รายงานฉบับใหม่ของสถาบันจัดอันดับ S&P Global Ratings ระบุว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงจะเผชิญกับการฟื้นตัวที่ล่าช้าทางเศรษฐกิจที่อาจกดดันให้เศรษฐกิจทรุดตัวลึก
ประเทศไทยและประเทศอื่นๆในแถบอาเซียน ดูจะได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ระลอกใหม่ และภาพรวมคาดว่าประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในแถบเอเชียน่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาเติบโตได้เทียบเท่าช่วงก่อนการระบาดประมาณเดือนส.ค. ปีนี้
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่กำลังเพิ่มมากขึ้นจากความล่าช้าในการกู้คืนเศรษฐกิจจาก Covid-19 ก็ดูจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคกินเวลาที่ยาวนานขึ้น และนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม “ต้องอดทน” ต่อไปอีกหลายเดือน ขณะที่หลายๆรัฐบาลในพื้นที่มีการประกาศใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง ควบคู่กับภาคครัวเรือนที่เลือกอยู่แต่ในที่พักอาศัยมากกว่า
นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง และยังไม่สามารถจะผ่อนคลายสถานการณ์ Lockdown ได้ จึงมีแนวโน้มจะกดดันการฟื้นตัวของจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้
ภัยคุกคามใหญ่ที่สุดคือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภค ท่ามกลางประชาชนที่เลือกใช้จ่ายน้อยลงและอยู่กับบ้านมากขึ้น และภาพรวมดูเหมือนสถานการณ์การฟื้นตัวจะยืดเยื้อออกไปอีกราว 2 เดือน ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สถาบัน S&P Ratings ปรับลดคาดการณ์ การเติบโตในปี 2021 ลงประมาณ 1% สู่ระดับ 5.2%
ประมาณ 2 ใน 3 ของการปรับตัวลดลงจะมาจากความอ่อนแอเกินคาดของกิจกรรมทงเศรษฐกิจในช่วง่ไตรมาสแรกที่อาจกระทบต่อไปถึงช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2022 มีโอกาสจะโตได้น้อยกว่าคาดการณ์เช่นกัน
ภาพรวมทางเศรษฐกิจในระยะยาว ดูจะได้รับผลกระทบจาก “ปัญหาคนว่างงาน” ที่นำไปสู่ผลเสียครั้งใหญ่ต่อยอดงบดุลและภาคแรงงาน ขณะที่หลายๆภาคธุรกิจตัดสินใจ “ปิดตัว” และทำให้ประชาชนยิ่ง “ตกงานมากขึ้น” สูญเสียทั้งทักษะด้านแรงงานและแรงบันดาลใจ ประกอบกับทำให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจก้าวเข้าสู่ยุค NEW NORMAL
S&P Ratings เรียกช่องว่างระหว่างความสำเร็จและยุคใหม่ รวมทั้งช่วงก่อนเกิด Covid-19 ว่าเป็น “ความเสียหายอย่างถาวร และอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจทรุดได้ราว 7.4% และหากการฟื้นตัวยังล่าช้าออกไปอีกอย่างน้อย 2 เดือนก็อาจทำให้ภาวะทางเศรษฐกิจแย่ลงมากกว่า 8.1%
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะเผชิญภาวะทรุดตัวลงอย่างถาวรครั้งใหญ่ที่สุดราว 10% และฟิลิปปินส์มีแนวโน้มจะดิ่งลง 12%
โดยเฉพาะประเทศไทยที่พึ่งพาโครงสร้างและภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักก็อาจเผชิญกับภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวได้ล่าช้าจากวิกฤตครั้งนี้ ขณะที่ปัจจัยที่อาจช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะมาจาก
- อุปสงค์ภายในประเทศอาจช่วยเสริมการเติบโตปีนี้ได้มากขึ้น
- โดยเฉพาะหากสหรัฐฯมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจมากขึ้นในเร็วๆนี้
- การฟื้นตัวของจีนอาจช่วยกลับมาสร้างเสถียรภาพได้เร็วกว่าที่คาด
- ค่าใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดนำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากประเทศอื่นๆในเอเชีย
อย่างไรก็ดี ภาพรวมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้องได้รับวัคซีนอย่างเพียงพออย่างน้อย 40-50% ของค่าเฉลี่ยประชากรทั้งหมด จึงจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ แต่วี่แววการฉีดวัคซีนน่าจะเกิดขึ้นได้ประมาณช่วงครึ่งหลังของปีมากกว่า
ที่มา: The Nation, Trading Economics