• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

    22 กุมภาพันธ์ 2564 | Economic News
   

· ดอลลาร์อ่อนค่า-ความเชื่อมั่นตลาดฟื้นความต้องการค่าเงินสินทรัพย์เสี่ยง

ดอลลาร์อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดรอบ 3 ปี เมื่อเทียบค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ ที่ระดับ 0.7892 ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่มี.ค. ปี 2018 สำหรับค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ ท่ามกลางรายงานการเริ่มต้นฉีดวัคซีนในประเทศออสเตรเลียวันแรก ประกอบกับ Fitch Ratings ยังคงแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศสู่ระดับ AAA

นอกจากนี้ ประเทศออสเตรเลียมีรายงานไม่พบยอดติดเชื้อใหม่เพิ่มต่อเนื่อง 3 วันทำการ


ด้านค่าเงินนิวซีแลนด์ก็แข็งค่ามากสุดตั้งแต่เม.ย. ปี 2018 ที่ 0.7315 เมื่อเทียบกับดอลลาร์

ค่าเงินปอนด์คืบหน้าจากมาตรการจำกัดผู้ติดเชื้อจาก Covid-19 จึงหนุนความต้องการค่าเงินกลุ่มเสี่ยงกว่า

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.2124 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าใกล้สูงสุดรอบ 3 ปี ล่าสุดอยู่แถว 1.4030 ดอลลาร์/ปอนด์ และสถานการณ์เงินปอนด์กำลังให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษว่าจะเริ่มประกาศแผนผ่อนคลาย Lockdown ได้ภายในวันนี้หรือไม่ ท่ามกลางอังกฤษที่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก

ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 105.45 เยน/ดอลลาร์


CFTC เผย ดอลลาร์มีสถานะ Short สุทธิในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 2.909 หมื่นล้านเหรียญ ถือเป็นต่ำสุดตั้งแต่ช่วงกลางธ.ค.

ขณะที่สถานะ Short สุทธิยังคงปรับลงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ติด สะท้อนว่านักลงทุนบางส่วนมีมุมมองเชิงบวกกับค่าเงินดอลลาร์


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นเหนือ 1.38%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นเหนือระดับสำคัญทางเทคนิค 1.30% และวันนี้สามารถทะยานเหนือ 1.38%

นักวิเคราะห์จาก BofA ระบุว่า ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ให้ผลตอบแทนปีนี้แย่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2013 แถวระดับ -9.4% ขณะที่สินทรัพย์แท้จริงส่วนใหญ่ดูจะสดใสกว่าสินทรัพย์ในกลุ่มการเงินอย่างมากในปี 2021 นี้ ท่ามกลางสภาวะวัฎจักร, การเมือง และแนวโน้มสถานการณ์โลกที่ดูจะจุดประกายให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และพลังงานก็ยังมีการปรับตัวสูงขึ้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน


· มูลค่าสินทรัพย์ Crypto ในตลาดร่วงลงกว่า 7 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากที่ Bitcoin ร่วงหลุด 56,000 เหรียญ

รายงานจาก Market Watch ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ในตลาดหรือ Market Capitalization ของ Cryptocurrency สูญเสียราว 7 หมื่นล้านเหรียญภายในระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมงจากการที่ราคา Bitcoin ร่วงหลุดต่ำกว่า 56,000 เหรียญ


หลังจากที่เมื่อวานนี้ทำ All-Time High เหนือ 58,000 เหรียญได้ โดยปรับตัวลดลงราว 3,000 เหรียญ มาแถว 55,000 เหรียญ

สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน อาทิ Ethereum ปรับลงต่ำกว่า 1,900 เหรียญ


