• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2564

    1 มีนาคม 2564 | Economic News
   

·         ดัชนีดอลลาร์ชะลอตัวต่ำกว่า 91 จุดก่อนทราบข้อมูลการผลิตจาก ISM

 

ดัชนีดอลลาร์เผชิญแนวต้านที่แข็งแกร่งที่ระดับ 91 จุด ในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์

ดัชนีดอลลาร์กับแนวโน้มของ “อัตราผลตอบแทนพันธบัตร” และ “ข้อมูลเศรษฐกิจ”

ดัชนีดอลาร์ในคืนวันศุกร์สามารถทดสอบแนวต้านสำคัญ 91 จุดได้ ตามการรีบาวน์ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ทรงตัวเหนือ 1.55เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.พ. ปี 2020 (เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา)



ปัจจัยสำคัญของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้:

วันจันทร์
22.00น. ISM Manufacturing PMI

วันพุธ
20.15น. ADP Report
22.00น.
 ISM Non-Manufacturing
02.00น. 
Fed’s Beige Book

วันพฤหัสบดี
20.30น. 
Initial Claims
00.05น. 
Powell’s speech

วันศุกร์
20.30น. 
Nonfarm Payrolls

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม:
1) ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน ภายใต้ทีมบริหารของนายไบเดน
2) กระแสคาดการณ์การยุติ
 QE vs การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
3) อัตราดอกเบี้ยแท้จริงระหว่าง สหรัฐฯ – อียู
4) สหรัฐฯจะผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่

ดัชนีดอลลาร์กับระดับสำคัญที่ต้องจับตา

ดัชนีดอลลาร์วันนี้ปรับขึ้นมาได้0.01บริเวณ 90.89 จุด ขณะที่ภาพรายสัปดาห์หาก Breakout ออกจาก 90.97 จุดได้ก็มีโอกาสไปถึง 91.05 จุด และอาจไปได้มากถึง 91.60 จุด

ในทางกลับกัน ระดับแนวรับด้านล่างอยู่ที่ 89.68 จุด หากหลุดลงมาจะเจอกับต่ำสุดเดิมเมื่อ 6 ม.ค. ที่ผ่านมาบริเวณ 89.20 จุด  และถัดไปเป็นต่ำสุดอขงเดือนมี.ค. ปี 2018 บริเวณ 88.94 จุด 


·         ค่าเงินกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวจากที่ดิ่งลงวันศุกร์ – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลง

ค่าเงินออสเตรเลีย และค่าเงินในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆมีการรีบาวน์ในวันนี้เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่ถูกกดดันจากแรงเทขายในตลาดพันธบัตร ก่อให้เกิด “ความวิตกกังวล” เกี่ยวกับการจะเห็นบรรดาธนาคารกลางอาจกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินจากที่ดำเนินนโยบายผ่อนคลายอยู่ในเวลานี้

ค่าเงินออสเตรเลียปรับแข็งค่า 0.6ที่ 0.7754 ดอลลาร์/ออสเตรเลียในช่วงต้นตลาดเอเชีย หลังจากที่อ่อนค่าลงไปกว่า -2.1ในคืนวันศุกร์

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีกำหนดการประชุมในวันพรุ่งนี้ และตลาดค่อนข้างคาดหวังจะเห็น “สัญญาณชี้นำ” เกี่ยวกับการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์เป็นเวลานานกว่า 3 ปี

ค่าเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์แข็งค่าต่อ 0.6ที่ 0.7270 ดอลลาร์/กีวี  หลังจากที่วันศุกร์อ่อนค่าลงไปกว่า -1.9%

ค่าเงินปอนด์ยังแข็งค่าต่อราว 0.4ที่ 1.3972 ดอลลาร์/ปอนด์ ได้รับแรงหนุนจาก
- โครงการฉีดวัคซีนในประเทศ
- โอกาสเห็นเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัว จากภาวะถดถอยที่เผชิญจากการระบาดของไวรัส
- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ มีกำหนดจะประกาศ งบประมาณโครงการฉีดวัคซีนของอังกฤษฉบับพิเศษเพิ่มอีก 1.65 พันล้านปอนด์ (2.30 พันล้านเหรียญ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายงานงบประมาณประจำปีที่จะเกิดขึ้นในวันพุธนี้

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.2ที่ 1.20910 ดอลลาร์/ยูโรหลังจากที่ปรับตัวลดลงไปกว่า -0.9ในคืนวันศุกร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่เม.ย.

