0.84% ที่ 6,663 จุด ขณะที่ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นปิด +1.92%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวสูงขึ้น หลังจากปรับร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากที่นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดในสหรัฐฯที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ระหว่างนักลงทุนรายย่อยและกองทุนมีการขาย Short
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปิด +1.55% ที่ระดับ 28,091.05 จุด ด้านดัชนี Topix ปิด +1.16% ที่ระดับ 1,829.84 จุด ท่ามกลางการคาดการณ์ผลประกอบการที่ดีขึ้นและการเพิ่มขึ้นของกำไรผู้ผลิตชิปที่เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่เหล่านักลงทุน
• ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยรีบาวน์จากการร่วงลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ข้อมูลภาคการผลิตประจำเดือนม.ค.แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะถูกกดดันจากมาตรการ Lockdown ก็ตาม
โดยกิจกรรมภาคการผลิตของจีนประจำเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงในรอบ 5 เดือนหลังจากการติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กระตุ้นให้เกิดการ Lockdown
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.64% ที่ระดับ 3,505.28 จุด
ด้านดัชนี blue-chip CSI300 ปิด +1.23% หลังจากร่วงลงมากกว่า 3.9% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
· หุ้นยุโรปเปิดพุ่ง - ตอบรับทิศทางเชิงบวกต่อตลาด
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับขึ้นหลังความเชื่อมั่นในตลาดเป็นไปในทิศทางเชิงบวก จึงหนุนให้ดัชนี Stoxx600 เปิด +1% ในช่วงต้นตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานพุ่ง 2.5% นำหุ้นกลุ่มหลักอื่นๆขึ้นตาม
ตลาดหุ้นยุโรปเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยทิศทางบวก แม้ว่านักลงทุนรายย่อยจะรวมตัวกว้านซื้อหุ้น จน Goldman Sachs เรียกเหตุการณ์นี้ว่า ภาวะ SHORT-SQUEEZE ครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปี และสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ต.ค. ปีที่แล้ว
สัปดาห์นี้ก็ถือเป็นอีกสัปดาห์แห่งความคึกคักจากการที่บริษัทอีกกว่า 99 แห่งในกลุ่ม S&P500 จะรายงานผลประกอบการ นำโดย Alphabet, Amazon, Alibaba, Snap, Exxon, Biogen, Pfizer และ Chipotle ที่จะรายงานผลประกอบการพร้อมกันสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตลาดจับตาข่าวการที่นายไบเดน พบกับ ส.ว.รีพับลิกัน 10 ราย โดยเรียกร้องให้มีการลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลงจาก 1.9 ล้านล้านเหรียญ
นักลงทุนในตลาดยุโรปจับตาความคืบหน้าวัคซีน Covid-19 ของบริษัท AstraZeneca ที่ระบุว่า สามารถเร่งส่งออกวัคซีนได้จากการผ่อนคลายกฎของทางอียู
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ ประกอบด้วย
- อัตราว่างงานยูโรโซนเดือนธ.ค.
- ข้อมูล PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.
- ข้อมูลยอดลงทะเบียนจองรถยนต์ในสเปน
- รายงานผลประกอบการบริษัทยุโรป ได้แก่ Siemens Healthineers, RyanAir, Nintendo and Banco Sabadell และ Julius Baer
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- CIMBT คาด กนง.รอบนี้หั่นคาดการณ์ GDP ปีนี้ก่อนลดดอกเบี้ยนโยบายปลาย มี.ค.
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาระลอกใหม่ ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงหดตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า และอาจมีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี จากมาตรการควบคุมที่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้คนระมัดระวังการใช้จ่าย รายได้ครัวเรือนลดลง คนว่างงานมากขึ้น
อ้างอิงจากสำนักข่าว Post Today
- ชงคลังลดภาษีเงินได้ ยกเลิก LTV พยุงเศรษฐกิจ-การค้าการลงทุน
หอการค้าฯพบรมว.คลัง ยื่น 10 ข้อเสนอผลักดันเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 เพิ่มลดหย่อนค่าตรวจ-ฉีดวัคซีนโควิดแรงงาน พร้อมลดภาษีเงินได้ ยกเลิกกฏเหล็ก LTVชั่วคราวกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์
ที่มา : Reuters,CNBC