• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

    22 กุมภาพันธ์ 2564 | Gold News

ทองคำรีบาวน์จากระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยชดเชยการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

 

·         ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ที่กดดันการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น 0.5% แถว 1,791.50 เหรียญ หลังร่วงลงไปทำต่ำสุดที่บริเวณ 1,759.29 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.

 

·         สัญญาทองคำปรับสูงขึ้น 0.6% แถวระดับ 1,787.70 เหรียญโดยประมาณ

 

·         นักเศรษฐศาสตร์จาก OCBC Bank กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าช่วยชดเชยการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ขณะที่ทองคำมีการเคลื่อนไหวในสภาวะผันผวน  ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างชัดเจนมากว่าทองคำจำเป็นต้องได้รับแรงหนุนเพื่อเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ท่ามกลางการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

 

·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับค่าเงินปอนด์และสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีซึ่งช่วยหนุนต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำแท่ง

 

·         นอกเหนือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯมูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญที่คาดว่าจะสามารถผ่านพ้นไปในช่วงปลายสัปดาห์ นักลงทุนยังรอคอยถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดในแถลงครึ่งปีว่าด้วยนโยบายทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อสภาคองเกรสในวันพรุ่งนี้

 

·         หัวหน้านักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสของ OANDA  ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในตอนนี้ แต่หากถ้อยแถลงของนายโพเวล์บ่งชี้ถึงการลดลงหรือบอกเป็นนัยว่าอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันสูงเกินไปสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เราก็จะเห็นทองคำกลับมาปรับตัวสูงขึ้นได้อีกครั้ง

 

·         ขณะเดียวกัน Bitcoin ก็ทำสถิติสูงสุดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

 

·         ทั้งนี้ การปรับอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สามารถช่วยให้ราคาทองคำฟื้นตัวในระยะนี้ แต่ไม่ได้เปลี่ยนทิศทางของราคาได้

 


·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่ง ขานรับข่าววัคซีน ด้านทองคำ-น้ำมันรีบาวน์

 


ทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้แม้ว่าจะมีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับวัคซีนของบริษัท Pfizer – BioNTech เผยถึงวัคซีน Covid-19 ของบริษัทสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ ซึ่ง วัคซีน” ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมในปี 2021 ที่จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับมาเปิดทำการได้ และความหวังที่จะเห็นหลายๆบริษัทกลับมาดำเนินธุรกิจได้เหมือนช่วงก่อนเกิด Covid-19

แต่ทั้งหมดนี้จะสะท้อนว่า การใช้นโยบายการเงินขนาดใหญ่” และ การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินจำนวนมาก” อาจเป็นตัวตัดสินเช่นกัน ขณะที่หลายๆบริษัทก็ยังจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออยู่ ประกอบกับบริษัทรายใหญ่ๆที่เริ่มกังวลต่อการมาของเงินเฟ้อที่อาจเร่งให้การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องจบลงโดยเร็ว

กลุ่มนักลงทุนยังคงมีการลดการถือครองตราสารหนี้และตลาดพันธบัตร แต่ยังไม่ลดการถือครองในตลาดหุ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯปรับขึ้นใกล้ 1.38%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรออสเตรเลียอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 1.60% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) กลับเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อต่อสู้กับสภาวะเชิงบวกของอัตราผลตอบแทนจากภาวะซื้อขายตามแรงเก็งกำไรเงินเฟ้อทั่วโลก หรือสภาวะ “Reflation Trade”

และไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายแบบ Reflation Trade หรือไม่ Bitcoin ก็ยังคงสดใสและปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการผ่าน 58,000 เหรียญได้ช่วงปลายสัปดาห์ และตลาดก็ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอว่า

“Bitcoin ที่ปรับขึ้น แท้จริงแล้วตอบรับกับเรื่องเงินเฟ้อจริงหรือไม่” และไม่อาจคาดเดาได้ด้วยว่าภาวะเงินเฟ้อจะมีผลกับค่าเงินดิจิทัลเช่นไร

ราคาทองคำวันนี้มีการรีบาวน์ได้จากระดับต่ำสุด 1,760 เหรียญ จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เข้าหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯให้ปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี ค่อนข้างแน่ชัดว่าจะเห็นทองคำปรับขึ้นได้จำเป็นต้องมีแรงหนุนมาช่วยในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบปอนด์ โดยจะเห็นได้ว่าปอนด์ทะยานผ่านแนวต้าน 1.40 ดอลลาร์/ปอนด์ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เม.ย. ปี 2018 จากมุมมองเชิงบวกต่อกรณี Post-Brexit และความเป็นไปได้ที่จะเห็นการสะสมพลัง เพื่อขยายตัวไปต่อเหนือระดับดังกล่าว