ค่าเงินเยนอ่อนค่ามากสุดรอบ 6 เดือนที่ระดับ 106.70 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะปรับแข็งค่าลงมาอีกครั้ง

ดัชนีดอลลาร์ในตลาดเอเชียเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หลังจากที่แข็งค่าอย่างหนักทำสูงสุดตั้งแต่มิ.ย. ปีที่แล้วในคืนวันศุกร์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลดงในวันนี้ โดยมาเคลื่อนไหวแถว 1.403% หลังจากที่วันพฤหัสบดีที่ปรับขึ้นไปทำสูงสุดรอบ 1 ปีที่ระดับ 1.614%

ตลาดค่าเงินส่วนใหญ่มีการเคลื่อนไหวได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งจากตลาดพันธบัตรโลก โดยจะเห็นได้ชัดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากมุมมองโอกาสเศรษฐกิจฟื้นตัว และธนาคารกลางทั่วโลกจะมีความจำเป็นต้องปรับมาใช้ “นโยบายคุมเข้มทางการเงิน” เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เผชิญแรงเทขายจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเช่นกัน ขณะที่อุปสงค์ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้น

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังคงกล่าวย้ำเกี่วกับแนวโน้ม “การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในระยะสั้น” และ การใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินจะเกิดขึ้นเมื่อ “เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน”  

*** ขณะที่ ประธานเฟดจะกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับ “ทิศทางเศรษฐกิจ” ณ ที่ประชุม Wall Street Journal ในวันที่ 4 มี.ค. ***

สถานะ Short สุทธิของดอลลาร์ปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ปรับลงไปทำต่ำสุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธ.ค. ในสัปดาห์ก่อนหน้า

Bitcoin ปรับขึ้น 2ที่ 46,155.72 เหรียญ แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าสูงสุดที่ทำไว้เมื่อ 21 ก.พ. ที่ระดับ 58,354.14 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์จาก BofA ระบุว่า ภาวะตลาดหมีของตลาดพันธบัตร “ดิ่งแรงสุดเป็นประวัติการณ์” และทำให้เราเห็นพันธบัตรัฐบาลรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวลงแล้วกว่า 29% นับตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค. ปีที่แล้ว

พันธบัตรรัฐบาลของออสเตรเลียดิ่ง 19%
พันธบัตรรัฐบาลของอังกฤษปรับลง 16
%
พันธบัตรรัฐบาลของแคนานาร่วงกว่า 10
%

ทั้งหมดนี้ เป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจเกิดขึ้นได้อย่าง “รวดเร็ว” มากขึ้น

ขณะที่ร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ ตามข้อเสนอของนายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯสามารถผ่านมติสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และกำลังมีการส่งร่างต่อไปยังวุฒิสภา

นักเศรษฐศาสตร์จาก BofA คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้จะโตได้ 6.5และโตได้ 5ในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากโอกาสการเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ และข่าวดีเรื่องสถานการณ์การระบาดของไวรัส และข้อมูลเศรษฐกิจที่มาสนับสนุน

ยอดติดเชื้อไวรัสในประเทศสหรัฐฯลดลงราว 72นับตั้งแต่ที่ไปทำสุงสุดตั้งแต่ 12 ม.ค.

