· Credit Suisee เผยผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด ท่ามกลางแรงกดดันจากข้อพิพาทด้านกฎหมายกับทางสหรัฐฯ
· หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯยัง "ฟื้นตัว" มาจากบริษัทต่างๆมีการปรับลดค่าใช้จ่าย
รายงานจาก CNBC ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีการทำ New Highs ต่อเนื่องท่ามกลางการประกาศรายงานผลประกอบการ
ขณะที่รายงานจาก Morgan Stanley ชี้ว่า รายงานผลประกอบการบริษัทดูจะมีการเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการประชุม "Operating Leverage" ที่ผ่านมา หรือการประชุมของทีมบัญชีเพื่อหามาตรวัดความสามารถในการเติบโตของบริษัทต่างๆ ซึ่งจะเห็นถึงวิธีการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ เช่น
- การลดค่าเช่า
- การลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง
- (โดยเฉพาะ) การลดค่าจ้าง
ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เราเห็นได้ถึงผลประกอบการที่กลับมาโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คาด และน่าจะเห็นถึงการเติบโตได้มากขึ้นในปี 2021
((รายได้ที่มากขึ้น + ค่าใช้จ่ายที่ลดลง = ผลกำไรที่มากขึ้น))
· ตลาดหุ้นสหรัฐฯกังวลเกี่ยวกับ "ข้อกำหนด" อันเป็นผลจากหุ้น GameStop ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน
สถานการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดูจะมีคยวามกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการจัดประชุมข้อกำหนดพิเศษของ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ประกาศจะพบกับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC), สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด, ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และคณะกรรมาธิการซื้อขายสินค้าอนพันธ์ุในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) เพื่อหารือเรื่องการปกป้องกลุ่มนักลงทุน, ความยุติธรรมและประสิทธิภาพของตลาด
โดยการประชุมดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในวันนี้
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่มีผลประกอบการดีเมื่อเร็ว ๆ นี้
ท่ามกลางสัญญาณความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับดี โดยดัชนี Euro Stoxx 50 futures เพิ่มขึ้น 0.22% ดัชนี DAX futures ของเยอรมันเพิ่มขึ้น 0.15% ที่ 13,917 และดัชนี FTSE futures เพิ่มขึ้น 0.3%
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.42% แต่ยังคงปิดใกล้ระดับ all-time high ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงหลังจากกลับมาเปิดทำการซื้อขายวันแรก หลังวันหยุดเทศกาลตรุษจีน
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนหันกลับมาระมัดระวังการลงทุนหลังจากที่ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นไปเหนือระดับ 30,000 จุด แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของหุ้น Fast Retailing จะจำกัดการปรับลดลงก็ตาม
โดยดัชนี Nikkei ปิด -0.19% ที่ระดับ 30,236.09 จุด ด้านดัชนี Topix -1% ที่ระดับ 1,941.91 จุด
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี Nikkei สามารถยึนเหนือระดับ 30,000 จุดได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 ท่ามกลางความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
· ดัชนี blue-chip ปิดปรับตัวลดลง หลังจากปรับขึ้นไปทำ all-time high ในช่วงแรกของการซื้อขายหลังจากปิดทำการในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบาย
ทั้งนี้ ดัชนี blue-chip CSI300 ปิดเพิ่มขึ้น 2.1% ซึ่งทำระดับสูงสุดที่บริเวณ 5,930.9 จุด ก่อนจะปิดลดลง 0.7% ที่ระดับ 5,768.38 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.6% 3,675.36 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังรายงานการประกาศผลประกอบการภาคบริษัท เช่น Airbus, Barclays และ Daimler
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.2% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรพุ่ง 2% ขณะที่หุ้นประกันภัยลดลง 0.4%
ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนตอบสนอวต่อรายงานผลประกอบการบริษัท Air France KLM, Orange, Carrefour, Bouygues, Valeo และ EDF, Moncler และ Nestle ใ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ราคาทองหล่น ต้นปีทองคำแท่งร่วงแล้ว 2,200 บาทต่อบาททองคำ ทองรูปพรรณหลุด 26,000 บาท ขายออกเหลือ 25,900บาท เหตุตลาดโลกราคาร่วงหนัก หลุด 1,800 ดอลล์/ออนซ์ หลายปัจจัยกดดันตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด กองทุน SPDR เทขาย5.54ตัน แม่ทองสุกไม่แนะนำไล่ซื้อเพื่อลดขาดทุน เหตุแนวโน้มยังเป็นขาลง
- "ออมสิน" เปิดลงทะเบียนกู้เงินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เอสเอ็มอี มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว วงเงิน10,000 ล้านบาท เติมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว-ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ปีแรกดอกเบี้ยต่ำ 0.10%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ
- หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดเช้า -2.01 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,513 จุด มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 50,640 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ STA OR และ STGT
การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,512.90 จุด ปรับลง -2.01 จุด หรือคิดเป็น -0.13% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 50,640 ล้านบาท อยู่ในกรอบ 1,512.15-1,524.11 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ STA OR และ STGT
ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับลง -2.58 จุด หรือคิดเป็น -0.27% อยู่ที่ 939.58 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 21,436 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 42.33% ของมูลค่าซื้อ-ขายในตลาด SET
- “ซี.พี.” ปฏิวัติแอร์พอร์ตลิงก์ ลุยรถไฟฟ้าเชื่อมธุรกิจในเครือ
ซี.พี.ปฏิวัติธุรกิจรถไฟฟ้า จ่ายค่าต๋งหมื่นล้านเทกโอเวอร์แอร์พอร์ตลิงก์ วิ่งรถครั้งแรก 25 ต.ค. สัมปทาน 50 ปี ค่าโดยสาร 15-45 บาท รีแบรนด์ชื่อใหม่ จ้างอิตาลีเดินรถ ทุ่ม 2 พันล้าน ดัดแปลงโบกี้ขนกระเป๋า จุผู้โดยสารเพิ่ม อัพเกรดระบบตั๋วจ่ายผ่านทรูมันนี่วอลเลต ผุดถนนเชื่อมสถานี จัดระเบียบที่จอดรถ ร.ฟ.ท.อัดเวนคืน 4.7 พันล้าน เร่งส่งมอบพื้นที่ไฮสปีด “สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” ตอกเข็มปีนี้
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- OR เผย Q4/63 มีกำไร 2,923 ลบ. ลดลง 15.3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ส่วนปี 63 กำไรลด 19.3% เหตุรายได้ธุรกิจน้ำมัน - Non Oil ชะลอจากโควิด-19 แต่ยังมีปันผล 0.10 บ. XD วันที่ 16 มี.ค.64
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงผลประกอบการ ในไตรมาส 4/63 มีกำไร 2,923 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/63 ที่กำไร 3,450 ล้านบาท หรือ 15.3%