การแข็งค่าของเงินปอนด์ มีแนวโน้มจะไปกดดันตลาดหุ้นอังกฤษตั้งแต่ช่วงเริ่มสัปดาห์ได้ จึงเห็น FTSE100 ถูกกดดันเปิดร่วง 6,600 จุด แม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันปรับขึ้น  โดยน้ำมันมีการเคลื่อนไหวแกว่งตัวบริเวณ 60 เหรียญ/บาร์เรล โดยยังถูกจำกัดการเคลื่อนไหวจากปัจจัย

- สภาพภูมิอากาศในเท็กซัส

- แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโครงการฉีดวัคซีน

 

ระยะกลางของน้ำมันยังเป็นไปในเชิงบวก

 

แต่ต้องระวัง 4 มี.ค. นี้ เนื่องจาก OPEC จะตัดสินใจเกี่ยวกับการผลิตอีกครั้ง ที่มีข่าวลือมาว่าประเทศรัสเซียแสดงความตั้งใจจะเริ่มถอนตัวจากข้อตกลงการจำกัดการผลิต  หลังจากคราวที่แล้วที่เกิดเรื่องไม่ลงรอยกันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ก็ก่อให้เกิดสงครามราคา (Price War) และกดดันให้ราคาน้ำมันในปีนั้นเข้าสู่แดนลบ -40 เหรียญ/บาร์เรล

 

 

·         Gold price analysis: ทองคำระยะสั้นปรับตัวขึ้น แต่ภาพระยะยาวยังเป็น ขาลง

นักวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่า ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่องมาเหนือ 1,780 – 1,785 เหรียญ ส่งสัญญาณนักลงทุนมีความ ระมัดระวัง” ต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกและการพุ่งขึ้นของ Bitcoin ขณะที่ราคาทองคำในตลาด New York ดูจะเคลื่อนไหวปรับขึ้นได้ในอีก 3 วันข้างหน้า ขณะที่ดัชนีดลอลาร์ทรงตัวในกรอบระหว่าง 90.3 – 90.5 จุด จึงมีโอกาสช่วยหนุนให้ทองคำกลับทดสอบแนวต้านได้

 

วิเคราะห์แนวโน้มทองคำ

ในกราฟรายวันราคาทองคำดูจะ Break ภาวะ Uptrend ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเม.ย. ปี 2020 ได้ หลังสัญญาณการ Breakout ดังกล่าว ล่าสุดก็ดูเหมือนทองคำจะมีการปรับตัวขึ้นจาก 1,760 – 1,780 เหรียญ และมีโอกาสกลับทดสอบแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นที่กรอบ 1,780 – 1,800 เหรียญ ที่จะเป็นตัวชี้วัดการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนอีกครั้ง

ขณะที่กราฟราย 4 ชั่วโมง จะเห็นได้ว่าราคาทองคำมีการฟื้นตัวและกำลังกลับสู่กรอบราคา 1,756 – 1,926 เหรียญ





วิเคราะห์แนวรับ/แนวต้านของทองคำ

หลังทองหลุด 1,790 เหรียญในสัปดาห์ที่แล้ว ก็จะเห็นได้ถึงการปรับขึ้นอีกครั้งของราคาทองคำไปทดสอบแนวรับเก่า และบริเวณ 1,790 เหรียญ ถือเป็นระดับที่ค่อนข้างอ่อนไหว ซึ่งหากทองคำ Break แนวต้านระดับนี้ไปได้ ก็มีโอกาสจะไปต่อที่ 1,810 – 1,830 เหรียญ แต่หากล้มเหลวในการกลับไปยืนเหนือระดับดังกล่าว ก็อาจเผชิญแรงเทขายกลับลงมาอีกครั้ง

แนวต้าน: 1,790   1,810  และ 1,830 เหรียญ

แนวรับ: 1,740  และ 1,760 เหรียญ

วิเคราะห์ด้วย Fibonacci สะท้อนว่าจากภารายวันทองคำวัดได้ตั้งแต่ 2,070 – 1,760 เหรียญ ทำให้ภาพรวมสะท้อนถึงภาวะทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในสัปดาห์หน้า แต่สัปดาห์นี้ต้องจับตาระดับราคาที่เคลื่อนไหวใกล้แนว Fibonacci 0%

 

·         ราคาซิลเวอร์ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 0.6% ที่ 27.38 เหรียญ

 

·         ราคาแพลทินัมเพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1,276.92 จุด

 

·         ราคาพลาเดียมพุ่งขึ้น 1% บริเวณ 2,403.08 เหรียญ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com