ตลาดหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างมีการซื้อขายที่ผันผวน และการปรับลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯได้เข้ากดดันดัชนี S&P500 ให้ปิดแดนลบต่อเนื่อง 5 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ปิด -0.8% ที่ 3,876.50 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิด -2.5% ที่ 13,533.05 จุด หลัง Tesla ร่วง 8.6% ฉุดหุ้นเทคโนโลยีเข้าสู่แดนลบ ขณะที่ Apple, Amazon และ Microsoft ปิดลบไม่น้อยกว่า 2%
ดัชนีดาวโจนส์หลังปรับขึ้นได้ดว่า 200 จุด ก็ถูกแรงขายปิดตลาด -27.37 จุด หรือ -0.1% ที่ 31,521.69 จุด โดยได้รับอานิสงส์จากหุ้น Blue-Chip ที่ตอบรับกับทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อาทิ Disney ที่ปิด +4.4% ด้าน Caterpillar ปิด +3.5% และ American Express +3.2% ขณะที่ Chevron ปิด +2.7%
นักลงทุนในตลาดหุ้นบางส่วนกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อาจกระทบกับผลกำไรของบริษัทต่างๆ ขณะที่นักลงทุนบางรายก็เลือกที่จะทำการเทขายทำกำไรจากราคาหุ้นในบริษัทใหญ่ที่ปรับขึ้นได้ดี เพื่อไปถือครองหุ้นที่ตอบรับกับสถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ดีกว่า
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดได้ชัดเจนขึ้นในการกล่าวรายงานต่อสภาคองเกรสสัปดาห์นี้
เมื่อวานนี้ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี กล่าวว่า อีซีบีจะจับตาการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว “อย่างใกล้ชิด” และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรหลายๆตัวของยุโรปมีการปรับตัวลงหลังทราบถ้อยแถลงของเธอ
ตลาดการเงินส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นผลสะท้อนจากความมั่นใจเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัว ประกอบกับตลาดหุ้นมีการปรับขึ้นขานรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ที่มา: CNBC