ทองคำรีบาวน์ จากดอลลาร์-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลง
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 8 เดือนที่ทำไว้แถว 1,706.7 เหรียญโดยประมาณ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 15 มิ.ย. ปีที่แล้ว โดยทองคำได้รับปัจจัยบวกจาก
1) ดอลลาร์อ่อนค่าหลุด 91 จุด ปิดตลาด -0.31% ที่ระดับ 90.731 จุด (วานนี้ทำแข็งค่ามากสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 91.396 จุด)
2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ่อนตัว
3) การทำ Short Covering
4) กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่ม
· กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่มครั้งแรกในช่วงเกือบ 1 เดือน โดยเมื่อวานนี้ซื้อ 2.62 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำ 1,087.12 ตัน
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.8% ที่ระดับ 1,736.46 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด +0.6% ที่ระดับ 1,733.60 เหรียญ
· เทรดเดอร์การลงทุนประจำธนาคาร BMO กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้จากการปรับตัวลงของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จึงเห็นได้ว่าเมื่อราคาทองคำฟื้นตัวได้ 30 เหรียญจากที่ทำต่ำสุดในตลาดเอเชีย บ่งชี้ว่าสภาวะการรอเข้าซื้อเมื่อช่วงราคาทองถูก กับภาวะ Short Covering เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนตลาด และทำให้ตลาดกลับมาปิดเหนือ 1,725 เหรียญได้อีกครั้ง
· นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ทองคำระยะสั้นๆมีสัญญาณกลับมาเป็นขาขึ้นได้บ้าง
· ตลาดยังคงให้ความสำคัญกับร่างกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯในวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ ที่ทางวุฒิสภาสหรัฐฯกำลังหารือกันต่อในสัปดาห์นี้
· ซิลเวอร์ปิด +1.4% ที่ 26.84 เหรียญ หลังช่วงต้นตลาดทำต่ำสุดรอบกว่า 1 เดือน
· พลาเดียมปิด +0.8% ที่ระดับ 2,369.26 เหรียญ
· แพลทินัมปิด +2.1% ที่ 1,209.58 เหรียญ
· รายงานจาก CNBC After Hours ระบุว่า บรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์กลุ่ม Crypto มีการกลับเข้าถือ Bitcoin เพิ่มอีกครั้งในเวลานี้
· ว่าที่ประธานกำกับดูแลตลาด (SEC) ในทีมบริหารของนายไบเดน ส่งสัญญาณจะเพิ่มข้อกำหนดสำหรับ Cryptocurrency มากขึ้น
· สมาชิกเฟด “ตอกย้ำ” การอดทนรอในการดำเนินนโยบาย จากแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า สมาชิกเฟดกำลังเผชิญกัความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวตามสภาวะการฉีดวัคซีนและการสนับสนุนค่าใช้จ่ายของภาครัฐบาล แต่เฟดก็มีแนวโน้มจะยังคงการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และหวังจะเห็นคนว่างงานในเวลานี้กลับมามีงานทำ
ขณะที่การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเมื่อไม่นานมานี้ สะทอ้นถึงนักลงทุนที่คาดหวังจะเห็นเฟดกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มเร็วกว่าที่คาด
· เดโมแครตตั้งเป้าส่งร่างกระตุ้นเศรษฐกิจ Covid-19 ให้แก่นายไบเดนภายในช่วงสิ้นสัปดาห์หน้า
พรรคเดโมแครตมีความตั้งใจจะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญให้ได้ไม่กเนสัปดาห์หน้า เพื่อส่งต่อให้นายไบเดนได้ทำการลงนามร่างกฎหมายดังกล่าว
โดยวุฒิสภาสหรัฐฯจะเริ่มพิจารณาร่างจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีการส่งต่อมาเร็วที่สุดในวันนี้ หลังจากใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงในการหารืออย่างต่อเนื่อง ก็จะมีการลงมติการแก้ไขร่างดังกล่าว เพื่อหวังให้วุฒิสภาสามารถผ่านร่างนี้ไปให้ได้
สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตยังคงจับตารายละเอียดและต้องการพิจารณาร่างดังกล่าวในสัปดาห์นี้ โดยพรรคเดโมแครตมีแผนจะอนุมัติให้ผ่านร่างนี้ไปให้ได้โดยปราศจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกัน แต่การสนับสนุนร่างดังกล่าวในวุฒิสภาก็อาจพ่ายแพ้ให้แก่ความเห็นต่างภายในพรรคเช่นกัน
และสิ่งที่น่าเป็นกังวลในการผ่านร่างนี้ไปให้ได้ คือการผลักดันการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 15 เหรียญ/ชั่วโมง
· 11 สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต ช่วยดันร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดน ในการจ่ายเช็คและช่วยเหลือคนว่างงาน
· หนึ่งในข้อเสนอแพ็คเกจ Covid-19 ของสหรัฐฯ อาจรวมถึงการช่วยเหลือผู้สูงอายุบางคนที่มีการรักษาตัวภายในที่พักอาศัย หรือออกจากบ้านพรรคคนชราได้ โดยในร่างดังกล่าวมีการเรียกร้องเพิ่มวงเงิน 7.5% หรือ 1 พันล้านเหรียญ สำหรับงบด้านสุขภาพในส่วนของกองทุนสวัสดิการด้านที่พักอาศัยและบริการด้านสาธารณะ
· ร่างแพ็คเกจ Covid-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ อาจกระตุ้นให้เกิดค่าธรรมเนียมการกู้ยืมการศึกษาที่สูงขึ้น
American Rescue Plan จะมีแผนการเพิ่มเครดิตคืนเงินภาษีเด็ก และมีการช่วยเหลือกลุ่มผู้เช่า ในวงเงิน 3 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 3 และครอบคลุมถึงการขยายเวลาช่วยเหลือคนว่างงาน
ขณะเดียวกันก็มีการจัดสรรวงเงินเกือบ 4 หมื่นล้านเหรียญในการขยายกองทุน Education Emergency Relief Fund ในการช่วยเหลือและสนับสนุนการศึกษาฉุกเฉินที่อาจขยายไปถึงปี 2021
โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ทางทีมบริหารของนายไบเดนคำนึงถึง และการขยายในส่วนของการช่วยเหลือการศึกษาอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายการกู้เงินของนักเรียนที่สูงขึ้นตามมาได้
· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:
ทั่วโลกยอดติดเชื้อสะสมทะลุ 115 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า ล่าสุดรวม 352,993 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 115.27 ล้านราย ด้านยอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2.55 ล้านราย
ขณะที่ภาพโดยรวมพบ 65 ประเทศในโลกที่ยังมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น
สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลง ล่าสุดอยู่ที่ 53,392 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมรวม 29.36 ล้านราย และเสียชีวิตรวม 529,045 ราย
ทางฝั่งเอเชีย
เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นทะลุ 90,000 ราย ล่าสุดสะสมที่ 90,372 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,606 ราย
· สถานการณ์การระบาดในไทย
ศบค. เผยผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่ม 42 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมโดยรวม 26,073 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ป่วยอยู่จ.ปทุมธานี รวมเสียชีวิตสะสม 84 รายแล้ว
· นักเศรษฐศาสตร์เล็งเห็นสัญญาณแรกจากข้อมูลการฉีดวัคซีนว่า “มีประสิทธิภา”
รายงานจาก CNBC ระบุว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์ดูจะตอบรับกับข้อมูลอย่างสูงของการฉีดวัคซีน Covid-19 เนื่องด้วยเห็นจำนวนยอดติดเชื้อไวรัสลดลง ประกอบกับสัญญาณการเสียชีวิตที่มีอัตราลดลง ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อประสิทธิภาพของการใช้วัคซีนในเวลานี้
· รายงานการฉีดวัคซีนในเวลานี้ พบ 108 ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่จำนวนการฉีดวัคซีนทั่วโลกในเวลานี้อยู่ที่ระดับประมาณ 249.196 ล้านโดส
· ทำเนียบขาวเร่งการจัดหาวัคซีนให้ได้ตามกรอบเวลา โดยตั้งเป้าให้สหรัฐฯจะต้องฉีดวัคซีน Covid-19 ให้แก่ผู้สูงอายุทุกคนในประเทศให้ได้ภายในสิ้นเดือนพ.ค. นี้
· นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า บริษัท Merk จะช่วยผลิตวัคซีน Johnson&Johnson ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯในการเร่งจัดหาอุปทานด้านวัคซีนให้สูงขึ้น
· “ไบเดน” เรียกร้องให้มลรัฐทำการฉีดวัคซีนให้คณะครูอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ประจำสถานศึกษาในเดือนนี้อย่างน้อยคนละ 1 เข็มแก่ทุกๆสถานศึกษา ภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้
· รัฐเท็กซัส และมิสซิสซิปปี เมินคำเตือนจาก CDC ประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มและการสวมใส่หน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน
· เจ้าหน้าที่ยุโรปถูกกดดันจากประเทศสมาชิกในความพยายามสนับสนุนวัคซีน Covid-19 ของบริษัท AstraZeneca
· รายงานล่าสุดเช้านี้ นางนีรา แทนเดน ประกาศถอนตัวจากการเป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้อำนวยการหน่วยงานด้านงบประมาณของทีมบริหารไบเดน
· ข้อมูล PMI ภาคบริการญี่ปุ่นหดตัวลงต่อเนื่อง 13 เดือน ท่ามกลางการประกาศภาวะฉุกเฉินของประเทศ
· OPEC เล็งเห็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มตลาดน้ำมัน ประกอบกับคยวามเสี่ยงที่ลดลงต่อเนื่อง
รายงานจาก Reuters ระบุว่า ภาพรวม OPEC มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของตลาดน้ำมันหลังจากที่เผชิญความไม่แน่นอนในปีที่แล้ว และมีความเสี่ยงลดลงจากการใช้วัคซีนต้านการระบาดของไวรัส Covid-19
· รัฐบาลพม่าจับกุมแลละตั้งข้อหาสมาชิกสื่อ 6 ราย ทีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมต้านรัฐบาลในประเทศ ขณะที่สำนักข่าว AP และหน่วยงานด้านสื่อมวลชนอื่นๆเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเขาในทันที
· นักบริหารเงิน มองภาพรวมเงินบาทยังค่อนข้างทรงตัว และทิศทางเงินบาทวันนี้คาดว่าจะยังมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ และตลาดรอฟังว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาให้มุมมองหรือมีการ take action อย่างไร ต่อ Treasury Yield ของสหรัฐที่ขึ้นไปเร็วมาก พร้อมคาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.30 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- คลังเผยยอดรับสิทธิ “เราชนะ” ล่าสุดเกือบ 30 ล้านคน ใช้จ่ายกว่า 6.9 หมื่นลบ.
ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.2 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 35,939.2 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิโครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 29.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 69,023.7 ล้านบาท
- สรท.คาดแนวโน้มส่งออก ก.พ. ดีขึ้นหลังได้วัคซีน คงเป้าทั้งปีโต 3-4%
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก กล่าวว่า สถานการณ์ส่งออกของประเทศไทยดีขึ้นต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว หลังมีการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาใช้งานในหลายประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างสหรัฐและจีนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สรท.ยังคงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโตที่ระดับ 3-4%