Bitcoin ดิ่งลงกว่า 3,000 เหรียญหลังทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในช่วงแรกค่าเงิน Bitcoin ค่อนข้างเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก โดยมีการปรับขึ้นได้มากกว่า12,000 เหรียญจากระดับต่ำสุดบริเวณ 46,000 เหรียญ และมีการทำ All-Time High ได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ทิศทางตลาดดูจะกลับมาเป็นขาลงในระยะสั้นๆ หลังจากที่ Bitcoin จากที่ทะยานไป 58,400 เหรียญ ทรุดลงมากว่า 3,000 เหรียญ กลับสู่การเคลื่อนไหวของระดับราคาบริเวณ 55,000 เหรียญ

ในทางเทคนิคบ่งชี้ว่า มีโอกาสเห็นราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงมาบริเวณแนวรับ 55,000 เหรียญ, 52,365 เหรียญ และ 50,800 เหรียญ

แต่หาก Bitcoin ปรับขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญ 57,500 เหรียญ ก็น่าจะมีโอกาสไปได้ต่อบริเวณ 58,350 เหรียญก่อนจะเผชิญกับความผันผวนปรับลงได้อีกครั้ง


ETH อ่อนตัวลงต่ำกว่า 1,900 เหรียญ หลังทำสุงสุดที่ 2,050 เหรียญ เป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดปรับลงไปเกือบ 200 เหรียญ - XRP ปรับขึ้นมาที่ 0.60 เหรียญ

· มูลค่าความเสียหายภาคที่อยู่อาศัยสหรัฐฯพุ่งขึ้นกว่า 61% ในรอบ 30 ปี ท่ามกลางระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นและสภาพอากาศที่รุนแรงจึงทำให้เกิดความเสียหายและเสี่ยงที่จะกระทบกับบ้านในหลายๆพื้นของสหรัฐฯ จึงมีแนวโน้มจะกระทบกับมูลค่าในตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้กว่า 3.2 หมื่นล้านเหรียญได้ภายในปี 2051


· รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน เรียกร้องให้สหรัฐฯถอนการปรับขึ้นภาษีและการคว่ำบาตรประเทศ และยุติการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีของจีน แต่ควรหันหน้ามาใช้เงื่อนไขการพัฒนาร่วมกันระหว่างประเทศ


· ดร.แอนโธนี ฟาวซี แนะนำให้ “ระมัดระวัง” การปรับตัวลดลงของตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 พร้อมเตือนว่า การติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับสูง


· รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรงเรียนในอังกฤษจะกลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ขณะที่ประชาชนจำนวน 2-6 คนสามารถพบปะกันข้างนอกได้ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. เนื่องจากมาตรการข้อจำกัดของประเทศได้ผ่อนคลายลง


· รัฐบาลจีนลงทุนในบริษัท BGI Genomics Co ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศจีนเพื่อจัดหาอุปทานการทดสอบหาเชื้อ Covid-19 จำนวนนับล้านชิ้น จึงดูเหมือนบริษัทดังกล่าวจะมีโอกาสเติบโตได้มากที่สุดอันเป็นผลจากการระบาดของไวรัสโคโรนา


· กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย เผยว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่เพิ่มอีก 14,199 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 83 ราย


· รัฐมนตรีญี่ปุ่นเผย อุปทานวัคซีนในประเทศมีจำกัด จึงทำให้การฉีดวัคซีน Covid-19 แก่ผู้สูงอายุมีความล่าช้าออกไป


· ออสเตรเลียเริ่มฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนวันนี้ หลังฉีดให้นายกฯเมื่อวาน

ออสเตรเลียเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนในวันนี้ โดยฉีดให้กับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าและผู้สูงอายุเป็นกลุ่มแรก พร้อมกับตั้งเป้าฉีดให้ได้ 60,000 โดสภายในสัปดาห์นี้ ส่วนเมื่อวานนี้ มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรกจำนวน 20 ราย รวมทั้งนายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียด้วย


· อิสราเอล ระบุว่า วัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของบริษัท Pfizer-BioNTech มีประสิทธิในการป้องกันการติดเชื้อโคโรนาได้ 99% และสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ถึง 99%


