รายงานจาก CNBC เผยว่า กลุ่มนักวิเคราะห์มองว่าจีนจะสามารถยึดตำแหน่ง “ประเทศเศรษฐกิจมหาอำนาจ” ของโลกแทนสหรัฐฯได้เร็วกว่าที่ในช่วง 2-3 ปีนี้ จากการเผชิญวิกฤตไวรัสโคโรนาร่วมด้วย
รายงานจีดีพีสหรัฐฯประจำปี 2020 พบว่า “หดตัว -2.3%” มูลค่า 20.93 ล้านล้านเหรียญ
รายงานจีดีพีจีนประจำปี 2020 พบว่า “โตขึ้นได้ 2.3%” มูลค่า 101.6 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 14.7 ล้านล้านเหรียญ ด้วยค่าเฉลี่ยเงินหยวนบริเวณ 6.9 หยวน/ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ถึงแม้เศรษฐกิจจีนจะมีมูลค่าจีดีพีตามหลังสหรัฐฯประมาณ 6.2 ล้านล้านเหรียญ แต่ก็จะเห็นได้ว่าลดลงจากในปี 2019 ที่ตามหลังอยู่ 7.1 ล้านล้านเหรียญ
นักวิเคราะห์จาก Nomura กล่าวว่า การเติบโตที่สวนทางการระหว่างสหรัฐฯและจีนในช่วงการระบาดเป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนในหน่วยค่าเงินดอลลาร์สามารถแซงสหรัฐฯเต็มรูปแบบในปี 2028 และหากค่าเงินหยวนแข็งค่าลงมาที่ 6 หยวน/ดอลลาร์ ก็อาจเห็นจีนรุดหน้าเร็วกว่าที่ประเมินไว้ และอาจยึดตำแหน่งประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกได้ในปี 2026
ภาพรวมเงินหยวนเริ่มแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาและทำระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงกว่า 2 ปี
Covid ส่งผลให้สหรัฐฯเผชิญความ “ยากลำบาก”
มณฑลอู่ฮั่นของจีน ถือเป็นที่แรกที่มีการระบาด Covid-19 ช่วงปลายปี 2019 แต่ความพยายามในการควบคุมสถานการณ์การระบาด ด้วยมาตรการ Shutdown เกินกว่าครึ่งของเศรษฐกิจจีนในเดือนก.พ. ปี 2020 ที่ทำให้อัตราว่างง่านพุ่งทะลุ 6.2% เป็นประวัติการณ์ในเดือนนั้น และจีดีพี -6.8% ในช่วงไตรมาสแรก
สิ่งที่ตามมาคือการระบาดชะลอตัวลงไป และหลังจากนั้นก็ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการกู้เศรษฐกิจกลับมาโตได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2020
ขณะเดียวกันการระบาดของไวรัสโคโรนาในต่างประเทศกลับขยายวงกว้างสู่การระบาดไปทั่วโลก และทำให้สหรัฐฯเข้าสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด โดยสหรัฐฯถือเป็นอันดับที่ 1 ด้านการติดเชื้อและการเสียชีวิตด้วย Covid-19
ด้านอัตราว่างงานสหรัฐฯเองก็พุ่งทะลุ 14% ในเดือนเม.ย. ก่อนจะลดลงมาแถว 10% ในช่วง 3 เดือนจากนั้น
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก J.P. Morgan Asset Management กล่าวว่า ข้อมูลจีดีพีสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจนถึงสิ้นปี 2020 อันเนื่องจากความสามารถในการเข้าควบคุมสถานการณ์การระบาดของไวรัสได้ และเขาคาดว่าอาจใช้เวลาประมาณ 8-10 ปี ที่จีดีพีจีนจะโตเกินหน้าสหรัฐฯ
นอกจากนี้ มาตรการเข้มงวดของภาครัฐรอบใหม่ จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในจีนเป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาดูจะมีผลต่อข้อมูลเศรษฐกิจของจีดีพีในไตรมาสที่ 1 และคาดว่า สหรัฐฯน่าจะได้รับอานิสงส์จากประเด็นนี้ ควบคู่กับการที่สหรัฐฯผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
สำหรับการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนดูจะพิจารณาจากความแตกต่างของ
- โครงสร้างทางเศรษฐกิจ
- รายได้
- การพัฒนาประเทศ
- การแข่งขันต่างๆ เป็น
ยอดเกินดุลการค้าของจีนกับสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น
สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เป็นกังวลในเวลานี้ คือ เสถียรภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว หลังจากที่จีนค่อนข้างฟื้นตัวเศรษฐกิจได้อย่างมากในปีที่แล้ว อันเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ตลอดจนการผลิต มากกว่าจะเห็นการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น
ทางด้านอุปสงค์ของต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย และเคร่าองมือทางการแพทย์อื่นๆก็เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดส่งออกของจีนพุ่งทะลุ 3.6% ในหน่วยของค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าภายในประเทศลดลงประมาณ 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงก่อน
จีนจับตายอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นราว 3.17 แสนล้านเหรียญในปี 2020 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.96 แสนล้านเหรียญในปีก่อน แม้ว่า 2 ประเทศจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าในเดือนม.ค. ปีที่แล้ว เพื่อพยายามลดยอดเกินดุลระหว่างกัน
ในทางกลับกันการอุปโภคบริโภคภายในประเทศจีนไม่ได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมากนักเมื่อเทียบกับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ
ยอดค้าปลีกของจีนเองก็ปรับตัวลดลงประมาณ 3.9% ในปี 2020 ขณะที่สหรัฐฯโตได้ 0.6%
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก China Renaissance คาดว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาจะส่งผลให้จีนยึดตำแหน่งผู้นำทางเศรษฐกิจมาจากสหรัฐฯภายในเวลา 3-5 ปี ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยจะเห็นได้ชัดจากจีดีพีที่จะโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าต่อคน
ทั้งนี้ จีนมีจำนวนประชากรมากกว่าสหรัฐฯมากถึง 4 เท่า และจีดีพีจีนต่อคนก็อยู่ที่ระดับประมาณ 11,000 เหรียญในปี 2020 ขณะที่สหรัฐฯสูงกว่า 5 เท่า ที่ระดับ 63,200 เหรียญต่อคน
ที่มา: CNBC