• สรุปข่าววันหยุดมาฆบูชา (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564

    26 กุมภาพันธ์ 2564 | Gold News


ราคาทองคำปรับตัวลดลงมากกว่า 2% ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่สูงขึ้น


·         ราคาทองคำปรับตัวลดลงมากกว่า 2% ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นและข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และลดการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภั

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -1.8% ที่ 1,772.86 เหรียญ หลังจากที่ดิ่งลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.ที่ระดับ 1,765.06 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด -1.3% ที่ 1,775.40 เหรียญ

·         ด้านกองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองเพิ่มอีก 6.12 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,100.24 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 2020 ที่ผ่านมา 

·         รวมขายต่อเนื่อง 5 วันทำการ 32.65 ตัน  ขณะที่ตลอดเดือนก.พ.นี้ SPDR มีการขายทองคำออกมาแล้วสุทธิ 59.89 ตัน เป็นการขายต่อเนื่อง 5 เดือนติดกันตั้งแต่ต.ค. ปี 2020  โดยหากรวมช่วงเดือนม.ค. ถึงปัจจุบันขายแล้วทั้งสิ้น 70.50 ตัน

 

·         ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าของ High Ridge Futures กล่าวว่า  เราเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาและนั่นก็ทำให้กระแสซื้อขายในตลาดทองคำหมดไปอีกครั้ง

 

·         นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในระยะนี้เป็นสัญญาณที่แสดงถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากมีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา

 

 

·         นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะไม่เป็นสาเหตุทำให้เฟดพิจารณาปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในแต่ละเดือนเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

·         ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเผย ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ลดลงสู่ระดับ 730,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย. 2020 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ราย

 

·         สำหรับภาพรวมในปีนี้ ราคาทองคำปรับตัวลงเกือบ 6% หลังจากเป็นปีที่ดีที่สุดในปี 2020 ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

·         ซิลเวอร์ปิด -1.9% ที่ระดับ 27.46 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด -3.5% ที่ 1,224.14 เหรียญ

 

·         ราคาพลาเดียมปิด -1.1% ที่ 2,408.98 เหรียญ หลังแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ เดือน



·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.27% จากระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่  ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสูงถึง 1.6%

โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 1.55% หลังทะยานขึ้นสูงถึงระดับ 1.6% ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการคาดการณ์ที่ว่า อัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะเป็นไปอย่างแข็งแกร่งหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ดัชนีดอลลาร์ ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 90.1344 จุดเมื่อคืนนี้ หลังร่วงลงแตะ 89.677 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.20 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 105.94 เยน /ดอลลาร์

ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2184 ดอลลาร์/ยูโร

ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4036 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4123 ดอลลาร์/ปอนด์

 

·         กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับจีดีพีประจำไตรมาส 4/2020 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว 4.1% โดยปรับตัวดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.0% โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค แม้ว่าการใช้จ่ายในภาครัฐปรับตัวลง

ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธ.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของยอดสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์

 

·         สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาในเวลานี้

ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 113.53 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2.51 ล้านราย

โดยสหรัฐฯ ยังเป็นอันดับหนึ่งมีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 29 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย โดยล่าสุดอยู่ที่ 29.05 ล้านราย และเสียชีวิตรวม 520,738 ราย



·         อินโดนีเซียติดเชื้อทะลุ 1,314,000 ราย เสียชีวิตกว่า 35,500 ราย สูงสุดในอาเซียน

·         ฟิลิปปินส์ติดเชื้อทะลุ 568,000 ราย เสียชีวิต 12,201 ราย

·         เมียนมาติดเชื้อทะลุ 141,800 ราย เสียชีวิต 3,198 ราย

·         สถานการณ์การระบาดในไทย พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 72 ราย ติดเชื้อสะสม 25,764 ราย โดยมียอดผู้เสียชีวิตคงเดิิม 83 ราย



·         เกาหลีใต้เตรียมฉีดวัคซีน 1.5 ล้านโดส เริ่มส่งล็อตแรกทั่วประเทศแล้ว       

เกาหลีใต้ได้เริ่มขนส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ล็อตแรกราว 1.5 ล้านโดสไปทั่วประเทศแล้วในวันนี้ซึ่งนับเป็นการเริ่มดำเนินการตามแผนฉีดวัคซีนหลังจากที่มีการรอคอยมาอย่างยาวนาน โดยเกาหลีใต้นั้นมียอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เฉียด 90,000 รายนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในเดือนม.ค. 2563

