• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564

    12 กุมภาพันธ์ 2564 | Economic News
   

·         ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากสัญญาณใหม่ของความอ่อนแอในตลาดงานของสหรัฐฯทำให้ความคาดหวังของนักลงทุนลดลงเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

Bitcoin แตะระดับสูงสุดทำ all-time high ที่ 49,000 เหรียญ หลังจากที่ BNY Mellon กลายเป็น บริษัท ที่ยอมรับ cryptocurrencies โดยกล่าวว่า จะจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อช่วยให้ลูกค้าถือโอนและออกสินทรัพย์ดิจิทัลได้

ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากที่ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด

จึงเพิ่มความกังวลว่าการปรับแข็งค่าของดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้มีการฟื้นตัวเร็วเกินไปสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.1% สู่ระดับ 90.49 จุด ในการซื้อขายที่เบาบางในช่วงวันหยุดตรุษจีนและมีแนวโน้มที่จะร่วงลง 0.6% ในสัปดาห์นี้

ในปีนี้มีมุมมองที่แตกต่างกันของเหล่าเทรดเดอร์เกี่ยวกับแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อดอลลาร์

ขณะที่บางส่วนมองว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่รุดหน้ากว่าประเทศอื่นๆจะยังเป็นปัจจัยที่สนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินอื่นๆดูจะได้รับผลกระทบจากการที่เงินเฟ้อทั่วโลกดูจะกลับมาเพิ่มขึ้น  และจะกลายมาเป็นปัจจัยที่หนุนดอลลาร์ในานะสินทรัพย์เสี่ยงแทน

เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.1% เป็น 1.2122 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 104.795 เยน/ดอลลาร์ โดยปรับลดลง 0.5% จากปลายสัปดาห์ที่แล้ว

ด้าน Bitcoin ซื้อขายล่าสุดลดลง 1.7% ที่ 47,170 เหรียญ หลังจากซื้อขายที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 49,000.00 เหรียญใน Bitstamp

ทั้งนี้ สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเกือบ 22% ต่อสัปดาห์ ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสิ้นสุดวันที่ ม.ค.ที่ผ่านมา

 

·         เดโมแครต "เตือน" หากวุฒิสภา ไม่ตัดสินลงโทษ ทรัมป์ "เขาสามารถก่อเหตุได้อีกครั้ง"

อัยการของพรรคเดโมแครต กำลังดำเนินคดีฟ้องร้องต่อนายทรัมป์ ในข้อหาปลุกปั่นระดมผู้ชุมนุมให้เกิดเหตุจลาจลรุนแรงที่รัฐสภา และเตือนวุฒิสภาว่าหากไม่ลงโทษทรัมป์ เขาสามารถทำเช่นนี้ได้อีกครั้ง

 

·         สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯอนุมัติเงินอีก 1.4 หมื่นล้านเหรียญสำหรับช่วยเหลือสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

 

·         ภาพรวมปี 2020 เศรษฐกิจอังกฤษหดตัว -9.9% เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วจีดีพีเติบโตขึ้น 1% ท่ามกลางมาตรการ Lockdown ทั่วประเทศอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับการฟื้นตัวของยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา

 

·         ดร.สก็อตต์ กอตเลียบ อดีตผู้อำนวยการองค์กรอาหารและยา เผยว่า การเพิ่มขึ้นของวัคซีนเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะจัดการกับไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ

การฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ อาจไม่เพียงพอต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้ได้แพร่ระบาดที่สหรัฐฯ ด้วย

จากข้อมูลศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค เผยว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในอังกฤษ หรือที่รู้จักกันในชื่อ B117  ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อ 971 ราย ใน 37 รัฐของสหรัฐฯ

 

·         อียู พร้อมร่วมงาน กับทีมบริหารไบเดน เพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า

อียูยอมรับการดำเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าของอียู จากข้อพิพาทอย่างยาวนานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบิน  และพร้อมร่วมงานกับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้า