· ฟิลิปปินส์อนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของบริษัท Sinovac Biotech เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสไวรัสโดยตรง เนื่องจากประสิทธิภาพการป้องกันต่ำ


· "อนุทิน" การันตี วัคซีน Sinovac ล็อตแรกถึงไทย 24 ก.พ.นี้ และจะมาครบ 2 ล้านโดส ภายในเดือน เม.ย.นี้ ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดพบติดโควิดใหม่ 92 ราย "บิ๊กตู่" แย้ม "ศบค.ชุดใหญ่" ถกวันนี้ ผ่อนคลายนั่งดื่มในร้าน-เปิดสถานบันเทิง


· กลุ่มผู้ประท้วงชาวพม่ายังคงกล่าวโจมตีต้านอำนาจรัฐประหาร โดยไม่สนใจคำเตือนจากรัฐบาลทหารถึงบทลงโทษที่รุนแรง

ทั้งนี้ ตำรวจพม่าเริ่มมีการสลายกลุ่มผู้ประท้วงเนปิดอว์ในวันนี้ เนือ่งจากทำให้ภาคธุรกิจต่างๆในประเทศต้องปิดทำการจากเหตุประท้วง ขณะเดียวกันก็มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากเหตุสลายชุมนุมที่ผ่านมาอีกด้วย


· ผู้เชี่ยวชาญบริษัทน้ำมันและ OPEC คาดน้ำมันเชลล์จะรีบาวน์ได้จำกัดในปีนี้ แม้จะเห็นราคาน้ำมันดิบปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นได้ก็ตาม เนื่องจากสหรัฐฯยังเผชิญกับการภูมิอากาศหนาวจัดกระทบการผลิต ที่อาจหนุนการตัดสินใจของกลุ่มสมาชิก OPEC และพันธมิตรได้

ในเดือนก.พ. นี้ กลุ่ม OPEC มีการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้ รวมถึงน้ำมันเชลล์ โดยประเมินว่ากำลังการผลิตมีแนวโน้มลดลง 140,000 บาร์เรล/วัน ที่ระดับ 7.16 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯคาดว่าการผลิตน้ำมันเชลล์มีแนวโน้มจะลดลงไป 78,000 บาร์เรล/วัน ที่ระดับ 7.5 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค.นี้

นอกจากนี้ OPEC คาดว่าการที่รัฐเท็กซัสเผชิญกับสภาวะอากาศที่หนาวจัด กระทบกับการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯไปราว 40% และส่งผลให้หลายๆที่เผชิญกับการปิดทำการชั่วคราว และจำกัดอุปสงค์ของภูมิภาคด้วย

การปราศจากการรีบาวน์ของน้ำมันเชลล์ มีโอกาสจะทำให้ “OPEC+ ง่ายต่อการจัดการกับตลาด” แม้จะยังไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงชั่วคราวหรือไม่

อย่างไรก็ดี บริษัทพลังงานในสหรัฐฯบางแห่งก็ยังมีการเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะ และการผลิต จึงยังถูกคาดว่าจะสร้างแรงกดดันให้แก่ภาคบริษัทต่างๆในการหั่นค่าใช้จ่ายเพื่อนำมาลดหนี้สินและการเพิ่มผู้ถือหุ้น ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันเชลล์กังวลว่าการเพิ่มขึ้นของแท่นขุดเจาะดังกล่าวจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ OPEC เลือกกลับสู่ตลาดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น


· น้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากการกลับมาผลิตของสหรัฐฯที่ช้าลง หลังเผชิญพายุฤดูหนาว

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้เนื่องจากการกลับมาการผลิตของสหรัฐฯเป็นไปได้อย่างช้าลง ส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลงจากสภาวะที่หนาวจัด จึงสร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาน ท่ามกลางอุปสงค์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.2% ที่ระดับ 61.67 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น

เกือบ 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว

น้ำมัน WTI ปรับเพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.3% ที่ระดับ 59.98 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 0.4% จากสัปดาห์ที่แล้ว


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com