 

·         จีนบริจาควัคซีนซิโนแวก 6 แสนโดสให้ฟิลิปปินส์ หลังบริจาค 1 ล้านโดสแก่กัมพูชา

สถานทูตจีนประจำกรุงมะนิลาแถลงว่า จีนจะบริจาควัคซีน CoronaVac ซึ่งเป็นวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวก ไบโอเทค จำนวน 600,000 โดสให้แก่ฟิลิปปินส์

วัคซีนดังกล่าวจะเดินทางถึงฟิลิปปินส์ในวันอาทิตย์นี้ และถือเป็นวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกของประเทศ

 

·         รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าที่จะแจกจ่ายวัคซีนจำนวน 29.55 ล้านโดสให้แก่ประชาชนในช่วงไตรมาสแรกนี้

 

·         น้ำมันดิบปิดผสมผสาน,น้ำมันดิบสหรัฐฯพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2019 จากการที่โรงกลั่นน้ำมันเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง

 

ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปิดผสมกันในโดยที่น้ำมันดิบของสหรัฐฯขยับขึ้นสู่ระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2019 จากการที่โรงกลั่นในเท็กซัสเริ่มการผลิตใหม่หลังจากที่หยุดลงในสัปดาห์ที่ ในขณะที่น้ำมันดิบ Brent คลายความกังวลว่าผลกำไรช่วง เดือนจะกระตุ้นให้ผู้ผลิตเพิ่มผลผลิต

 

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 16 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 66.88 เหรียญ/บาร์เรล สัญญา Brent โดยจะหมดอายุในวันนี้

 

น้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 31 เซนต์หรือ 0.5% ปรับสูงขึ้นที่ 63.53 เหรียญ/บาร์ ปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2019

 

·         ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีราคาสูงเพื่อนำเงินไปซื้อพันธบัตร หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.614%

โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 31,402.01 จุด ร่วงลง 559.85 จุด หรือคิดเป็น -1.75%ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,829.34 จุด ร่วงลง 96.09 จุด หรือคิดเป็น -2.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,119.43 จุด ร่วงลง 478.54 จุด หรือคิดเป็น -3.52%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังทำการเทขายหุ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาด ขณะที่ยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นของสหรัฐฯ และใกล้จะสิ้นสุดฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ


 ·       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังตลาดสหรัฐฯปรับร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

เช้านี้ ดัชนี Nikkei เปิด -2.51% ด้านดัชนี Topix เปิด -1.92% ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ ร่วงลงประมาณ 3%

ดัชนี S&P/ASX 200 ลดลง 2.27%

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง 1.14%

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

เมื่อวานนี้เงินบาทเริ่มอ่อนค่าต่อเนื่องในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสวนทางกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่แข็งค่าเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในช่วง 30.02-30.11 บาท/ดอลลาร์ และมีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาค่อนข้างมากในช่วงบ่าย

"มีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาต่อเนื่อง เงินบาทจึงไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ และสวนทางกับภูมิภาคที่ส่วนใหญ่แข็งค่าเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์"

โดยนักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทในต้นสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00 - 30.15 บาท/ดอลลาร์


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนม.ค.64 ได้รับผลกระทบชัดเจนขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ส่งผลให้การฟื้นตัวไม่ทั่วถึงมากขึ้น การบริโภคภาคเอกชนกลับมาหดตัว การควบคุมการระบาดของภาครัฐ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวด แต่เชื่อว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมจะไม่รุนแรงเท่าการระบาดในรอบแรก

 

ธปท.ระบุว่า ก่อนหน้านี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงสิ้นปี 63 แต่จากการระบาดระลอกใหม่ ทำให้เศรษฐกิจไทยเริ่มสะดุด ทำให้คาดว่าไตรมาส 1/64 เศรษฐกิจจะปรับตัวลดลงจากที่คาดไว้ และจะค่อยๆ ฟื้นตัว ดังนั้น จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในระดับก่อนโควิดได้ในช่วงไตรมาส 3/65 ก็คงต้องเลื่อนออกไปอีก ไตรมาส


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com