 

·         นักวิเคราะห์จากสถาบันการลงทุน WisdomTree Investment ระบุว่า แรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดต่างๆ ถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งขึ้นขานรับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในเชิงบวก และน่าจะเป็นผลดีต่อ “ประเทศญี่ปุ่น”
- เนื่องด้วยจะก่อให้เกิดกสภาวะ
 Risk-Off
- ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินเยนให้แข็งค่ามากไปกว่านี้
- เยนมีแนวโน้มจะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์

 

·         DBS ชี้ ไม่มีสัญญาณการยุติมาตรการต่างๆในเวลานี้


 

·         สถานการณ์การฉีดวัคซีน Covid-19

 

สถิติยอดติดเชื้อทั่วโลกในเวลานี้
- ยังคงมี 58 ประเทศ ที่มีรายงานการพบยอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มสูงขึ้น
- ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกทะลุ 114.127 ล้านราย
- ยอดเสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดสะสมที่ 2.635 ล้านราย



การฉีดวัคซีน

- มี 102 ประเทศที่ได้เริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ให้แก่ประชาชน
- มีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 239.531 ล้านราย
- เมือง
 Gibraltar ที่เป็นเมืองแรกของโลก (อยู่ในประเทศอังกฤษ) มีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้วกว่า 53% ณ ปัจจุบัน และคาดว่าประชาชนทุกคนจำเป็นต้องได้รับการฉีดเข็มที่ 2 ตามมา


ยอดเสียชีวิต Covid-19 ในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา





ยอดเสียชีวิตของผู้ป่วย Covid-19 ในสหรัฐฯลดลงราว 37ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 13,636 ราย

ขณะที่มียอดติดเชื้อใหม่ในสัปดาห์ที่แล้วรวม 491,000 ราย ซึ่งลดลงประมาณ 23เมื่อเทียบกับช่วง 7 วันก่อนหน้า และยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ และลดลงกว่า 72เมื่อเทียบกับจุดพีคสุดในช่วงต้นเดือนม.ค.

นอกจากนี้ยอดติดเชื้อใหม่ในสัปดาห์ที่แล้วพบว่ามาจาก 7 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐในประเทศสหรัฐฯ

 

·         ชุมชนบางแห่งในกรุงปักกิ่งเริ่มโครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุแล้ว

 

·         ฟิลิปปินส์เริ่มโครงการฉีดวัคซีน แต่อุปทาน-อุปสงค์ ยังคงมีความไม่แน่นอน

 

·         ผลสำรวจเอกชน ชี้ กิจกรรมภาคโรงงานของจีนขยายตัวได้ช้าสุดในรอบ 9 เดือน

รายงานจาก Caixin/Markit ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.พ. ขยายตัวได้ที่ 50.9 จุด ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค. ปีที่แล้ว

ภาพรวมข้อมูลดังกล่าวได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจาก
1) อุปสงค์จากต่างประเทศอ่อนแอ
2) การกลับมาเพิ่มขึ้นของยอดติดเชื้อไวรัส จึงกดดันผลิต
3) แรงกดดันในตลาดแรงงาน

ทั้งนี้ ข้อมูลการชะลอตัวของภาคการผลิตเป็นการ “ตอกย้ำ” ความเปราะบางทางเศษฐกิจของจีน แม้ว่ายอดติดเชื้อจีนจะลดลงก็ตาม

รายละเอียดย่อยในหมวดการผลิตพบว่าปรับลงแตะ 51.9 จุด ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวที่ต่ำสุดตั้งแต่เม.ย. ปีที่แล้ว
รายละเอียดย่อยในหมวดคำสั่งซื้อใหม่ตกลงมาที่ 51.0 จุด ต่ำสุดตั้งแต่พ.ค. ปีที่แล้ว
ข้อมูลยอดส่งออก “หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2”

 

·         ทีมนักวิเคราะห์จาก HSBC คาดการณ์ว่า “เศรษฐกิจจีนจะกลับมาโตได้ 8.5ในปีนี้ และจะเป็นผู้นำการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19

 