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า "พร้อมตัดสัมพันธ์อียู" หากได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกดูจะอยู่ภายใต้แรงกดดันครั้งใหม่ หลังจากที่รัสเซียมีการสั่งจำคุกแกนนำนักวิจารณ์ทางการเมือง ที่อาจนำไปสู่ความเป็นไปได้ในการคว่ำบาตรรอบใหม่


·         โพลล์สำรวจจาก Reuters ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอยู่ในภาวะถดถอยแบบ double-dip  ท่ามกลางข้อจำกัดจากมาตรการ Lockdown เนื่องจากการฟื้นตัวของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลกระทบต่อมุมมองความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ความล่าช้าในการเปิดตัววัคซีนของสหภาพยุโรปและความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงักกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับ

 

·         นาง อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เรียกร้องให้ชาวเยอรมนีมีความอดทนเพิ่มขึ้น หลังจากที่ตัดสินใจประกาศขยายมาตรการ Lockdown ไปจนถึงวันที่ มี.ค.นี้

 

·         ออสเตรเลียเดินหน้าจัดแข่งกีฬาเทนนิสต่อเนื่องแม้จะปราศจากฝูงชน หลังจากที่รัฐวิคทอเรียประกาศ Lockdown  เป็นเวลา วัน

 

 

·         เมลเบิร์นประกาศ Lockdown รอบใหม่ สั่งห้ามเข้าร่วมจากงาน Australian Open

 

·         นายโยชิโระ โมริ หัวหน้าทีมโอลิมปิกที่โตเกียว 2020 ประกาศลาออกในวันนี้และกล่าวขอโทษอีกครั้งสำหรับสาเหตุคำกล่าวปมเหยียดหยามทางเพศทำให้เกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์ไปทั่วโลก

 

·         ญี่ปุ่นประสบปัญหาอย่างมากในไตรมาสแรก ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด

 

ผลสำรวจของรอยเตอร์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นประสบปัญหาหดตัวมากกว่าที่คาดไว้ในเบื้องต้น ในไตรมาสแรก ช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ท่ามกลางการขยายมาตรการล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายขององค์กรและครัวเรือน

 

 

·         วันนี้ทางญี่ปุ่นได้รับวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาล็อตแรกของบริษัท Pfizer แล้ว และมีแผนที่จะอนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ โดยวัคซีนล็อตแรกนี้มีจำนวน 400,000 โดส

 

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาการเริ่มฉีดวัคซีนให้กับแพทย์และพยาบาลจำนวน 2 หมื่นคนในวันพุธหน้า

 

·         ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า เรียกร้อง ให้ยุติการประท้วง ขณะที่สหรัฐฯ ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเป็นที่เรียบร้อย

 

ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า เรียกร้องให้ ข้าราชการกลับไปทำงาน และขอให้ประชาชนยุติการชุมนุม เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะที่เกิดเหตุการณ์ประท้วงขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่หก เพื่อต่อต้านรัฐประหารที่ยึดอำนาจ

 

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ประกาศจะใช้มาตรการคว่ำบาตรในรอบแรก ขณะที่นักกฎหมายของอียู เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก ร่วมต่อต้านผู้นำรัฐบาลทหาร และอังกฤษจะดำเนินการพิจารณามาตรการที่จะลงโทษการปฏิวัติในวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

กองทัพเมียนมาปล่อยตัวนักโทษจำนวน 23,369 คนในวันนี้ ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติ 55 คน โดยนายพลมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเมียนมา เรียกร้องให้ประชาชนยุติการประท้วงและกลับไปทำหน้าที่ของตน



·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากที่โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศกล่าวว่า ตลาดยังคงมีภาวะอุปทานมากเกินไป

 

