MTS Help Center

ทองคำร่วงจากดอลลาร์แข็งค่า-หุ้นขึ้น

ทองคำปรับตัวลงไปเกือบ 1% วานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจาก

1) การแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทำสูงสุด 3 สัปดาห์ บริเวณ 91.139 จุด ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 8 ก.พ. ก่อนจะปิด +0.28% ที่ 91.024 จุด
2) ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก
3) การขายต่อเนื่องของกองทุน SPDR

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.6% ที่ 1,723.30 เหรียญ และสัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด -0.3% ที่ 1,723 เหรียญ

 

·         เปิดวันทำการแรกของเดือนมี.ค. กองทุนทองคำ SPDR ขายทองออกอีก 9.03 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,084.5 จุด ถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 12 พ.ค. ปี 2020 ทำให้เดือนมี.ค. ยังคงมีภาพรวมขายต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หลังจากที่ตลอดเดือนก.พ. ขายออก 75.63 ตัน  

 

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเดือนม.ค. - ก.พ. ปี 2021 ขายออกสองเดือนติดต่อกัน 86.24 ตัน

 

·         กรรมการผู้จัดการจาก High Ridge Futures กล่าวว่า มุมมองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในเวลานี้ ดอลลาร์มีการรีบาวน์ได้จากระดับต่ำสุด และตลาดหุ้นค่อนข้างเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ดี จึงทำให้ “ความต้องการทองคำ” ลดน้อยลง

 

แต่การจะเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อ และนั่นน่าจะเป็นโอกาสดีที่จะเห็น “ทองคำฟื้นตัวได้”

 

·         มุมมองเชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจและการฉีดวัคซีน ดูจะส่งผลให้ตลาดหุ้นและดอลลาร์ปรับขึ้นได้

 

·         นักวิเคราะห์จาก StoneX มองว่า แม้ทองคำจะมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลาง แต่ทองคำก็ยังต้องเผชิญกับ “ความผันผวน”

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Axi กล่าวว่า ในทางเทคนิค ทองคำมีระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,700 เหรียญ และคาดทองคำจะมีกรอบสำคัญด้านนบนที่ 1,760 – 1,765 เหรียญ ที่เป็นจุดชี้วัดสำคัญในการปรับขึ้นของทองคำ

 

 

·         ราคาซิลเวอร์ปิด -0.5% ที่ 26.50 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด +1.6% ที่ระดับ 2,354.40 เหรียญ

·         ราคาแพลทินัมทรงตัวบริเวณ 1,188.30 เหรียญ

  

·         Goldman Sachs แนะว่า นักลงทุนไม่ควรวิตกกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนที่ปรับขึ้นมาในเวลานี้มากจนเกินไป

 

·         CNBC เผยมุมมองบรรดา นักเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับแนวทางการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดพันธบัตร

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดในการประชุมระหว่างวันที่ 16-17 มี.ค. นี้ ซึ่งนักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ค่อนข้างจับตาการประชุมในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด

  

·         วุฒิสภาสหรัฐฯจะเริ่มดีเบตร่างกฎหมาย Covid-19 สัปดาห์นี้ หลังเดโมแครตยังคงให้การสนับสนุนการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ

ส.ว.จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า วุฒิสภาสหรัฐฯจะเริ่มต้นหารือเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันพุธนี้ ท่ามกลางความท้าทายของเก้าอี้ในสภาที่สูสีกัน 50-50

นายชัค ชูมเมอร์ส ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ มีการเปิดเผยว่า วุฒิสภาสหรัฐฯจะทำการลงมติร่างกฎหมายดังกล่าวในสัปดาห์นี้ โดยส.ว.พรรคเดโมแครต บางส่วนยอมอ่อนข้อให้ต่อการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 15 เหรียญ จากปัจจุบันที่ระดับ 7.25 เหรียญ ซึ่งเป็นค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกปรับขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินในปี 2009

ขณะที่ ส.ว. ของพรรครีพับลิกัน บางราย ยังคงเสนอให้ปรับเพิ่มมาที่ 10 เหรียญ/ชั่วโมงแทน และนายจ้างต้องมีการตรวจสอบค่าจ้างว่าจะไปถึงมือแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตตั้งใจที่จะผ่านร่างดังกล่าวในลักษณะ “ปรองดอง” เพื่อให้ผ่านมติได้ง่ายกว่าด้วยการได้รับคะแนน 60 เสียงตามข้อกำหนดโดยปกติ

 