·         จีน เผย “การลดราคาแร่หายาก” จะช่วยให้นำไปสู่การแข่งขันที่รุนแรงของผู้ที่ต้องการทรัพยากรที่มีจำนวนไม่มากนัก

นอกจากนี้ จีนยังระบุว่า จะ “ไม่ทำการขาย” สินค้าหายากในราคาแพง แต่จะขายตามราคาจริง เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านการประมูลราคาสินค้า  

“คำขู่” จากจีนที่เป็นผู้นำด้านการผลิตแร่หายากในครั้งนี้ ดูจะเป็นการเตือนไปถึง 17 องค์กรที่ต้องการนำแร่งดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาอาวุธทางทหาร, การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในการบริโภค และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ แร่หายากดังกล่าว จีนมีการจำกัดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และทำให้สหรัฐฯต้องดิ้นรนหาแร่หรือวัสดุอื่นเพื่อมาทดแทนในการผลิต

อย่างไรก็ดี การส่งออกแร่หายากของประเทศจีนในปี 2020 ทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี อันเนื่องจาก
- การระบาดของไวรัสโคโรนา
- การเพิ่มอุปทานของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ

 

·         “เบนจามิน เนทันยาฮู” นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า มีรายงาน “ชัดเจน” ว่าอิหร่านยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดเรือของอิหร่านบริเวณอ่าวโอมานในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ในรายงานครั้งนี้ทางอิสราเอลเลี่ยงที่จะตอบคำถามว่า “จะทำการตอบโต้อิหร่านต่อเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่”

 

·         กลุ่มผู้ชุมนุมพม่า “ยกระดับการชุมนุม” หลังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุไม่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ และส่งผลให้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ยังกล่าวไม่น้อยกว่า 18 ราย

พร้อมกันนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีการ “เรียกร้อง” ให้นานาประเทศทำการตอบโต้ หลังจากที่รัฐบาลทหารพม่าใช้ความรุนแรงเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ที่กระทำรัฐประหารมาเป็นเวลา 1 เดือน

 

·         ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ – ขานรับส.ส. สหรัฐฯผลักดันร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันดิบในวันนี้ปรับตัวขึ้นได้กว่า 1 เหรียญ โดยตลาดรับข่าวการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีการผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับวงเงินจำนวนมหาศาล แม้ว่าข้อมูลกิจกรรมการผลิตจีนจะชะลอตัวและเป็นปัจจัยที่จำกัดการขึ้นของราคาน้ำมันเวลานี้ก็ตาม

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนพ.ค. ปรับขึ้น 1.07 เหรียญ หรือ +1.7บริเวณ 65.49 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นประมาณ 1.01 เหรียญ หรือ +1.6มาแถว 62.51 เหรียญ/บาร์เรล

ภาพรวมสัญญาน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดสามารถทำสูงสุดในรอบกว่า 13 เดือนได้ในสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับวันนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจาก
- ส.ส.สหรัฐฯผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ และมีการส่งต่อร่างให้แก่วุฒิสภา
- ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น
- ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวแดนบวก
- สหรัฐฯอนุมัติใช้วัคซีน 
Johnson & Johnson เป็นกรณีฉุกเฉิน หนุนโอกาสฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น
- ข้อมูลการผลิตในแถบเอเชียออกมาผสมผสาน โดยจีนร่วงลงทำต่ำสุดรอบ 9 เดือน แต่ “ญี่ปุ่นขยายตัวได้เร็วสุดในรอบกว่า 2 ปี”
- การนำเข้าน้ำมันของจีนถูกคาดว่าจะอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 จากราคาน้ำมันฟื้นอาจกดดันความต้องการน้ำมันในประเทศ
- ข้อมูลการนำเข้าน้ำมนัของเกาหลีใต้เดือนก.พ. ลดลงไป 14.7
เมื่อเทียบกับปีก่อน

จับตาการประชุมกลุ่ม OPEC+ (4 มี.ค. 2021) โดยคาดจะหารือเกี่ยวกับกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com