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 47 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.8% ที่ระดับ 60.67 เหรียญ/บาร์เรล หลังลดลง 0.5% ในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 53 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.9% ที่ระดับ 57.71 เหรียญ/บาร์เรล หลังลดลงไป 0.8% เมื่อวานนี้

 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันทั้งสองชนิดปิดปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ม.ค. ปี 2020 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากปรับขึ้นติดต่อกันยาวนานที่สุดเกือบเป็นประวัติการณ์

 


 

·         การผลิตน้ำมันอิหร่านอาจเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นจากสหรัฐฯคว่ำบาตร

 

การสำรองน้ำมันดิบของอิหร่านมีความเสี่ยงจะกลายมาเป็นสินทรัพย์มาตรฐาน หรือสินทรัพย์ทั่วไปมากขึ้น ยกเว้นว่าทีมบริหารของสหรัฐฯจะทำการคลายมาตรการคว่ำบาตร และปล่อยให้อิหร่านสามารถกลับมาผลิตน้ำมันได้ หลังจากที่สูญเสียสิทธิด้านการแข่งขัน ประกอบกับช่วงเวลานี้ที่มีการเข้าสู่ช่วงการลดการใช้พลังงานคาร์บอน

 

อิหร่านถือเป็นชาติที่มีการสำรองน้ำมันมากที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ของโลก มีการพึ่งพาน้ำมันและมีการได้ผลกำไรจากน้ำมันอย่างมาก แต่การถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ก็ดูจะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างกำไรให้กับประเทศที่ยังอยู่ใกล้เคียงกับยอดในปี 2018

 

การมาของทีมบริหารไบเดน แม้จะมีท่าทีเป็นมิตรมากขึ้นกว่ายุคของนายทรัมป์ แต่ก็จะยังไม่ตัดสินใจถอนมาตรการออกโดยง่ายจนกว่าจะมีการทำข้อตกลงกับอิหร่าน

 

ผู้นำอิหร่าน ระบุว่า หากยืดเวลาการคว่ำบาตรออกไป จะทำให้น้ำมันที่ถูกใช้เป็นสินทรัพย์สำรองหลักของประเทศนั้นมีการผลิตที่มากเกินไป ทำให้ในท้ายที่สุดก็เพียงพอต่อความต้องการใช้พลังงานทั่วโลก

 

อย่างไรก็ดี การเพิ่มมาตรการเปลี่ยนมาลดพลังงานคาร์บอน ควบคู่กับผลกระทบจาก COvid-19 ก็ดูจะกระทบต่ออุปสงค์ด้านพลังงาน และทำให้การอุปโภคบริโภคน้ำมันนั้นอยู่ในระดับต่ำ


 

 

·         ABN Amro ชี้ ในทางเทคนิค Brent อาจขึ้นแตะ  70 เหรียญได้

 

ราคาน้ำมันดิบ Brent สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวแถวระดับแนวต้านสำคัญ 60 เหรียญ/บาร์เรล ในกรอบขาขึ้น และในทางเทคนิคเชื่อว่ามีโอกาสไปได้ต่อถึง 70 เหรียญ/บาร์เรล

 

แต่โดยรวมก็มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 50 - 60 เหรียญ/บาร์เรลก่อนในระยะสั้นๆ  และยังมีโอกาสขึ้นได้ต่อเนื่องจากยังมีปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมัน

คาดการณ์เศรษฐกิจฟื้นตัว

การผ่อนคลายสภาวะ Lockdown

 

ทั้งนี้ หากนักลงทุนเริ่มรู้สึกว่า "สภาวะขาขึ้นใกล้จบลง" ก็อาจก่อให้เกิดแรงเทขายตามมา และการแห่กันปิดสถานะ Long ที่ถือไว้ อาจยิ่งกดดันทำให้ราคากลับมาสู่ทิศทางขาลง

 

อย่างไรก็ดี ในปี 2022 - 2023 คาดว่าราคาน้ำมันดิบอาจมีการปรับตัวสูงขึ้นได้


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com