·         สถาบันจัดการด้านอุปทานสหรัฐฯ (ISM) เผยกิจกรรมการผลิตสูงสุดรอบ 3 ปี ท่ามกลางแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น

ISM เผยดัชนี PMI ล่าสุดประจำเดือนก.พ. ออกมาที่ 60.8 จุด สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 58.7 จุด จึงถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก.พ. ปี 2018 โดยได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่

แต่ภาพรวมภาคโรงงานก็เผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากต้นทุนทางด้านวัตถุดิบ ประกอบกับการขาดแคลนแรงงานการผลิตจากภาวะ Covid-19

นอกจากนี้ ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างก็ปรับตัวขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากค่าใช้จ่ายของเอกชนและภาครัฐที่แข็งแกร่ง

 

·         WHO กล่าวเตือน ถึงจะมีการเห็นจำนวนยอดติดเชื้อลดลง แต่ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วมีการปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

ทั่วโลกมียอดติดเชื้อสะสมรายวันลดจำนวนลงมาจากที่เคยไปถึงเกือบ 800,000 รายต่อวัน โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่ล่าสุดรวม 280,860 ราย รวมสะสมที่ 114.97 ล้านราย ใกล้ทะลุ 115 ล้านราย ด้านยอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2.54 ล้านราย ซึ่งมี 60 ประเทศที่ยังพบจำนวนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอยู่

 

สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงจากระดับแสนมาสู่ 49,094 ราย โดยล่าสุดติดเชื้อสะสมรวม 29.31 ล้านราย และเสียชีวิตรวม 527,150 ราย

 

ด้านอินเดียพบยอดติดเชื้อรายวันลดลงมาที่ 10,930 รายวานนี้ รวมสะสม 11.12 ล้านราย ขณธที่บราซิลก็ลดลงมาที่ 38,349 รายเมื่อวานนี้ สะสมที่ 10.58 ล้านราย

 

อังกฤษพบยอดติดเชื้อรายวันลดลงมาเหลือที่ 5,455 รายวานนี้ ปัจจุบันมียอดติดเชื้อสะสม 4.18 ล้านราย

 

·         สถานการณ์การระบาดในไทย

ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 80 รายในวานนี้ โดยจังหวัดปทุมธานีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 35 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 26,031 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังเท่าเดิม 83 ราย

 

วันแรกฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว254รายไม่พบใครมีอาการข้างเคียง

ในวันที่ 28 ก.พ.64  ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า วัคซีนซิโนแวค จากประเทศจีน เป็นที่ทราบกันดีว่ามีข้อจำกัดคือในการทดลองระยะที่ 3 กับคนกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมีข้อมูลน้อย จึงไม่แนะนำให้มีการฉีดให้กับกลุ่มผู้สูงอายุทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถฉีดได้ในวันนี้ แม้จะอยู่ในกลุ่มเป้าหมายก็ตาม ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว พร้อมทั้งได้มีการตรวจระบบการให้บริการฉีดวัคซีน เบื้องต้นสถาบันบำราศนราดูร ฉีดไปแล้วทั้งหมด 95 โดส หรือ 95 คน ที่โรงพยาบาลสมุทรสาครฉีดไปแล้ว 159 โดส และยังไม่มีรายใดพบผลข้างเคียงรุนแรงหลังได้รับวัคซีน ทุกคนสบายดี เป็นการสร้างความมั่นใจว่าวัคซีนนั้นค่อนข้างปลอดภัย ก็จะมีรายงานการฉีดออกมาเป็นระยะ ๆ

 

คลัสเตอร์ใหม่ "โรงชำแหละหมู" ปทุมธานีติด COVID-19 อีก 53 คน

นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการค้นหาเชิงรุกในจ.ปทุมธานี พบกลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อ 53 ราย จากคลัสเตอร์โรงงานชำแหละเนื้อสุกร เชื่อมโยงกับตลาดพรพัฒน์และสุชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว โดยอยู่ระหว่างการสอบสวน

"การระบาดเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ ตรวจพบเพิ่มเป็นผลมาจากการทำ covid-19 passport โดยที่พ่อค้า/แม่ค้า ต้องตรวจ 100% เพื่อแก้ปัญหาการทำ Active Case Finding ไม่ครอบคลุม"

 

·         การฉีดวัคซีนทั่วโลกเริ่มแล้ว 107 ประเทศ ทำให้ล่าสุดมีการได้รับวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 244.2 ล้านโดส

 

·         ยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุดพบสัปดาห์ที่แล้วมียอดติดเชื้อลดลง 3% ซึ่งลดลงน้อยกว่าสัปดาห์ที่แล้วที่เทียบกับสัปดาห์ก่อน และภาพรวมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังกล่าวเตือนถึงสภาวะการระบาดทั่วโลกที่ยังมีอยู่

·         ทำเนียบขาว ยัน ชาวอเมริกาจะได้รับการฉีดวัคซีน Covid-19 ก่อนจะหารือเรื่องการแบ่งปันวัคซีนกับทางเม็กซิโก

 

·         วัคซีนของบริษัท Johnson&Johnson มีการส่งมอบไปยังสหรัฐฯแล้วเป็นจำนวนเกือบ 4 ล้านโดส แต่กระบวนการกระจายวัคซีนจะขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ

 

·         ผู้บริหาร Johnson&Johnson เผย ได้รับการอนุมัติจากโรงงานแห่งใหม่ที่จะช่วยให้สามารถจัดส่งวัคซีนในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นได้

 

·         CEO ของ Novavax เผย วัคซีน Covid-19 ของบริษัทอาจได้รับการอนุมัติใช้ในสหรัฐฯเร็วสุดประมาณเดือนพ.ค. หากเจ้าหน้าที่กำกับดูแลของสหรัฐฯพิจารณาตามข้อมูลการทดลองที่ได้รับจากอังกฤษ ซึ่งคาดจะเสร็จสิ้นกระบวนการโดยสมบูรณ์ภายในไม่กี่สัปดาห์นี้

 

·         สาธารณรัฐเช็คกลับมาใช้มาตรการ Lockdown เข้มงวด เร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อตามโรงงานเพิ่ม

 

·         อังกฤษเร่งติดตามผู้ติดเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่พบในประเทศบราซิลที่หายตัวไป

 

·         นางเออซูลาร์ วง เดอ เลอยง ประธานคณะกรรมาธิการอียู จะเสนอพาสปอร์ติจิทัลสำหรับวัคซีนโดยเฉพาะในเดือนมี.ค. นี้

 

·         ผู้แทนการค้าของทีมบริหารนายไบเดน ระบุว่า จะทำการต่อสู้กับกำแพงการค้าของจีน ประกอบด้วยกระบวนการตรวจสอบต่างๆ เพื่อต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมทางการค้ากับจีน และแนวทางการปฏิบัติทางเศรษฐกิจ

 

·         เลขาธิการกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ เผย จีนทำตามคำมั่นสัญญาในการเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อตามข้อตกลงการค้าที่เคยทำไว้

 

·         Reuters รายงานว่า สหรัฐฯเผชิญการ “โจมตีประชาธิปไตย” อย่างที่ไม่เคยปรากฎหมายก่อน และทางทำเนียบขาวพร้อมสนับสนุนการร่างกฎหมายปฏิรูปการเลือกตั้ง

 

·         บรรดาผู้บริหารบริษัทพลังงาน คาด อุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้ว่า “พลังงานทดแทน” จะกำลังเป็นที่นิยมในเวลานี้ก็ตาม

 

·         รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯเผชิญวิกฤตพลังงานไฟฟ้าเชิงลึก จากจำนวนบริษัทที่เพิ่มมากขึ้นในการข้ามการชำระเงินสำหรับหน่วยงานพลังงานไฟฟ้า

บริษัทพลังงานหลายแห่งในรัฐเท็กซัสล้มเหลวในการจ่ายค่าไฟฟ้าและบริการอื่นๆ เป็นมูลค่ากว่า 345 ล้านเหรียญตั้งแต่เดือนที่แล้วจากภาวะสภาพอากาศหนาวจัด

 

·         ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เผย เหตุสังหารชาวพม่าที่ร่วมชุมนุมทวีความรุนแรงขึ้น และสหรัฐฯพร้อมจะดำเนินการเพิ่มเติมต่อผู้ที่รับผิดชอบต่อการทำรัฐประหารในครั้งนี้

 

·         ผู้เชี่ยวชาญจาก U.N. เตือน ความล้มเหลวของสหรัฐฯในการไม่ลงโทษเจ้าชายที่สั่งสังหารนักข่าว “คาช็อกกี” ที่ถือเป็นภัยร้ายแรง

 

 

·         Hang Seng Index สะเทือนตลาดฮ่องกงในการขยายมาตรฐาน ตั้งเป้า 100 บริษัทเข้าสู่กระดานซื้อขาย

 

 

·         นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบเงินบาทลดช่วงอ่อนค่า สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ คาดไว้ที่ 30.10-30.50 บาท/ดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากกลุ่มผู้ส่งออก และการกลับเข้าซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